ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนลบโดยปัจจัยกดดันมาจากทั้งสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน รวมถึงการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือตัดจบกลางคันโดยไม่มีการแถลงและลงนามข้อตกลงร่วม นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 4.2 พันลบ. ส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 3.3 พันลบ. (มี Big Lot BJC มูลค่า 1.6 พันลบ.) ส่วนฝั่ง Index Futures ต่างชาติพลิกมา Short หนาแน่นกว่า 8.5 พันสัญญา 

          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index มีโอกาสเกิด Technical Rebound ได้หลังตัวเลข GDP 4Q18 ของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ผลประกอบการ 4Q18 ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวม (ไม่นับกลุ่มพลังงาน) ไม่ได้ต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยยะ นอกจากนี้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปลายเดือนนี้คาดว่ายังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ รวมถึงความคาดหวังที่สหรัฐฯ-จีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้สำเร็จ เราจึงยังมองการปรับลงของตลาดระยะนี้เป็นเพียงการพักตัวระยะสั้นและคาดว่าจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ในระยะถัดไป

          กลยุทธ์ : สะสมหุ้นเพิ่มในช่วงตลาดพักตัว//ระยะกลาง-ยาวเน้นถือต่อเนื่อง

          หุ้นเด่นเดือน มี.ค : EA, ERW, PLANB, RS, TVO

          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกภูมิภาค US$367ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$200ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$133ล้าน ขณะที่ไหลเข้าฟิลิปปินส์ US$72ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคผิดหวังการประชุมสหรัฐและเกาหลีเหนือที่ไม่มีข้อตกลงใดๆ

 

          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 10 บาท (ตัดขาดทุน 7.20 บาท)

          - ประเด็นการรวม TMB และ TBANK แม้ยังต้องรอความชัดเจน แต่คาดว่าอันดับเครดิตของ THANI ยังไม่ถูกกระทบ 

          - คาดกำไรปี 2019 ที่ 1.82 พันลบ. +11% Y-Y มีโอกาสกลับรายการสำรองส่วนเกินในอนาคต เพราะสำรองทั่วไปฯรองรับเกณฑ์ IFRS 9 เพียงพอแล้ว 

          - จ่ายปันผลเป็นหุ้น 4:1 และเงินสดอีก 0.29 บาท/หุ้น ขึ้น XD 7 มี.ค. 19

 

          (-) BDMS กำไรสุทธิ 4Q18 อยู่ที่ 1,350 ลบ. -53.1% Q-Q, -33.7% Y-Y ต่ำกว่าคาดมากเนื่องจากต้องบันทึกหนี้สินภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจำนวน 727 ลบ.จากรายการขายหุ้น RAM แต่หากตัดรายการดังกล่าวออก กำไรปกติ 4Q18 จะอยู่ที่ 2,077 ลบ. -27.9% Q-Q, +2.1% Y-Y ต่ำกว่าคาดราว 8% เพราะค่าใช้จ่าย SG&A เร่งตัวขึ้น แต่โดยรวมถือว่ายังไม่ได้น่ากังวล ทั้งปี 2018 มีกำไรปกติ 9,918 ลบ. +23.7% Y-Y ทำ New High ต่อเนื่อง แนวโน้มกำไร 1Q19 จะมีบันทึกกำไรพิเศษขายหุ้น RAM 5,369 ลบ. ซึ่งจะทำให้เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้ง Q-Q และ Y-Y อย่างไรก็ตามประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2019 ที่ 10,902 ลบ. +9.9% Y-Y คาดว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาวและจุดแข็งจากการมีเครือข่ายโรงพยาบาลคลอบคลุมมากที่สุดในประเทศ ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท 

          (+) AAV ประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ดูเป็นบวกมากขึ้น แม้งบ 4Q18 จะออกมาน่าผิดหวัง ขาดทุนสุทธิ 270 ลบ. และทั้งปี 2018 มีกำไรเพียง 70 ลบ. จากที่ทำได้สูงถึง 1,477 ลบ. ในปี 2017 แนวโน้ม 1Q19 จะเริ่มฟื้นตัว จากค่าโดยสารที่ทยอยเพิ่มขึ้น และนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาโตสูง รวมถึงแรงกดดันด้านราคาน้ำมันที่ลดลง แต่เราคาดว่ายังชะลอจาก 1Q18 ส่วนการควบรวมกับ NOK ยังต้องรอความคืบหน้า ถ้าเป็นจริง อาจต้องใช้เวลาฟื้นธุรกิจของ NOK อีก 2 ปี แต่ด้วยจำนวนเครื่องบินที่จะเพิ่มขึ้นอีก 50% ครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ในประเทศแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และ NOK มีขาดทุนสะสมที่ใช้ประหยัดภาษีได้ จึงน่าจะเกิด Synergy กับทั้งคู่ แนะนำเก็งกำไร ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA Concensus ที่ 5.14 บาท    

          (0) HANA กำไรสุทธิ 4Q18 เท่ากับ 647 ลบ. (-28.5% Q-Q, +3.5% Y-Y) หากไม่รวม FX Loss 8 ลบ. จะมีกำไรปกติ 655 ลบ. (-21.4% Q-Q, +28% Y-Y) กำไรลดลง Q-Q ตามฤดูกาล ส่วนกำไรที่โต Y-Y มาจากรายได้ที่โต และค่าใช้จ่ายที่ลดลง ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างทรงตัว จบปี 2018 มีกำไรสุทธิ 2,375 ลบ. (-17.7% Y-Y) คาดกำไรปี 2019 จะกลับมาโต 7.6% Y-Y จากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบที่คลี่คลาย แม้จะมีคำสั่งซื้อจาก Huawei แต่เรายังกังวลกับคำสั่งซื้อของลูกค้ารายอื่นๆ เพราะเริ่มได้รับผลกระทบจาก Trade War ยังคงราคาเป้าหมายที่ 44 บาท คงคำแนะนำถือ ปันผลงวด 2H18 หุ้นละ 1 บาท Yield 2.8% ขึ้น XD 15 มี.ค. 19

          (0) STA กำไรสุทธิ 4Q18 เท่ากับ 139 ลบ. (-72.3% Q-Q, -83% Y-Y) หากไม่รวม FX Loss 250 ลบ. และ Hedging Gain 143 ลบ. จะมีกำไรปกติ 233 ลบ. (-2% Q-Q และพลิกจากที่ขาดทุนใน 4Q17) รายได้ปรับลดลงตามปริมาณและราคาขาย  ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 8% จาก 10.4% ใน 3Q18 แต่ยังเพิ่มขึ้นจาก 7% ใน 4Q17 เพราะมีถุงมือยางเข้ามาช่วย (สัดส่วนรายได้ถึงมือยางขยับขึ้นเป็น 18.5% ใน 4Q18) จบปี 2018 มีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ 2,064 ลบ. พลิกจากที่ขาดทุนในปีก่อน เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิปี 2019 โตเล็กน้อย +5% Y-Y โดยมองแนวโน้มราคายางจะปรับขึ้นในปีนี้ จากปริมาณความต้องการที่น่าจะยังดี และคาดธุรกิจถุงมือยางยังเติบโตได้ต่อเนื่อง คงราคาเป้าหมายที่ 17 บาท แนะนำเก็งกำไร

 

1 มี.ค.  - สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ก.พ.) 

        - จีน: PMI ภาคการผลิต (ก.พ.) 

7 มี.ค.  - ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ

           (-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง หลังการพบกันระหว่างปธ.ทรัมป์และคิมจองอึน ล่มลงกลางคันโดยไม่มีข้อตกลงใดๆทั้งสิ้น

          (+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากแนวโน้ม Brexit ที่อาจเลื่อนออกไป

          (+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นหลังค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ช่วยหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น รวมถึงโอกาสที่ MSCI จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาด A Share ของจีน

          (-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.58 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

          (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น +0.28 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 57.22 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังกลุ่ม OPEC ยังยืนยันเดินหน้าลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาสมดุลราคาน้ำมันต่อไป

          (-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง -5.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1316.1 ดอลลาร์/ออนซ์