ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +1.94 จุด (+0.12%) ปิดที่ 1,647 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นล้านบาท จาก sentiment เชิงบวกรายงานการประชุม FED ที่กรรมการส่วนใหญ่เห็นพ้องชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสัหรัฐ-จีนในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามมีแรงขาย Sell on fact หลังประกาศงบและเงินปันผล 2018 ส่งผลให้ดัชนีบวกเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 261 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,808 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX 10,197 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,640 – 1,655 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนหลังมีรายงานข่าวคณะผู้แทนของทั้ง 2 ประเทศเริ่มร่าง MOU จำนวน 6 ฉบับเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทการค้าที่ยืดเยื้อมากว่า 7 เดือน อย่างไรก็ตามความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกลับมากดดันทิศทางการลงทุนอีกครั้งหลังยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐเดือนม.ค.ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีโดย -1.2% สู่ 4.9 ล้านยูนิต รวมถึงตัวเลข PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือนก.พ.ลงต่ำสุดในรอบ 68 เดือนล่าสุด 49.2 จุด นอกจากนี้แรงกดดันจาก Sell on fact หลังประกาศงบและเงินปันผล 2018 จะเป็นตัวถ่วงให้ดัชนีผันผวน

•    กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 56 US/Barrel

•    กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

•    STEC, AMATA, WHA, BEM ได้ประโยชน์ภาวะการเมืองปลดล็อคและวันเลือกตั้งที่ชัดเจน

•    กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และคาดจำนวน นทท.จีนขยายตัวขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

•    กลุ่มที่คาดว่ากำไร 4Q18 และปี 2019 เติบโตต่อเนื่อง SAWAD, MTC, IHL, EA

หุ้นแนะนำวันนี้ : AOT (ปิด 68.5 ซื้อ/เป้า Consensus 70) ได้ข่าวดีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาฟื้นตัวและยังมีข่าวบวกจากการเดินหน้าลงทุนโครงการ Terminal 2 และเตรียมเปิดประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, EA (ปิด 47.25 ซื้อ/เป้า 63) คาดกำไรสุทธิ 4Q18 ประมาณ 1.12 พันล้านบาท ทรงตัว qoq แต่เพิ่มขึ้น 27%yoy แนวโน้ม 1Q19 คาดกำไรสุทธิพุ่งทำ All time high รับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค., CPALL (ปิด 76.75 ซื้อ/เป้า 80) 4Q18 มีกำไรสุทธิ 5.56 พันล้านบาททรงตัว yoy แต่เพิ่มขึ้น 7%qoq ขณะที่ปีนี้มี Growth story จากการได้สิทธิขายแฟรนไชส์ร้าน 7-Eleven ในกัมพูชา และ ลาว

Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS

KSS report วันนี้ : CPALL (ปิด 76.75 ซื้อ/เป้า 80), GFPT (ปิด 13.8 ซื้อ/เป้า 16), LPN (ปิด 7.5 ถือ/เป้า 7), PTT (ปิด 48.75 ถือ/เป้า 47) , SPRC (ปิด 11.4 ซื้อ/เป้า 14), VNT (ปิด 25 ซื้อ/เป้า 30)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :           

•    (-) ดัชนีดาวโจนส์ และ ยุโรป ปรับตัวลงผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปยังอ่อนแอ : ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 104 จุด (-4%) ปิดที่ 25,851 จุด ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปเริ่มพักตัวหลังจาก ที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปยังอ่อนแอ โดยวานนี้ เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียรายงาน ดัชนีการผลิตเดือนก.พ. พลิกเป็น -4.1 เทียบกับ 17 ในเดือนม.ค. นับเป็นการติดลบครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2559 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 14.0 ขณะที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. ของสหรัฐลดลง 1.2% สู่ระดับ 4.94 ล้านยูนิต ต่ำสุดในรอบ 3 ปี ส่วน ด้านยุโรปมาร์กิตรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน ก.พ.ลดลงสู่ระดับ 49.2 จาก 50.5 ในเดือน ม.ค. และเป็นการลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 68 เดือน

•    (+) กลุ่มท่องเที่ยว - นักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.7 ล้านคน +4.9%yoy ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนพุ่งแตะระดับ 1 ล้านคนเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน : กระทรวงการท่องเที่ยวฯรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเดือน ม.ค.ที่ 3.7 ล้านคนชะลอตัวลงจาก 3.845 ล้านคนในเดือน ธ.ค.จากการลดลงของกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซียอย่างไรก็ตามหากเทียบ yoy ภาพรวมยังโต 4.9% จากแรงส่งของนักท่องเที่ยวจีนที่เร่งตัวขึ้นเป็น 1.069 ล้านคน เพิ่มขึ้น 27.6%mom และ 10.3%yoy นับเป็นสัญญาณบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้อง อาทิ AOT AAV MINT CENTEL ERW BEUATY TKN DDD และ SPA โดยเราเลือก AOT และ ERW เป็น Top pick ของกลุ่ม

•    (+) กลุ่ม Auto – ยอดผลิตและขายรถยนต์เดือนม.ค.ของไทยเพิ่มขึ้น 8%yoy และ 17%yoy ตามลำดับ แต่ยอดส่งออกยังหดตัว 6%yoy : ส.อ.ท.รายงานยอดผลิตรถยนต์ ม.ค.62 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 179,595 คัน เพิ่มขึ้น 8.06%yoy เป็นบวกต่อกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ (AH SAT STANLY), ส่วนยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 78,061 คัน เพิ่มขึ้น 17.3% yoy เป็นบวกต่อธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ (TISCO KKP TCAP) อย่างไรก็ตามยอดการส่งออกยังหดตัวโดยมียอดส่งออกรถยนต์เพียง 81,583 คัน ลดลง 0.59%yoy เป็นลบต่อ NYT

•    (+/-) วันนี้ติดตามรายงานตัวเลข ส่งออก/นำเข้า เดือน ม.ค.ของไทย Consensus คาด -2.1%yoy ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 : ด้วยผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงตัวเลขนำเข้าสินค้าของจีนเดือน ม.ค.ยังติดลบ 1.5%yoy บ่งชี้ได้ว่าภาคการส่งออกของไทยในเดือน ม.ค.จะยังไม่ฟื้นตัว โดย Consensus คาดมูลค่าส่งออกของไทยเดือน ม.ค.จะติดลบ 2.1%yoy แย่ลงจากเดือนก่อนหน้าที่ติดลบ 1.72%yoy นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เป็นสัญญาณลบกดดันภาพรวม GDP ในไตรมาส 1/19