- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 September 2014 14:40
- Hits: 2111
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Speculative Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปิดที่ 1,591.89 จุด บวกเล็กน้อย 1.76 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 4,623 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 4,623 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 976 ล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกัน เป็นจุดที่น่าสนใจ
เม็ดเงินทุนต่างชาติที่สะสมหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และหนาแน่น ยังคงเป็นสัญญาณเชิงบวกและเป็นตัวแปรสำคัญต่อการผลักดัน SET INDEX ระลอกนี้ขึ้นทดสอบ 1,600 จุด พร้อมโอกาสที่จะปิดยืนเหนือ 1,600 จุดในระลอกนี้ โดยยังคงให้น้ำหนักกับหุ้นหลักใน SET50 Index อย่าง PTT และกลุ่มอสังหาฯ ที่น่าจะขยับขึ้นเด่นในวันนี้ หลัง ADVANC / INTUCH ขึ้นเด่นมาตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา
อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียวันนี้มีแนวโน้มเป็นบวก หลังมีรายงานข่าว ทางการท้องถิ่นบางเมืองในจีน เริ่มทยอยผ่อนคลายเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หลังราคาบ้านในเมืองหลักของจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมสัญญาณการจ้างงานที่ชะลอตัวลง
ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมด้านเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่นในวันนี้ ทำให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ฟื้นตัวลักษณะ Technical rebound และแกว่งออกด้านข้าง
ดังนั้น Downside risk ของตลาดหุ้นไทยโดยรวม จึงยังเป็นไปอย่างจำกัด แม้ว่าด่าน 1,600 จุด จะดูเหมือนว่าจะผ่านได้ยากในการทดสอบรอบนี้ก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน เป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” IFEC / BEAUTY
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC/ TRUE
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN
Accumulative buy: IFEC/ BEAUTY
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังคงปิดยืนเหนือ 1,590 จุด
SET INDEX คาดไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,600 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลุ่มอสังหาฯ มีแนวโน้มกลับมาเด่นในช่วงสั้น เก็งกำไรต่อการเปิดตัวโครงการ
กลยุทธ์การลงทุน ถือพอร์ต เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร อาจเลือกเน้นเป็นรายตัว มากขึ้น เช่นเดิม
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในบางตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดจีน และ HSKI คาดหวังเห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน
ด้านตลาดหุ้นไทยแกว่งยืนเหนือ 1,590 จุด เกือบตลอดวัน ทั้งนี้หุ้นหลักในกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC / INTUCH ยังคงเด่นต่อเนื่อง รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่าง PTTEP / BCP แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดกลางเข้ามาอย่างต่อเนื่องก็ตาม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,591.89 จุด บวก 1.76 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 52,052 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Fashion +3.18%, กลุ่มปิโตรเคมี +1.66% และกลุ่มยานยนต์ +1.05% ส่วน กลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.35%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.64% และกลุ่มพลังงาน -0.14%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.31 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกเด่น สอดคล้องกับการฟื้นตัวของ DJIA คืนวานนี้ และค่าเงินเยนอ่อนค่าแตะระดับ Yen109/US$ อีกครั้ง
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “บวก” ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าวานนี้ SET INDEX จะยังไม่สามารถไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,600 จุด และเกิดแรงขายทำกำไรระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย นำโดย PTT/ TRUE ก็ตาม แต่หากประเมินจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิหนาแน่นถึง 4.6 พันล้านบาท พร้อมกับการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures และ ซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ ย่อมเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อภาวะการลงทุนในประเทศไทย
ตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา MBKET ประเมินว่าหุ้นหลัก 3 ตัวที่มีความเป็น Laggard ใน 3Q57 อย่าง PTT / ADVANC / INTUCH จะขยับขึ้นเด่น เพราะคาดว่าจะเป็นเป้าหมายของการทำ Window Dressing ในไตรมาสนี้ ซึ่งราคา ADVANC (6.10%); INTUCH (5.02%) ส่วน PTT กลับ -0.28% MBKET เชื่อว่า PTT จะฟื้นตัวในช่วงปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า ต่อผลการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ เพื่อสรุปแผนปฎิรูปโครงสร้างพลังงาน โดยเฉพาะราคาก๊าซ LPG / NGV
อย่างไรก็ตามภาพรวม QTD ทั้งกลุ่ม ICT และกลุ่มพลังงาน เพิ่มขึ้นเพียง 5.43% และ 6.41% ตามลำดับ เทียบกับ SET INDEX +7.14% MBKET เชื่อว่าหุ้นหลักใน 2 กลุ่มนี้จะยังเป็นเป้าหมายของการทำ Window dressing ของกองทุนภายในประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้
สำหรับในช่วงที่เหลือของเดือนก.ย.นี้ MBKET ประเมินว่า หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร จะยังคงทรงตัวแข็งแกร่ง หรือขยับขึ้นตามภาพรวมของ SET INDEX ส่วนกลุ่มอสังหาฯ จะเป็นทางเลือกที่เด่นอีกครั้ง เมื่อ QTD ของกลุ่มนี้ +8.80% ดีกว่า SET INDEX ที่ +7.14% เพียงเล็กน้อย โดยหุ้นที่ขึ้นมาน้อยกว่ากลุ่มได้แก่
•GOLD: -3.70%
•LPN: +5.91%
ด้านการสู้รบระหว่างสหรัฐฯ และกลุ่มพันธมิตร เริ่มเปิดฉากสู้รบกลุ่มไอเอส ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ยังจำกัดอยู่ในพื้นที่บริเวณชายแดนประเทศซีเรีย MBKET ให้น้ำหนักกับประเด็นนี้เป็น “กลาง” เท่านั้น พร้อมติดตามพัฒนาการของการสู้รบทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อประเมินระดับความเสี่ยงการเมืองระหว่างประเทศ และจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET คงคำแนะนำ “ถือพอร์ตการลงทุนที่มีอยู่ เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/-“ หากต้องการเก็งกำไรอาจต้องจำกัดวงเงิน และกำหนดเลือกลงทุนเป็นรายหุ้นที่มีประเด็นการลงทุนเฉพาะตัว เพราะ Upside gain ของ SET INDEX เริ่มจำกัด
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.YTD นักลงทุนต่างชาติเกือบจะกลับมาเป็นซื้อสุทธิ: ยอดรวมสุทธิทั้ง SET และ MAI นับตั้งแต่ต้นปีถึงวานนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิลดลงเหลือเพียง 3,866 ล้านบาท แม้ว่า SET INDEX จะซื้อขายที่ PER14-15 ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1Yr Forward PER และ 2Yr Forward PER ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาก็ตาม
MBKET เชื่อว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะมียอดสุทธิ YTD กลับมาเป็นซื้อสุทธิในเร็วๆ นี้ จากมุมมองของการลงทุนในไทยที่เป็นบวกมากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจ ฟื้นตัว V-Shape พร้อมกับการเร่งการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 จะเป็นอีกตัวแปรที่เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติได้ไม่น้อย
2.คาดตลาดหุ้นจีน / ฮ่องกง ฟื้นตัวต่อเนื่องในวันนี้: ล่าสุดทางการท้องถิ่น เริ่มผ่อนคลายหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอีกครั้ง หลังราคาบ้านในเมืองหลัก ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ และการจ้างงานโดยรวมของจีน ส่งสัญญาณอ่อนแอลง กลายเป็นจุดที่ทางการต้องพิจารณาถึงความสมดุลย์ ระหว่างความต้องการที่อยู่อาศัย และ ภาคอสังหาฯ
3.เริ่มระมัดระวังต่อแรงขายจากกองทุน Trigger Funds: หากประเมินจากระดับ NAV วันที่ 23 ก.ย. กองทุน LH Trigger 3 + 3 ใกล้แตะระดับปิดกอง NAV ราว 57 ล้านบาท ส่วนกองทุน Thai Trigger 3 + 3 ใกล้แตะระดับแรก 3% มูลค่า NAV ราว 909 ล้านบาท มีแนวโน้มที่เริ่มทยอยขายตั้งแต่วานนี้ และอาจต่อเนื่องถึงวันนี้ ทำให้ด่านแนว 1,600 จุด จะเผชิญกับแรงขายมากขึ้น
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.24 13.93 16.22 13.92
PSE 20.84 17.97 20.56 17.75
JSE 16.73 14.20 16.79 14.26
KOSPI 10.41 9.06 10.30 8.96
TAIEX 14.32 13.53 14.30 13.51
Straits Tim
14.54 13.39 14.57 13.41
SHCOMP 9.32 8.25 9.17 8.12
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.IFEC : ราคาปิด 7.25 บาท ราคาเหมาะสม 11.40 บาท
a)MBKET มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลัง IFEC ประกาศเข้าร่วมลงทุนในบริษัทกรีน โกรท (GG) ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังลม 10 MW ที่ จ.นครศรีธรรมราช และมีกำหนดเริ่มขายไฟฟ้าตั้งแต่ 1 พ.ค.2558
b)ส่งผลให้ IFEC กลายเป็นบริษัทเดียวในประเทศที่บริหารโครงการพลังงานทดแทนครบทุกด้าน ทั้ง โซลาร์ฟาร์ม, โซลาร์รูฟ, ชีวมวล, ขยะ และลม
c)และทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจะเริ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 38 MW ในปี 2557 เป็น 163 MW ในปี 2558 และเพิ่มขึ้น 250 MW ในปี 2559
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +54.4% yoy เป็น 404 ล้านบาท และเติบโตก้าวกระโดด +426.6% yoy เป็น 2,130 ล้านบาท ในปี 2559
e)Valuation ในระยะยาวยังมีความถูก เนื่องจาก PER จะลดลงต่อเนื่องจาก 34.8 เท่าในปี 2558 เหลือเพียง 6.6 เท่า ในปี 2559 และธุรกิจไฟฟ้ามีความมั่นคงมากเนื่องจากรับรู้รายได้ตามสัญญาขายไฟ ผลจากการรวมธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังลมจำนวน 97.5 MW และ Solar ชุมชนจำนวน 100 MW เข้าสู่ประมาณการได้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 11.40 บาท คงคำแนะนำซื้อ และให้เป็น Top pick ของกลุ่มพลังงานทางเลือก
2.BEAUTY : ราคาปิด 28.00 บาท ราคาเหมาะสม 37.00 บาท
a)MBKET เริ่มต้นคำแนะนำด้วย “ซื้อ” และมีมุมมองเชิงบวกต่อ BEAUTY เนื่องจากกำไรสุทธิมีทิศทางขยายตัวโดดเด่นในช่วง 3 ปีข้างหน้า และเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 65%
b)จากปัจจัยสนับสนุนได้แก่
I.ตราสินค้า (Brand) แข็งแกร่งจะส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งใน และต่างประเทศ
II.ธุรกิจเครื่องสำอางค์กลายเป็น 1 ในปัจจัย 4 เป็นสินค้าที่มีการใช้ซ้ำ และปัจจุบันกลุ่มลูกค้ามีความหลากหลายมากขึ้นไม่จำกัดเฉพาะลูกค้าผู้หญิง
III.แผนการขยายสาขาต่อเนื่อง และโอกาสในตลาดรอบบ้าน ได้แก่ กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม (CLMV)
c)คาดกำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +34.3% yoy เป็น 284 ล้านบาท และต่อเนื่อง +29.8% yoy เป็น 368 ล้านบาท ในปี 2558 เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มค้าปลีก จาก SSSG ที่เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี และการเปิดสาขาต่อเนื่องปีละ 65 สาขา
d)ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash และมี ROE จะเร่งตัวขึ้นจาก 26.44% ในปี 2557 เป็น 32.26% ในปี 2558 และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยเกือบ 4% ต่อปี
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ GDP ใน 3Q57 (รอบสุดท้าย), ดัชนี Flash PMI ภาคบริการ และยอดขอสวัสดิการว่างงาน
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$68 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$529 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -180.8 -204.5 12,023.6 9,188.0
KOSPI n.a -289.4 8,003.2 4,875.1
JSE -36.8 -49.9 4,509.6 -1,806.4
PSE 9.1 -13.5 1,263.0 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -3.1 10.2 248.8 263.2
SET INDEX 143.4 18.5 -91.5 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +4,623 +596
SET50 Index Futures (สัญญา) +816 -3,830
SSF (สัญญา) -1,672 +106
Metal Futures (สัญญา) +37 +757
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +976 -843
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 4,623 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิมากถึง 7,686 ล้านบาท และกดดันให้ YTD ขายสุทธิลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียง 4,710 ล้านบาท เท่านั้น MBKET คาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะมี YTD พลิกกลับมาเป็นซื้อสุทธิในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 816 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 6,331 สัญญา คาดว่าจะเร่งการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index กว้างถึง 3.64 จุด
ส่วนตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 976 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาวแกว่งในกรอบแคบ ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 0.72bps ปิดที่ 3.001% ส่วนพันธบัตรอายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.01bps ปิดที่ 3.541%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 467 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 267 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 140.81 3.32% 12.26
PTT 50.74 4.26% 355.09
SCC 44.92 7.46% 449.22
ADVANC 42.88 1.36% 226.06
TTA 35.31 4.36% 23.26
NVDR กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง
เน้นกลุ่ม ICT กว่าครึ่งของเม็ดเงินวานนี้
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาซื้อสุทธิมากถึง 2,111 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 727 ล้านบาท โดยเป็นที่น่าสนใจถึงการลงทุนในกลุ่ม ICT อย่างหนาแน่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 1,354 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 68 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 248 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 205 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 220 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 336 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 106 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม MAI ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 45 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
INTUCH 855.69 24.56 BBL -171.76 13.68
KBANK 342.83 46.26 TOP -41.46 22.30
TRUE 170.63 4.48 LHBANK -37.68 12.71
ADVANC 164.25 18.82 SPALI -31.70 28.82
DTAC 134.15 33.44 LH -27.72 14.27
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong