ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้อ่อนตัวลง -15.7 จุด (-0.95%) ปิดที่ 1,636 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหลังตัวเลขตัวเลขค้าปลีกสหรัฐเดือนม.ค.ต่ำสุดในรอบ 9 ปีโดย -1.2%mom  นอกจากนี้ความไม่แน่นอนสถานการณ์การเมืองภายในประเทศรวมถึงการ Sell on fact หลังประกาศงบ 2018 ของบริษัทจดทะเบียนก็เป็นแรงกดดันด้วย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิ 2,993 ล้านบาท และ Net Short TFEX 2,239 สัญญา อีกทั้งขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 6,230 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : คาด SET Index รีบาวด์ขึ้นทดสอบ 1,645 – 1,650 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว โดยภาวะตลาดได้ปัจจัยบวกภายนอกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความคืบหน้าไปมากและจะเจรจาที่กรุงวอชิงตันต่อในสัปดาห์นี้ ประกอบกับสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการ Shutdown ได้หลังปธน.ทรัมป์ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณและแผนการรักษาความมั่นคงแนวชายแดน นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นแรง ตอบรับกลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมันลงเป็นแรงหนุนต่อกลุ่มพลังงานอีกด้วย อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนสถานการณ์การเมืองภายในยังคงเป็นแรงกดดันส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออกในช่วง 6 วันที่ผ่านมาโดยเป็น Net Sell ราว 9.9 พันลบ. และ Net Short TFEX ราว 3 หมื่นสัญญา ประกอบกับการ Sell on fact หลังประกาศงบและเงินปันผล 2018 ซึ่งจะทำให้ภาวะตลาดผันผวนได้ง่าย

•    กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, PTTGC) อานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 55 US/Barrel

•    กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

•    STEC, AMATA, WHA, BEM ได้ประโยชน์ภาวะการเมืองปลดล็อคและวันเลือกตั้งที่ชัดเจน

•    กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และคาดจำนวน นทท.จีนขยายตัวขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

•    กลุ่มที่คาดว่ากำไร 4Q18 และปี 2019 เติบโตต่อเนื่อง SAWAD, MTC, IHL, EA, GFPT และ TU

หุ้นแนะนำวันนี้ : IHL (ปิด 8.35 ซื้อ/เป้า 11.8) คาดกำไรปกติ 4Q18 ที่ 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%yoy จากรายได้ธุรกิจฟอกหนังที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งให้ปันผลสูงคาดปันผลต่อหุ้น 0.5-0.6 บาทให้ Dividend yield 6-7%ต่อปี, JMT (ปิด 12 ซื้อ/เป้า 14.2) คาดกำไรสุทธิ 4Q18 พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 141 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2%qoq และ 42%yoy ตามพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว และการตามเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพ, PTTGC (ปิด 68.75 ซื้อเก็งกำไร/เป้า consensus 89) 4Q18 กำไรสุทธิยังเป็นบวก ดีกว่ากลุ่มโรงกลั่นซึ่งคาดว่างบจะขาดทุน ราคาน้ำมันดิบเพิ่ม ผู้ประกอบการปิโตรฯที่ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบอาทิ PTTGC จะได้เปรียบเพราะต้นทุนเพิ่มช้ากว่าแนฟทาที่ราคาปรับขึ้นตามน้ำมันทันที

Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS

KSS report วันนี้ : TOP (ปิด 74.25 ซื้อ/เป้า 90)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :          

•    (+) ปัจจัยภายนอกดูผ่อนคลาย เจรจา จีน – สหรัฐ รอบที่ 3 ยังเป็นบวก คาดผลักดันให้ โดนัลด์ ทรัมป์ เลื่อนกำหนดเส้นตายในการเรียกเก็บภาษีจากจีน : โดยตัวแทนเจรจาการค้าทั้ง 2 ประเทศต่างออกมาระบุในแนวทางเดียวกันว่าการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาให้ผลลัพธ์ออกมาในทางที่ดีขึ้น และทั้ง 2 ประเทศจะเร่งหารือร่วมกันที่สหรัฐอีกในสัปดาห์นี้ หากการเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี มีโอกาสสูงที่สหรัฐอาจจะเลื่อนกำหนดเส้นตายในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปจากกำหนดเดิมคือ 1 มี.ค.19

•    (+) ราคาน้ำมันดิบ WTI +2% และ BRENT +2.6% ตอบรับปริมาณน้ำมันดิบของโลกเดือน ม.ค.ปรับตัวลง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 99.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน : ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ เนื่องจากนักลงทุนตอบรับผลเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐที่ออกมาในทางบวก ประกอบกับตอบรับรายงานของ IEA ซึ่งระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบของโลกในเดือน ม.ค.ปรับตัวลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 101 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็น 99.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดแรงกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาด โดยราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ (+2.2%) ปิดที่ 55.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

•    (-) การเมืองในประเทศยังร้อนแรง เมื่อวันศุกร์ทีมกฏหมายพรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือให้ กกต.พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค พปชร. เข้าข่ายผิดกฏหมายรัฐธรรมนูญ : ประเด็นการส่งเรื่องยุบ พรรคไทยรักษาชาติ และ พรรคพลังประชารัฐ จะทำให้นักลงทุนกลับมากังวลกับสถานการณ์การเมืองในประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่มีความอ่อนไหวต่อปัญหาการเมืองในประเทศอาจจะชะลอการลงทุนหรือขายเพื่อลดความเสี่ยงกันมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบกดดันการฟื้นตัวของดัชนี ทั้งนี้นับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 6 วันติดต่อกันมียอดขายสุทธิ 9,855 ล้านบาท)

•    (+/-) วันนี้ติดตาม สภาพัฒน์ ประกาศ GDP ไตรมาส 4/18 คาดฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน ขณะที่สัปดาห์นี้ บริษัทจดทะเบียนประกาศงบ 4Q18 มากขึ้น ระวังแรงขาย Sell on fact: วันนี้สภาพัฒน์จะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4/18 ของไทย โดย Consensus คาดขยายตัว 3.6% ดีขึ้นจากไตรมาส 3/18 ขยายตัว 3.3% ส่วนการประกาศผลประกอบการ 4Q18 ของบริษัทจดทะเบียนจะมีมากขึ้น เรายังคงมุมมองเดิม คือเตือนระวังแรงขาย sell on fact เนื่องจากราคาปรับขึ้นสะท้อนงบไปบ้างแล้ว (YTD  SET Index +5%) บริษัทที่จะประกาศงบสัปดาห์นี้ อาทิ (18 ก.พ. : CPF, PTTGC), (20 ก.พ. : TWPC, CBG, TU, TKN, MONO), (21 ก.พ. : CPALL, CKP, BANPU, BCP, SPRC, SGP ,PSH)