- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 February 2019 16:15
- Hits: 3428
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“กลับมากังวลสงครามการค้า ศาลเลื่อนไต่สวนยุบพรรค”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +1.71 จุด ปิดที่ 1665.27 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 52.6 พันล้านบาท ดัชนีบ้านเราสอดคล้องกับภูมิภาคแถบนี้ที่แกว่งตัวแคบๆ ตลาดรอปัจจัยบวกใหม่ๆ ขณะที่เฟดแถลงครึ่งปียังเป็นโทนบวกเหมือนเดิมคือ อดทนต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย และรอดูตัวเลขเศรษฐกิจ หลังอ่อนลงในหลายตัวเลข ส่วนปัจจัยบวกคือ ราคาน้ำมันกลับมาขึ้น ช่วงเย็นวานนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตัดสินยุบพรรคไทยรักษาชาติ และนัดลงมติวินิจฉัย 7 มี.ค.62 สำหรับผู้ขายสุทธิเป็น ต่างชาติ 0.6 พันลบ. และสถาบัน 0.5 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 0.7 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.4 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET มีลักษณะ Sideways ในเชิงปรับลง หลังกลับมากังวลสงครามการค้าจีน-สหรัฐที่ตัวแทนการค้าสหรัฐระบุจีนต้องดำเนินการปรับปรุงอีกหลายด้าน เกิดสงครามการค้าอินเดีย-ปากีสถาน เงินบาทกลับมาอ่อนค่า และบอนด์ยิลด์สหรัฐเพิ่ม
# ปัจจัยบวกที่มีอยู่บ้างคือ ราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อ ยังคงต้องติดตามปัจจัยการเมือง หลังศาลเลื่อนการตัดสินไป 7 มี.ค.62 รวมทั้งผลประกอบการไตรมาส 4/61-ตลอดปี 61 และการประกาศจ่ายปันผล ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้เปิดมา Mix และดาวโจนส์ล่วงหน้าลบเล็กๆ
# กลยุทธ์ คือ หาก SET ปรับขึ้น เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1670-1680 จุด แต่หากมีแรงขาย แนวรับเป็น 1630,1620 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น ERW : กำไรหลัก 4Q61 เติบโตได้ 12% y-o-y สอดคล้องกับที่คาดไว้ก่อนหน้า สามารถมาเป็นกำไรเติบโตได้ เพราะโรงแรมแห่งใหม่ และควบคุมต้นทุนได้ดี คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 62 นี้ยังดีเป็น 14% หลังจากปี 61 เติบโต 6% คงคำแนะนำ ซื้อ ประกาศจ่ายปันผลงวดสุดท้ายปี 61 ที่ 0.09 บาท คิดเป็นอัตราการจ่าย (Payout Ratio) 42% กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 9.00 บาท มีส่วนเพิ่มได้อีก 22%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators ยังเป็นลบเล็กๆ แต่ก็“ไม่”ตัดประเด็นมีรีบาวด์ฯก่อนได้ {แม้“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”แต่ก็เพียงเล็กน้อย และยังมีการสร้างLOWระหว่างวัน,ที่ต่ำลง (โดยยัง“ติด”แนวต้าน และยังถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบ“เริ่ม”ให้น้ำหนักกับการลง แต่ “ค่าบวก” จะช่วยรักษาภาพของการรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1670 (หรือ 1680)จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1655” (แนวรับย่อย “1630 – 1620” จุด)}
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TASCO, UNIQ, SPALI, BAFS, AOT, MINT, PSL หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ RATCH, HANA, PYLON,AMATA, IRPC, WORK,BH หุ้นที่หลุด List คือ ERW,THANI หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ TVO,PTL
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Hot Issue : กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : การควบรวมระหว่าง TMB กับ TBANK
Company Guide : CPNREIT (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 20.50)
Flash Note : AAV (ถือ -ราคาพื้นฐาน 4.10)
BA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.10)
BJC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 60.00)
CENTEL (ถือ -ราคาพื้นฐาน 40.00)
DIF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 16.20)
HMPRO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.50)
HUMAN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 11.30)
QH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 3.34)
SEAFCO (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 12.18)
SENA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 4.40)
New Listing : OCEAN-W3
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: กลับมากังวลสงครามการค้า จีน-สหรัฐ
# ความไม่แน่นอนของการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (House Ways and Means Committee)เมื่อวานนี้ว่า จีนจำเป็นต้องดำเนินการมากกว่าแค่เพียงซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น ก่อนที่สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างถาวร พร้อมกับกล่าวว่า การบังคับใช้ข้อตกลงที่สหรัฐและจีนอาจบรรลุในเดือนหน้า จะเป็นกระบวนการที่ยาวนาน
# ถ้อยแถลงของนายไลท์ไฮเซอร์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเลื่อนเวลาการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จากเดิมที่มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค.
+ สหรัฐ: เฟดยังคงแนวนโยบานเดิม ในการแถลงรอบครึ่งปีวันที่สอง
# นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 เมื่อวานนี้ โดยนายพาวเวลยังคงย้ำว่า เฟดจะใช้ความอดทนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับยืนยันว่าเฟดจะยุติการปรับลดงบดุลภายในปีนี้ ซึ่งในการปรับลดงบดุลนั้น เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรจำนวนหนึ่งครบอายุโดยไม่มีการนำรายได้ไปลงทุนในพันธบัตรใหม่ ซึ่งวงเงินการปรับลดงบดุลสูงสุดคือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
-จับตาการทำสงครามระหว่างอินเดียกับปากีสถาน และการประชุม สหรัฐ-เกาหลีเหนือ
# นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถาน ขณะที่จับตาการประชุมซัมมิตรอบสองระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่เปิดฉากขึ้นแล้วเมื่อวานนี้ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม
# ผลกระทบ: สายการบินกลับมามีปัญหา หลังปากีสถานตัดสินใจปิดน่านฟ้า เช่น หลักทรัพย์ THAI ได้ระงับเที่ยวบินบางสายที่ต้องบินพาดผ่านน่านฟ้าของปากีสถาน
- สหรัฐ : กลับมามีประเด็นปัจจัยการเมือง
# นักลงทุนยังวิตกกังวลต่อประเด็นการเมืองในสหรัฐ หลังจากนายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของปธน.ทรัมป์ได้ให้การต่อคณะกรรมการฝ่ายควบคุมดูแลและปฏิรูปแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า ทรัมป์รู้เรื่องที่คณะทำงานในทีมรณรงค์หาเสียงของเขาได้เผยแพร่อีเมลหลายฉบับที่ทำให้นางฮิลลารี คลินตัน ได้รับความเสียหายในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559
+ สหรัฐ: ตัวเลขดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายออกมาเป็นบวก
# สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าปรับตัวขึ้นเพียง 0.4%
+/- อังกฤษ: นายกฯเมย์เสนอสภาลงมติฯ
# ความคืบหน้ากระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยหนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟรายงานว่านางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้มีการลงมติว่า อังกฤษจะแยกตัวจากสหภาพยุโรป(Brexit) โดยไร้ข้อตกลง หรือจะมีการเลื่อนกำหนดเวลาในการแยกตัวจากเดิมวันที่ 29 มี.ค. หากรัฐสภามีมติคว่ำข้อตกลงBrexit ของนางเมย์ในวันที่ 12 มี.ค.
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง วิตกสงครามการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,985.16 จุด ลดลง 72.82 จุด หรือ -0.28% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,792.38 จุด ลดลง 1.52 จุด หรือ -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,554.51 จุด เพิ่มขึ้น 5.21 จุด, +0.07%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) หลังจากนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ส่งสัญญาณว่า สหรัฐและจีนยังไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าในเร็วๆนี้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของข้อตกลงการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันนักลงทุนซึมซับถ้อยแถลงในวันที่สองของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งยังคงย้ำว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และวางแผนที่จะยุติการปรับลดงบดุลในปีนี้
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น สต็อคสหรัฐร่วงลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 56.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 66.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียยืนยันที่จะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิต แม้เผชิญแรงกดดันจากสหรัฐก็ตาม
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง ดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 7.30 ดอลลาร์ หรือ 0.55% ปิดที่1,321.20 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 คืนนี้ (27 ก.พ.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการประชุมสุดยอดครั้งที่สองระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเวียดนามในขณะนี้
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ม.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนม.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/• การเมือง: ศาล รธน.นัดแถลงด้วยวาจา-ลงมติวินิจฉัยคำร้องยุบพรรคไทยรักษาชาติ 7 มี.ค.โดยไม่ทำการไต่สวน
# ศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาคำร้องกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แล้ว เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหลายราย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะได้พิจารณาสั่งในวันนัดพิจารณาต่อไป
# ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้จึงไม่ทำการไต่สวน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิฉัย ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันพฤหัสบดีที่ 7 มี.ค.62 เวลา 13.30 น. และนัดอ่านคำวินิฉัยให้คู่กรณีฟังในวันเดียวกัน เวลา 15.00 น. แจ้งวันเวลานัดอ่านคำวินิจฉัยดังกล่าวให้คู่กรณีทราบ
+ เศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2562 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภายในประเทศเป็นสำคัญ
# สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมกราคม 2562 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2562 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภายในประเทศเป็นสำคัญ โดยการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งที่กลับมาขยายตัวขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 เดือน สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์สามารถกลับมาขยายตัว
# ในขณะที่ด้านอุปสงค์ภายนอกประเทศ พบว่า การส่งออกสินค้ายังคงหดตัวสำหรับด้านอุปทาน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวเป็นบวก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ขยายตัว 10.3%สูงสุดในรอบ 7 เดือน อัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวสูงสุดในรอบ 7 เดือน และดัชนีผลผลิตภาคการเกษตรยังคงขยายตัวได้ดี
+ สศค. มองการส่งออกปีนี้จะยังขยายตัวได้ 4.5%
# นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษก สศค.กล่าวถึงการส่งออกในเดือนม.ค.62 ที่ลดลง 5.7% ว่าเป็นการติดลบมากกว่าที่ สศค.คาดการณ์ไว้ แต่อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าการส่งออกโดยรวมทั้งปี 62 นี้จะขยายตัวได้ 4.5% ตามที่ สศค. ได้ประมาณการไว้ ทั้งนี้ ยังมีเวลาอีก 11 เดือน ซึ่งจะต้องประเมินและติดตามสถานการณ์การส่งออกในช่วงที่เหลือต่อไป
+ ดัชนีรายได้ของเกษตรกรเดือน ก.พ.62 เพิ่มขึ้น 4.83%
# สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ดัชนีรายได้ของเกษตรกรเดือน ก.พ.62 เพิ่มขึ้น 4.83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากดัชนีราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.51% โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้า มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และสุกร และดัชนีผลผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.27% โดยสินค้าสำคัญที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ทั้งนี้ เดือนมี.ค.62 คาดว่าดัชนีรายได้เกษตรกรจะขยายตัวเล็กน้อย รวมทั้งดัชนีราคาและผลผลิตคาดว่าจะขยายตัวเช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]