- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 February 2019 15:54
- Hits: 2908
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET แกว่ง Sideway Up หลัง Sentiment เป็นบวก ทั้งจากแนวโน้มการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed บวกกับในประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจชี้อยู่ในทิศทางของการฟื้นตัว มอง SET มีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,678 จุด (Previous High) และแนวรับที่ระดับ 1,661 จุด
Market Factors
• (+) ประธาน FED นายเจอโรมพาวเวลแถลงนโยบาย ศก. เป็นวันที่ 2 ต่อสภาคองเกรสโดยยังคงมีมุมมองในโทนDovish และพร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายการเงินหากเงื่อนไขทางศก. เปลี่ยนไป
• (+) สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นอนาคต (RSI) เดือนกุมภาพันธ์62 สะท้อนแนวโน้มอนาคตเศรษฐกิจที่ยังคงขยายตัวดีทั่วทุกภูมิภาคนำโดยภาคกลางภาคเหนือและภาคตะวันออกโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรโดยเฉพาะภาคตะวันออกขยายตัวอยู่ที่ระดับ 71.2 เนื่องจากมีโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรมประกอบกับเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งจะส่งผลให้การคมนาคมสะดวกและส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้น
• (watch) จับตารายงานตัวเลขดุลการชำระเงินเดือนมกราคม จากแบงก์ชาติ วันนี้ โดยขอ้มูลจาก Bloomberg Consensus คาดเกินดุล 3,018 ล้านเหรียญสหรัฐ
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 114.94 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 110.3บาท หรือลดลง 4.03%Year To Date
• (+) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และ Month to date ซื้อสุทธิ 757.66 ลบ. ส่งผลให้ Year to date ต่างชาติซื้อสุทธิ 7,479.28 ลบ.
Investment Strategy
• แม้สัปดาห์นี้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SET Index จากความคืบหน้าที่ดีขึ้นจากภาพการขึ้น ดบ.ที่ชะลอลงของสหรัฐฯ อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศยังคงดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) และ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคต บวกกับ การอนุมัติแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลอย่างไรก็ดีเรายังจับตาการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนของ Consensus ซึ่งจะทำให้ EPS ของ SET Index ปรับตัวลดลง และ PE Valuation ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งการปรับขึ้นของดัชนีจะเป็นเป้าหมายของการขายทำกำไร ดังนั้นเราจึงมองว่า SET Index สัปดาห์นี้จะแกว่งขึ้นแบบ Sideway-Up โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1,678 จุด และแนวรับที่ 1,661 จุด โดยคงแนะนำซื้อ 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
• กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น: โดย Year To Date ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 1.97%เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นอานิสงส์บวกต่อหุ้นกลุ่มนำเข้าและสายการบิน เลือก SYNEX (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โต12-15%YoY โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้มาจากสินค้ากลุ่มโน้ตบุ๊คและสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำราว 50% ,กลุ่ม Consumer Product ราว 30% และส่วนที่เหลือมาจากกลุ่มCommercial Product ราว20% โดยปีนี้บริษัทมีแผนเพิ่มแบรนด์สินค้าเพื่อจำหน่ายอย่างน้อยอีก 4-5 แบรนด์โดยเฉพาะในกลุ่มกล้องวงจรปิดหรือระบบรักษาความปลอดภัยจากปัจจุบันที่มีแบรนด์สินค้าทั้งสิ้น 60 แบรนด์) และ FTE (ปี 62 บริษัทตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% โดยมีปัจจัยบวกจากการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งภาครัฐฯ และเอกชน (เน้นกลุ่มโรงไฟฟ้า) หลังบริษัทเพิ่มรายการสินค้า และเปิดช่องทางจำหน่ายใหม่)
• กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), BCH (แรงหนุนจากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), RJH (ปี 62 คาดรายได้โตราว 10-15% จากกลยุทธ์การให้บริการเฉพาะทางทั้ง Heart Center MRI, Check Up และการเปิดศูนย์ฟอกไตเทียมเฟสใหม่ที่มีเครื่องฟอกไตเพิ่มอีก8 ยูนิตรวมเป็นทั้งหมด 35 ยูนิต), BDMS (คาดกำไรปี 62 โต YoYจากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการWellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
• กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น แนะนำSAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoYจากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoYสอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.) และMTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoYทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมีNPL ต่ำสุดในกลุ่ม)
Quantitative Screening
• Dividend Theme โดย Screen หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากการขึ้นเครื่องหมาย XD รอบนี้โดดเด่น แนะนำ KGI (7.9% XD 18 เม.ย. และจ่ายปันผล 8 พ.ค.), NYT (5.8%, XD 3 พ.ค. และจ่ายปันผล 24 พ.ค.) และ PSH (5.2%, XD 11 มี.ค. และจ่ายปันผล 22 พ.ค.)
27-Feb-19 Change (pts.) 26-Feb-19
SET Index 1,665.27 1.71 1,663.56
SET50 Index 1,109.88 1.42 1,108.46
SET100 Index 2,446.60 3.27 2,443.33
High 1,668.61 Gainers 631
Low 1,659.62 Unchanged 507
Value (Bt m) 52,569.99 Losers 754
Volume (*000) 14,815,827
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 15.1 13.8 13.8
EPS Growth (%) 13.9 9.3 14.8
EV/EBITDA (x) 10.1 9.5 9.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.5
Dividend Yield (%) 3.2 3.4 3.8
ROE 11.6 11.6 12.1
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 27-Feb-19 WTD MTD YTD
Institution (474.21) 2,352.33 16,534.06 26,565.50
Proprietary 421.02 958.60 4,586.14 3,282.10
Foreign (640.04) (1,268.66) 757.65 7,479.29
Individual 693.23 (2,042.27) (21,877.86) (37,326.89)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary