- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 February 2019 18:09
- Hits: 1132
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Plays//Accumulate on Weakness
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,645-1,650 จุดได้ตามคาดในช่วงเปิดตลาดก่อนที่อ่อนตัวลงตลอดวันและปิดลบ 1.23 จุดซึ่งอ่อนแอกว่าภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งทุกตลาด โดยคาดเป็นผลจากความเสี่ยงเรื่องการเมืองในประเทศที่สูงขึ้น นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 662 ลบ.และ 302 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติเริ่มพลิกมา Long ใน Index Futures 8.6 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways เพื่อรอติดตามประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่จะมีการเจรจาต่อในสัปดาห์นี้ที่กรุงวอชิงตัน โดยยังมีปัจจัยหนุนจากโอกาสที่ทรัมป์จะขยายเส้นตายขึ้นภาษีจากวันที่ 1 มี.ค. ออกไปหากใกล้บรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้ ขณะที่สัปดาห์นี้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะทยอยประกาศออกมาหนาแน่นขึ้นและคาดเห็นแรงเก็งกำไรเข้ามาเป็นรายตัวที่คาดว่าจะมีกำไรแข็งแกร่ง ส่วนหุ้นในกลุ่ม Global Play เราคาดว่ายังมีโอกาส Outperform ต่อเนื่อง
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้นที่คาดกำไร 4Q18 โดดเด่น //ทยอยสะสมหุ้นกลับในช่วงอ่อนตัวและถือต่อ
หุ้นเด่นเดือน ก.พ : EA, ERW, GLOBAL, SAPPE, SEAFCO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$158ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$152ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$44ล้าน ส่วนไทยในวันจันทร์ก่อนปิดทำการมีเม็ดเงินไหลออก US$21 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าแต่ชะลอลงติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนต่อในสัปดาห์นี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> THANI <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 10 บาท (ตัดขาดทุน 6.80 บาท)
- ได้ประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอยในประเทศที่เริ่มฟื้น เราคาดกำไรปี 2019 ที่ 1.82 ลบ. +11% Y-Y ที่น่าสนใจคือสำรองทั่วไปฯรองรับเกณฑ์ IFRS 9 เพียงพอแล้ว และยังมีส่วนเกินรอการกลับรายการในอนาคต
- จ่ายปันผลเป็นหุ้น 4:1 และเงินสดอีก 0.29 บาท/หุ้น รวมเป็น Yield รวมหุ้นปันผล 7.6% ขึ้น XD 7 มี.ค. 19
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) GDP 4Q18 ของไทย +3.7% Y-Y เร่งตัวขึ้นจาก +3.2% Y-Y ใน 3Q18 จากการฟื้นตัวภายในประเทศ ขณะที่การส่งออกสุทธิฉุดน้อยลง ที่น่าสนใจคือการบริโภคกระจายตัวจากที่เคยกระจุกในกลุ่มผู้มีรายได้สูง ลงมาเป็นตลาดกลาง-ล่างมากขึ้น หุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อในตลาดกลาง-ล่างและตลาดต่างจังหวัดที่เริ่มขยับคือกลุ่มค้าปลีก แนะนำ CPALL, ROBINS, GLOBAL และกลุ่มไฟแนนซ์ แนะนำ MTC, ASK, THANI ส่วนการลงทุนภาคเอกชนเร่งตัวขึ้น +5.5% Y-Y จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู สีเหลือง และสายสีทอง และการลงทุนด้านเครื่องมืองเครื่องจักร แต่การก่อสร้างที่อยู่อาศัยชะลอลงแรง กลุ่มรับเหมา แนะนำ STEC, SEAFCO ส่วนกลุ่มอสังหาฯ ไม่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักเพราะ LTV จะเริ่ม 1 เม.ย. แต่ QH, SPALI จะปลอดภัยจากมาตรการนี้ที่สุด
(-) DELTA กำไรปกติ 4Q18 ต่ำกว่าคาด -40% Q-Q, -42% Y-Y อยู่ที่ 971 ลบ. ต่ำสุดในรอบ 24 ไตรมาส เพราะขายสินค้ามาร์จิ้นต่ำมากขึ้น และยังมีปัญหาวัตถุดิบตึงตัวกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้น บวกกับเจอ R&D Cost สูงขึ้น จบปี 2018 กำไรปกติหดตัว -14.2% Y-Y อยู่ที่ 4,984 ลบ. แนวโน้ม 1H19 ยังดูไม่สดใส และคาดจะฟื้นตัวใน 2H19 เราปรับลดกำไรปกติปี 2019 ลง 3% เป็นโต 13.7% Y-Y และปรับลดเป้าหมายเป็น 77 บาท เดิม 79 บาท แจ้งจ่ายปันผล 2.3 บาท/หุ้น Yield 3.2% ล่าสุด Delta Taiwan ได้ยื่นแบบทำ Tender Offer ที่ราคา Tender 71 บาท/หุ้นแล้ว คงคำแนะนำถือ
(0) ZEN เริ่มซื้อขายวันแรกราคา IPO 13 บาท ZEN ถือเป็นผู้บุกเบิกร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทย และมีการพัฒนาแบรนด์อื่นๆ เช่น AKA, On The Table รวมถึงเข้าซื้อธุรกิจร้านอาหารไทยอย่างเครือ ตำมั่ว ปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากการฟื้นตัวของ SSSG, การเปิดสาขาใหม่, อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากทั้งประสิทธิภาพการบริหารที่ดีขึ้น และรายได้การให้สิทธิแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น ขณะที่ ค่าใช้จ่ายจะทยอยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ คาดกำไรสุทธิปี 2018 +82.6% Y-Y และคาดโตต่อเนื่องในปี 2019 - 2020 ราว 33.3% Y-Y และ 34.9% Y-Y ตามลำดับ เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2019 เท่ากับ 16.5 บาท (FSS เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ ZEN)
(+) MOONG เราคาดกำไร 4Q18 โตสูงต่อเนื่อง 35% Y-Y อยู่ที่ 35 ลบ. เพราะเป็น High Season โดยสินค้ากลุ่มแม่และเด็กยังโตได้จากการกินส่วนแบ่งตลาด ขณะที่ สินค้ากลุ่ม V-Care มีการเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆเช่นร้านเครื่องสำอางมากขึ้น ถ้าเป็นตามคาด กำไรทั้งปี 2018 จะจบที่ 138 ลบ. +76% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Current PE เพียง 8 เท่า ปันผล 4% และถ้าอิงสถิติ 3 ไตรมาสล่าสุด การซื้อหุ้นก่อนงบออก 5 วันทำการ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 15% งบปี 2018 จะออกวันที่ 27 กพ 19 แนะนำเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 8 บาท อิง PE 10 เท่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20 ก.พ. - ไทย: ดุลการค้า (ม.ค.)
- ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (ม.ค.)
- สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minutes
21 ก.พ. - ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ม.ค.)
22 ก.พ. - ยูโรโซน: ถ้อยแถลงประธาน ECB
- สหรัฐฯ: ถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขาต่างๆ
26 ก.พ. - สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.พ.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากผลประกอบการของ Walmart ที่ออกมาดีกว่าคาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังหุ้นในกลุ่มธนาคารประกาศผลกำไรออกมาต่ำกว่าคาด
(+) ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น หลังปธ.ทรัมป์ออกมาพูดว่าสหรัฐอาจเลื่อนเส้นตาย ในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไป
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.12 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น +0.50 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 56.09 ดอลลาร์/บาร์เรล บนความคาดหวังว่าการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างจีน-สหรัฐในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้า
(+) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น +22.70 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1344.80 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research