- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 February 2019 15:50
- Hits: 3023
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ยอดค้าปลีกสหรัฐต่ำสุด 9 ปี แต่รอผลเจรจาการค้า”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : KCE, MC (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ปรับลง -3.09 จุด ปิดที่ 1652.64 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 45.9 พันล้านบาท แม้ตลาดได้รับปัจจัยบวกต่างประเทศคือภาวะ Shut Down จะไม่เกิดขึ้น หลังเส้นตาย 15 ก.พ.62 และการเจรจาจีน-สหรัฐ 14-15 ก.พ.มีแนวโน้มดีขึ้นและอาจจะเลื่อนเส้นตายออกไปจาก 1 มี.ค.62 แต่ปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับการเมืองคือ ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ที่เสนอโดย กกต. ทำให้เกิดความไม่แน่นอน อีกทั้งมีแรงขายทำกำไร จากการที่ SET ปรับขึ้นต่อเนื่อง ผู้ขายสุทธิเป็น ต่างชาติ 2.4 พันลบ. และรายย่อย 0.5 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 2.7 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.2 พันลบ.ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET มีลักษณะ Sideways มีข่าวลบเข้ามาคือ ตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐ ธ.ค.61 ลดต่ำสุดในรอบ 9 ปี และตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านบางตลาดปรับลง รวมทั้งดาวโจนส์และดาวโจนส์ล่วงหน้าเช้านี้ปรับลด
# แต่ปัจจัยบวกคือ ความคาดหวังเจรจาการค้าปิดท้ายวันนี้จะออกมาดี ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ภาวะ Shutdown คลี่คลาย เงินบาทอยู่ในโซนแข็งค่า บอนด์ยิลด์สหรัฐและ VIX ปรับลง อีกทั้งติดตามการประกาศงบการเงิน 4Q61 และปี 61 ของบจ.ต่างๆในกลุ่มอุตสาหกรรม
# กลยุทธ์ คือ หาก SET ปรับขึ้น เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1660-1670 จุด แต่หากมีแรงขายต่อ แนวรับเป็น 1630,1620 จุด หากต่ำกว่า 1650 จุดจะเป็นแนวตัดขาดทุน ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น RJH : ถือเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย คาดการณ์กำไรสุทธิงวด 4Q61 เติบโต 14%YoY โดยมาจากรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งทางโรงพยาบาลเน้นลูกค้าเงินสดมากขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 62 เติบโตสดใส 14% y-o-y มาจากรายได้และมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 24 บาท ทั้งนี้คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการควบคุมราคายาและเวชภัณฑ์จำกัดเพราะปัจจุบันคิดราคายาและบริการการแพทย์ (รวมทั้งค่าแพทย์) ต่ำกว่าโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดฯ และมีสัดส่วนคนไข้ประกันสังคมสูง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบเล็กๆ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นมีรีบาวด์ฯก่อนได้ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”เพียงเล็กน้อย (โดย“ติด”แนวต้าน และยังถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของSET50วันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่หากรักษา“ค่าบวก”ได้ ก็จะมีรีบาวด์ฯสั้นๆต่อก่อน(แล้วลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1110 – 1120 จุด {แนวขาย “ต่ำกว่า 1095” (แนวรับย่อย “1090 – 1080 / 1070” จุด)}สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TCAP,TRUE,RJH,AH,WICE หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ VGI,M,QH,MBK,GUNKUL,VNT,AEONTS, BCP,PTTGC, MINT, TVO หุ้นที่หลุด List PLANB หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit ECL,IRPC,TISCO
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : KCE (ถือ -ราคาพื้นฐาน 27.75)
KKP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 97.00)
Flash Note : BTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 11.00)
LPN (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.40)
MC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 11.40)
Key takeaways : SF (Not rated)
In The News : กลุ่มพลังงาน : ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดตั้งแต่พ.ย.61
หุ้นปันผลเด่น : หุ้นที่ประกาศปันผลและให้ Yield ในรอบนี้สูงกว่า 3%
Turnover List Watch : คาดยังไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ การเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ: จบวันนี้ คาดหวังผลลัพธ์ที่ดี
# เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนได้เริ่มการเจรจาการค้าและเศรษฐกิจรอบใหม่ในช่วงเช้าวานนี้ที่กรุงปักกิ่ง จะจบลงในวันนี้
# นักลงทุนมีมุมมองในด้านบวกต่อการเจรจาครั้งนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายมนูชิน ต่างก็ส่งสัญญาณในด้านบวกว่า การเจรจาการค้ากับจีนเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจากเดิมในวันที่ 1 มี.ค.ออกไป หากคณะเจรจาของสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในไม่ช้า
# สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนในรอบนี้ จะมีการสรุปผลการประชุมในวันนี้
- สหรัฐ: ดอลลาร์กลับมาอ่อน หลังตัวเลขค้าปลีกและการขอรับสวัสดิการว่างงานไม่สดใส
# ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.)หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 9 ปี และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่พุ่งขึ้นสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์
+ สหรัฐ: ภาวะ Shut Down คลี่คลายไปในทางที่ดี
# นายเควิน แมคคาร์ธี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์รอบที่ 2 ในวันที่ 15 ก.พ. ประสบความคืบหน้า โดยตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ด้วยการเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ข้อตกลงชั่วคราวยังครอบคลุมถึงการลดจำนวนเตียงในสถานกักกันผู้อพยพที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายลง 17% เหลือ 40,520 เตียง จากปัจจุบันที่จำนวน 49,057 เตียง
# ทั้งนี้ แม้ที่ประชุมยังไม่เห็นพ้องในการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงคอนกรีตกั้นแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกวงเงิน 5.7พันล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ แต่พรรคเดโมแครตก็มีท่าทีอ่อนลงต่อข้อเรียกร้องดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ โดยในระหว่างการประชุมครั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้แสดงการคัดค้านต่อข้อเรียกร้องของปธน.ทรัมป์ และขณะนี้ พรรคเดโมแครตเห็นพ้องต่อแนวคิดในการสร้างรั้วความยาวมากกว่า 55 ไมล์
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง กังวลตัวเลขค้าปลีก ธ.ค.61 ร่วงหนัก
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,439.39 จุด ลดลง 103.88 จุด หรือ -0.41% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,745.73 จุด ลดลง 7.30 จุด หรือ -0.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,426.95 จุด เพิ่มขึ้น 6.57 จุด หรือ +0.09%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) หลังจากทางการสหรัฐรายงานว่ายอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ร่วงลงหนักสุดในรอบ 9 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสินค้าผู้บริโภคดิ่งลง และยังสกัดปัจจัยบวกจากรายงานความคืบหน้าของการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนด้วยเช่นกัน
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น โอเป็กและซาอุผลิตน้อยลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 54.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 2562
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 64.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2561
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะช่วยหนุนอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์หลายรายการ ซึ่งรวมถึงน้ำมันนอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับข่าวการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง เข้าสินทรัพย์เสี่ยง หวังเจรจาการค้าคืบหน้า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่1,313.90 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งสัญญาคืบหน้า รวมทั้งแนวโน้มที่ว่าสหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะที่หน่วยงานของรัฐบาลปิดทำการชั่วคราว หรือชัตดาวน์
• ตัวเลขเศรษฐกิจประกาศสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.,สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน พ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire StateManufacturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/• การเมืองไทย: ไทยรักษาชาติเตรียมทำคำชี้แจงยื่นศาลรัฐธรรมนูญ
# นายสุรชัย ชินชัย คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวภายหลังรับหนังสือสำเนาคำร้องจากเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญเรื่องมีมติรับคำร้องกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติว่า ในเบื้องต้นฝ่ายกฎหมายจะนำคำร้องไปวิเคราะห์ว่ามีประเด็นข้อกล่าวหาอย่างไรบ้างและทางพรรคไทยรักษาชาติจะทำข้อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในเวลาที่กำหนด 7 วัน และตามประมวลกฏหมายพิธีพิจารณาความจะต้องทำข้อชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยื่นให้กับศาลรัฐธรรมนูญ โดยทางพรรคไทยรักษาชาติจะทำคำชี้แจงเป็นราย
ประเด็นตามที่ผู้ร้องได้ตั้งข้อกล่าวหา
+/• สื่อสาร : กสทช.เห็นด้วยยืดชำระไลเซ่นส์ให้ผู้ประกอบการมือถือ หวังกระตุ้นประมูล 5G
# กสทช. กล่าวถึงการประชุมร่วมกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมที่ประมูลได้คลื่นความถี่ 900 เมกกะเฮิรตซ์ (MHz) ว่า การประชุมวันก่อน (13 ก.พ.) เป็นการประชุมระหว่าง กสทช. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงการคลัง ผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั้ง 3 ราย (เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ) เพื่อพิจารณาข้อเสนอมาตรการช่วยผู้ประกอบการที่ประมูลคลื่น 900 MHz โดยที่ประชุมได้รับทราบความจำเป็นที่เอกชนควรได้รับมาตรการช่วยเหลือด้วยการขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
# กสทช. กล่าวว่าไม่สามารถระบุได้ว่ามาตรการช่วยเหลือทั้งกิจการทีวีดิจิทัลและกิจการโทรคมนาคม จะเสร็จสิ้นก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ โดย กสทช.ได้มีการชี้แจงในรายละเอียดต่างๆ ทั้งหมดต่อที่ประชุมแล้ว ฉะนั้น จึงต้องติดตามต่อไปว่าการพิจารณาจะมีความชัดเจนอย่างไร
# สำหรับค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz งวดสุดท้ายของกลุ่ม ADVANC มีมูลค่า 59,574 ล้านบาท ขณะที่ทรูมูฟเอ็ช มีมูลค่า 60,218 ล้านบาท และ DTAC มีมูลค่า 30,024 ล้านบาท
+/- THAI: ไม่เพิ่มทุนให้ NOK เพราะแผนธุรกิจไม่ชัดเจน
# นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) กล่าวว่า บริษัทไม่ได้เพิ่มทุนในบมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) เพราะประเมินว่าแผนการดำเนินธุรกิจมีความไม่ชัดเจน รวมถึงแผนการใช้เงิน รวมทั้งการลงทุนยังไม่เห็นผลตอบแทนในระยะสั้นและระยะปานกลาง ประกอบกับ การบินไทยเองก็มีภารกิจต้องฟื้นฟูกิจการของตัวเองอยู่ดังนั้น บริษัทจึงสละสิทธิการเพิ่มทุน NOK ในครั้งนี้ ทำให้สัดส่วนถือหุ้นลดลงจาก 21.8% เป็น 15.94% หรือลดลง 5.86%
+/• ส่งออกไทย: กระทรวงพาณิย์ยืนเป้าส่งออกปีนี้ยังโตได้ 8%
# ก.พาณิชย์ย้ำเป้าส่งออกทั้งปีโต 8% เมินตัวเลขปีที่แล้วต่ำ ไม่หวั่นถูกกดดันการค้าจากสงครามา นโยบายกีดกัน ยันวางแผนเร่งผลักดันต่อเนื่อง เดินหน้าทำงานเชิงรุกเจาะจีนรายมณฑล อินเดีย และละตินอเมริกา วอนแบงก์ชาติดูแลค่าบาทให้มีเสถียรภาพ ห่วงกระทบภาคเกษตร
-/+ หุ้นสายการบิน: ยังต้องระวังการขาดทุนในงวด 4Q61
# คาดว่าหุ้นสายการบินส่วนใหญ่ในงวด 4Q61 จะประกาศผลขาดทุนออกมา จึงจะเป็น sentiment ด้านลบในระยะสั้นได้แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลงในช่วงเวลานั้น แต่การไปซื้อสัญญาประกันความเสี่ยงล่วงหน้า เพื่อทำ Hedgingกลับทำให้มีต้นทุนน้ำมันสูงขึ้น อีกทั้งยังประสบปัญหานักท่องเที่ยวจีนที่หดหายไป
# แต่เมื่อย่างเข้าสู่ในงวด 1Q62 คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานกระเตื้องดีขึ้นเป็นกำไร เพราะผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันกลับน้อยลง และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทยฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตามยังต้องเผชิญกับฐานกำไรในงวด 1Q61 ที่สูง จึงมีโอกาสที่กำไรลดลง y-o-y ได้
# แนะนำ ซื้อ AOT, BTS และ BEM ที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ยังแข็งแกร่งมากกว่ากลุ่มสายการบิน
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]