- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 February 2019 15:52
- Hits: 1586
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET แกว่งผันผวนในกรอบ โดยปัจจัยต่างประเทศยังต้องจับตาการประชุมผู้นำเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งตลาดหุ้นไทยต้องเฝ้าระวัง Consensus ที่ปรับคาดการณ์ EPS ปีนี้ของดัชนี SET ลงต่อเนื่องจากช่วงต้นปี มอง SET แกว่งในกรอบ 1,635-1,655 จุด
Market Factors
• (+) รายงานการประชุม FED ยังระวังการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากผลของสงครามการค้าและภาวะ ศก. ที่ชะลอและมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากสถานการณ์ดีขึ้นโดยแผนการลดงบดุลอาจยุติก่อนสิ้นปี 62
• (+) รายงานการประชุม กนง. ครั้งที่1/62 หลังมีมติคงอัตราดบ.นโยบายที่ 1.75% ประเมินแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี62 ขยายตัวต่อตามอุปสงค์ในประเทศ ส่วนปัจจัยต่างประเทศอยู่ระหว่างติดตามผลกระทบของมาตรการกีดกันทางการค้า และสถานการณ์การเมืองของกลุ่มประเทศยูโร พร้อมกับส่งสัญญาณการขึ้น ดบ.นโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไปสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ผ่านคลาย ( ธปท.)
• (Watch) อัพเดท Flow การลงทุนตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเดือน ม.ค. 62 ซื้อสุทธิ 6,721.62 ลบ. และ Month to date ขายสุทธิ 992.86 ลบ. (ซึ่งรวมของเมื่อวานที่ซื้อสุทธิ 7,989.68 ลบ.)
• (-) SpreadThai Government Bond ระหว่าง 2 Year-10 Year Yield ปรับลดลงเหลือ -63.9756 bps จากระดับสูงสุดเมื่อต้นเดือน ก.พ. 61 ที่ -54.547bps โดยเป็นการปรับตัวลดลงของ Yield ใน 2 Year และปรับเพิ่มขึ้นของ Yield ใน 10 Year แสดงให้เห็นถึงการความต้องการพักเงินในตลาดตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นกว่า
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เรามอง SET Index พักฐานหลัง Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.16 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 111.38 บาท หรือลดลง 3.28%YTD บวกกับ สัญญาณการพักเงินในตลาดตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นกว่า ทำให้เรามองว่า SET Index มีโอกาสแกว่งผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฝ้าระวังอย่าให้หลุดแนวรับ 1,630 จุด หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,600 จุด ดังนั้นแนะนำ Wait&See และรอซื้อกลับเมื่อตลาดปรับฐานใน 3 กลุ่ม หุ้นเด่น ดังนี้
• กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), LPH (หนุนด้วยเป้ารายได้ปี62 เติบโต10-15%YoY + มีแผนนำบริษัทลูกคือบริษัทศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซียจำกัด (AMARC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 63) และ RJH (ปี 62 คาดรายได้โตราว 10-15% จากกลยุทธ์การให้บริการเฉพาะทางทั้ง Heart Center , MRI,Check Up และการเปิดศูนย์ฟอกไตเทียมเฟสใหม่ที่มีเครื่องฟอกไตเพิ่มอีก8ยูนิตรวมเป็นทั้งหมด 35 ยูนิต), BCH (จากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF), BDMS (คาดกำไร ปี 62 โต YoY จากแผนยกระดับการให้บริการที่เน้นกลุ่มโรคซับซ้อนมากขึ้น และพัฒนาการของโครงการ Wellness Clinic รวมทั้งคาดมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น RAM ซึ่งคาดจะบันทึกในช่วง 1Q62 (4.6 ล้านนหุ้น ที่ราคา 2,800 บาท/หุ้น) ซึ่งบริษัทมีแผนจะนำมาชำระหนี้เพื่อลดภาระทางการเงิน)
• กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสรุปเบื้องต้นของ ธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้า แนะนำ SAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoY จากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoY สอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoY ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมีNPL ต่ำสุดในกลุ่ม)
• หุ้นกลุ่มที่คาดงบปี 61 กำไรโตเด่นYoY และ Consensus ยังคาดโตต่อในปี 62 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1S.D. ในรอบ 1 ปี แนะนำ JMT (คาดแนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องจากแผนซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารบวกกับแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน (LTV ต่ำ, ศักยภาพทำกำไรสูงกว่าแบบไม่มีหลักประกัน) หนุนยอดหนี้ที่บริหารอยู่แตะระดับ 1.4 แสน ลบ. นอกจากนี้ในแง่ความสามารถในการจัดเก็บหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดีสะท้อนได้ด้วย Cash Collection ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง) และ PLANB (ปี 62 มีแผนขยาย Media Capacity อีก 12-15%YoY หนุนให้สามารถครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นอีกทั้งบริษัทยังมีจุดเด่นจากการทำ Engagement Marketing พร้อมแผนต่อยอดธุรกิจ Sport Marketing ด้วยการลงทุนในร้านนำเข้าสินค้ากีฬาภายใน้แบรนด์ ATMOS)
Quantitative Screening
• Dividend Theme โดย Screen หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากการขึ้นเครื่องหมาย XD รอบนี้โดดเด่น แนะนำ NYT (5.8%, XD 3 พ.ค. และจ่ายปันผล 24 พ.ค.)และSAT (5.0%, 27 ก.พ. และจ่ายปันผล 7 พ.ค.)
20-Feb-19 Change (pts.) 18-Feb-19
SET Index 1,645.38 9.67 1,635.71
SET50 Index 1,095.88 6.91 1,088.97
SET100 Index 2,413.94 16.61 2,397.33
High 1,647.21 Gainers 728
Low 1,636.12 Unchanged 474
Value (Bt m) 58,414.26 Losers 584
Volume (*000) 12,474,156
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.8 13.6 13.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 20.0
EV/EBITDA (x) 10.1 9.5 No Data
FWD PBV (x) 1.8 1.7 No Data
Dividend Yield (%) 3.3 3.5 No Data
ROE 11.5 11.6 12.1
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 20-Feb-19 WTD MTD YTD
Institution 422.84 121.16 13,597.15 23,628.59
Proprietary 110.62 719.25 3,033.17 1,729.13
Foreign 7,989.68 7,327.24 (992.87) 5,728.77
Individual (8,523.14) (8,167.65) (15,637.46) (31,086.49)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary