WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate on Weakness and Hold
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงต่อเนื่องอีกอีกกว่า 12 จุดซึ่งอ่อนแอกว่าภูมิภาคและผิดจากที่เราคาดว่าจะเกิด Technical Rebound โดยถูกกดดันจากกระแสเงินที่ยังไหลออกสังเกตจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าค่อนข้างเร็ว นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีกราว 1.8 พันลบ. (รวมถึง Short ใน Index Future สูงถึง 1.8 หมื่นสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศขายสุทธิเช่กนัน 3.1 พันลบ. 
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เรายังคาดว่า SET Index มีโอกาสเกิด Technical Rebound ได้ในระยะนี้หลังจากที่ปรับตัวลงแรง 2 วันติดต่อกันโดยประเมินฐานแนวรับบริเวณ 1,635 จุด บรรยากาศการลงทุนเช้านี้ยังค่อนข้างผ่อนคลายหลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ-จีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการทำข้อตกลงทางการค้า อย่างไรก็ตามปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือการพิจาณาของศาลรัฐธรรมนูญประเด็นยุบพรรคไทยรักษาชาติซึ่งอาจมีผลต่อความเสี่ยงทางการเมืองที่มากขึ้น
          กลยุทธ์ : สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มบริเวณฐานแนวรับและเน้นถือต่อเนื่อง
          หุ้นเด่นเดือน มี.ค : EA, ERW, PLANB, RS, TVO
          Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกภูมิภาค US$128ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$56ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางพลิกกลับมาไหลเข้าภูมิภาคหลังมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐกำลังจัดเตรียมข้อตกลงทางค้าให้กับประธานาธิบดีสหรัฐและจีนเพื่อลงนามในช่วงกลางเดือนนี้
 
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> AAV <<
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายอิง IAA Concensus ที่ 5.00 บาท (ตัดขาดทุน 4.40 บาท)
          - ระยะสั้นได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาโต โดยเงินบาทอ่อนค่าเร็วเมื่อเทียบกับเงินหยวน 3.3% ใน 8 วันทำการ อีกทั้ง ราคาน้ำมันดิบที่เป็นสาเหตุให้กำไรทรุดในปีก่อนก็ดูผ่อนคลายลง
          - ภาพระยะยาว ถ้ารวมกับ NOK จริง เรามองเป็นบวก เพราะเป็นทางเดียวที่จะเพิ่มสลอตการบิน และรักษาความเป็นเบอร์ 1 อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ล่าสุด NVDR ซื้อเพิ่ม 4 วันติดต่อกัน 9.33 ล้านหุ้น มาอยู่ที่ 375.90 ล้านหุ้น  
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (0) มองว่าเดือนนี้พักเพื่อไปต่อ แม้ผลประกอบการ 4Q18 จะต่ำกว่าคาด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจาก Stock loss ในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี แต่หลังจากปรับประมาณการแล้ว เราคาดว่ากำไรของบจ.ในปีนี้จะกลับมาโต 9.8% อย่างน้อย stock loss ที่หายไปหรือลดน้อยลงจากปีก่อนมาก น่าจะทำให้ประมาณการของเรามี downside จำกัด ในขณะที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มการบริโภคในประเทศ การลงทุน และท่องเที่ยว มีโมเมนตัมดี เราจึงยังคง SET Target สิ้นปีที่ 1,800 จุด โดยเฉพาะเดือนนี้เป็นเดือนแห่งการเลือกตั้งและการขึ้น XD ความเสี่ยงขาลงของดัชนีมีไม่มาก แต่เนื่องจากดัชนีตั้งแต่ต้นปีปรับขึ้นมากว่า 100 จุด จึงคาดว่าน่าจะถือโอกาสพักฐานเพื่อไปต่อ หุ้นเด่นเดือนนี้ ได้แก่ EA, ERW, PLANB, RS, TVO  
          (0) BDMS จากการประชุมนักวิเคราะห์เราไม่เป็นกังวลต่อกำไร 4Q18 ที่ต่ำกว่าคาดไปเล็กน้อย เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A หลายรายการเป็นลักษณะ One-Time จึงคาดว่าจะไม่ลากยาวมาในปีนี้ และคาดว่าจะหักล้างได้บางส่วนกับส่วนแบ่งกำไรของ RAM ที่ลดลงและหนี้สินผลประโยชน์พนักงานที่เพิ่มขึ้น โดยเรามองประมาณการกำไรปกติปี 2019 ที่คาด +9.9% Y-Y ยังอยู่ในกรอบที่เป็นไปได้และไม่ได้มี Downside อย่างมีนัยยะ เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 30 บาท โดยยังเป็น Top Pick ของกลุ่ม  
          (0) CENTEL  จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ แนวโน้มกำไร 1Q19 ของ CENTEL อาจยังไม่ดีนักจาก Rev Par และ SSSG ที่ยังติดลบในช่วง 2 เดือนแรกของปี ขณะที่ภาพการทั้งปี 2019 คาดว่ายังจำกัดเนื่องจาก CENTEL จะเริ่มปรับปรุงห้องพักโรงแรมใหญ่ 2 แห่งในช่วง 2Q19 เป็นต้นไป เราจึงคงมุมมอง Conservative โดยคงประมาณการกำไรปกติปี 2019 ที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 3.9% Y-Y เป็น 2,263 ลบ. ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากตั้งแต่ต้นปีทำให้ปัจจุบันมี Upside จำกัดเมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมที่ 46 บาท เราจึงลดคำแนะนำลงเป็นถือ โดยชอบ ERW และ MINT มากกว่า 
          (+) ASK เราคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของยอดขายรถเชิงพาณิชย์ ทั้งรถบรรทุก (เติบโตตามการขนส่ง และการบริโภค การลงทุน ภายหลังการเลือกตั้ง) และบัส + มินิบัส ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตแทนรถตู้จากการเปลี่ยนกฏระเบียบของการขนส่งคาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q19 น่าจะเห็นการฟื้นตัวมาอยู่ที่ 225 ลบ. +3-4% Q-Q และ +25% Y-Y และเราคงประมาณการกำไรปี 2019 คงไว้ที่ 898 ลบ. +10.7% Y-Y โดยมีสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อในปี 2019 ที่ 10% Y-Y มากกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 8% นอกจากนี้เราคาดว่า ASK จะเข้าสู่ระยะขาขึ้นของ ROE ด้วยผลของกำไรที่เพิ่มขึ้นและ Financial leverage คงราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 28.60 บาท ประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 1.61 บาท Yield 6.65% ขึ้น XD 7 มี.ค. 19 คงคำแนะนำซื้อ 
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5 มี.ค.   - สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค.)
         - ฟิลิปปินส์: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
6 มี.ค.   - สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ธ.ค.)
7 มี.ค.   - ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ
         - ยูโรโซน: 4Q18 GDP ครั้งที่ 3, และ ECB Press Conference 
8 มี.ค.   - สหรัฐฯ: ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.พ.)
         - จีน: ดุลการค้า (ก.พ.)
9 มี.ค.   - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
 
          (+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น หลังกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด รวมถึงความหวังที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีนในเร็วๆนี้
          (+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากความหวังเรื่องสหรัฐ-จีน ที่ใกล้จะบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยอาจจะลด/ยกเลิก การเก็บภาษีสินค้านำเข้าของทั้งสองฝ่าย
          (+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นตาม Sentiment เชิงบวกจากการเจรจาเรื่องสงครามทางการค้าและตัวเลข PMI ของจีนที่ดีกว่าคาด
          (-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.78 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ          
          (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง -1.42 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 55.80 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลข PMI ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด
          (-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง -16.90 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1299.2 ดอลลาร์/ออนซ์
 
          Contact person : Jitra  Amornthum  
          Register : 014530
          Tel: 02-646-9966
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research
 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!