- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 September 2014 14:42
- Hits: 1788
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังลุ้นขึ้นได้ตามเป้าก่อนปรับพักตัวลงแรง...ยังเน้นขายช่วงบวก!!
กลยุทธ์ : SET ยังอยู่ในช่วงแกว่งทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ทำให้ FSS ยังคาดว่าดัชนีมีสิทธิทำจุดสูงสุดของรอบแถว 1600 จุดหรือสูงกว่าได้ แต่เรามองว่ากรอบการขึ้นจะเริ่มแคบ และยังมีความเสี่ยงต่อการที่จะจบรอบขาขึ้นและกลับไปแกว่งตัวลงในระดับ 100-200 จุดในช่วงถัดไปอยู่ ดังนั้นจึงยังแนะนำให้เน้นทยอยขายลดพอร์ตในช่วงตลาดบวกต่อไปไว้ก่อน
หุ้นเด่นทางเทคนิค : LHBANK, BJCHI, TPIPL(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้แม้ว่า SET ยังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนและย้อนลงบ้างในระหว่างวัน แต่ก็ยังขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง ขณะที่เช้านี้ยังได้รับแรงหนุนจากการปิดบวกแรงของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปจากรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี รวมทั้งการที่ประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปที่ยังไม่ดีนัก ทำให้นักลงทุนคาดว่า ECB อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกกลับขึ้นมาได้เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งบวกต่อเนื่องได้อีก โดยเรายังคาดว่า SET มีโอกาสที่จะขยับขึ้นไปสูงกว่า 1600 จุดให้เห็นได้ อย่างไรก็ตามกรอบการบวกขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียก็ไม่ได้กว้างมากนัก ขณะที่ถ้ายังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุนเพิ่มเติม ก็มีโอกาสสูงที่จะมีแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงออกมากดดันในช่วงบวก และสุดท้ายแล้วยังต้องระวังการปรับตัวลงแรงในช่วงถัดไปไว้ด้วย
แนวรับ 1590-1586 , 1583-1580 จุด แนวต้าน 1595-1598 , 1600-1605 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติเบาบาง โดยส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย US$143.5 ล้าน เกาหลีใต้ US$32 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$9.1 ล้าน แต่ขายไต้หวัน US$128.1 ล้าน อินโดนีเชีย US$36.8 ล้าน และเวียดนาม US$3.1 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย Flow น่าจะเบาบางต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเชื่อว่านักลงทุนมีความคาดหวังว่า ECB และจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในเร็วนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าไทยสวนทางภูมิภาค ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย ถึงปัจจุบัน กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกตลาดหุ้นภูมิภาคเกือบทุกตลาดกว่า US$1,284 ล้าน ยกเว้นไทยที่มียอดไหลเข้า US$654 ล้าน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจไทยที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านงบประมาณประจำปี 2015 ในช่วง 1 ปี 4 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมียอดขายสะสมสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 2 แสนล้านบาท ที่ยังไม่ได้ซื้อกลับเลยอาจเป็นเพราะมีความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเป็นยอดซื้อสะสมสุทธิไปหมดแล้ว ดังนั้นหากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องที่ตามคาดว่าจีดีพีปีนี้โต 1.5% และปีหน้าโตอีก 4.5-5% ตลาดหุ้นไทยจะเป็นตลาดหุ้นมีเสน่ห์ดึงดูดเม็ดเงินทุนต่างชาติมากที่สุดในภูมิภาค และหนุนให้ SET index ปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งและทำ New High ได้ ซึ่งเรายังคงให้เป้า SET ปี 2015 ไว้ที่ 1,700 จุด อิง PE 15 เท่า และอัตราการเติบโตของกำไรของบมจ.โต 15.5% เน้นสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มก่อสร้าง และท่องเที่ยว ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสารเป็นกลุ่มที่ Laggard และยังให้ Div. Yeild 5-6% เรายังแนะนำ ซื้อ ADVANC เป้า 260 บาท DTAC เป้า 113 บาท และ INTUCH เป้า 103 บาท
(+) BTS วานนี้ บอร์ด รฟม.มีมติเห็นชอบให้มีการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสีเขียวเหนือ (หมดชิต-สะพานใหม่-คูคต) ตาม TOR เดิม โดยมีกำหนดยื่นเอกสาร 30 ก.ย. นับเป็นปัจจัยบวกต่อ BTS เพราะมีโอกาสสูงสุดในการได้งานเดินรถต่อเนื่องจากสายสีเขียวเดิม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารสายสีเขียวเดิมได้อย่างมาก นอกจากนั้น BTS ยังสนใจเข้าบริหารงานเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์หากภาครัฐเปิดให้เอกชนเข้าร่วมงาน รวมถึงสนใจเข้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ส่วนงานในต่างประเทศอยู่ระหว่างรอผลประมูลรถไฟฟ้าที่ปักกิ่งระยะทาง 50 ก.ม. ซึ่งเลื่อนประกาศจากเดือนมื.ย. 2014 ประมาณการกำไรของเรายังไม่รวมโครงการดังกล่าว แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเหมาะสม 10.80 บาท
(+) กลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ : ธปท.ระบุว่าแนวโน้มเอ็นพีแอลในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์เริ่มทรงตัวแล้วโดยเฉพาะจากโครงการรถยนต์คันแรกหลังได้ผ่านการผ่อนชำระมากว่า 2 ปี ทั้งนี้ NPL และ Delinquency rate ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใน 2Q14 อยู่ที่ 2.3% และ 8.2% ตามลำดับซึ่งเป็นระดับที่มากที่สุดตั้งแต่ปีที่เกิด Sub-prime แม้เราคาดว่าการฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์อาจเห็นไม่เร็วนัก และเป็นการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ปีหน้า แต่การที่ NPL เริ่มทรงตัวได้น่าจะเป็นบวกต่อการตั้งสำรองหนี้สูญในกลุ่มเช่าซื้อที่จะเริ่มลดลงใน 3Q14 นี้ TOP Pick ในกลุ่มของเราคือ TISCO (เป้า 57 บาท) ตัวเล็ก ASK (เป้า 24 บาท)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพลิกกลับมาบวกได้กว่า 150 จุดหลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 วันก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน ส.ค. ที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด รวมถึงนักลงทุนคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาจาก ECB
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนกลับมาปิดบวกได้เช่นกันหลังตัวเลขเศรษฐกิจเยอรมนีออกมาอ่อนแอสร้างความหวังว่า ECB น่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นหลังบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเป็นบวกจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรปและจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.15-32.26 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 92.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 2.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,219.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นโดย Dollar Index ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปี นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีทำให้นักลงทุนลดการถือสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25-ก.ย. - สหรัฐ: Durable goods order (ส.ค.)
Initail Jobless Claims
26-ก.ย. - สหรัฐ: 2Q14 GDP (ตัวเลขสุดท้าย) ตลาดคาดจะปรับขึ้นเป็น 4.5% จาก 4.2%Q-Q,
27 ก.ย. - ตะวันออกกลาง : ประชุม OPEC คาดจะลดกำลังผลิต
29-ก.ย. - สหรัฐ: Pending home sales (ส.ค.)
- ธปท. ทบทวนประมาณการจีดีพีและเป้าส่งออกใหม่
30-ก.ย. - สหรัฐ: Consumer Confidence (ก.ย)
- EU: CPI (ก.ย.)
- ไทย: สศค. ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค (นำเข้า/ส่งออก, ดุลการค้า)