WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------------
Market Outlook
•    วันนี้เราคาดดัชนี SET มีโอกาสแกว่งผันผวนในกรอบ จากทั้งปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตาทั้งประเด็นเรื่อง Government Shutdown และการประชุมระหว่างผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-จีนในวันนี้ ขณะฝั่งตลาดหุ้นไทยต้องเฝ้าระวัง Consensus ที่ปรับคาดการณ์ EPS ปีนี้ของดัชนี SET ลงต่อเนื่องจากช่วงต้นปี บวกกับนลท.ต่างชาติพลิกกลับขายสุทธิห้าวันติดต่อกันประเมินกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,645 จุด และแนวต้านที่ 1,665 จุด
Market Factors
•    (Watch) จับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีโอกาสขยายเวลาขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนออกไปอีก 60 วันจากกำหนดวันขึ้นภาษีวันที่ 2 มี.ค. และประธานาธิปดีสหรัฐฯนายโดนัลด์ทรัมป์อาจเซ็นรับรองร่างงบประมาณเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ Government Shutdown และประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินเพื่อให้ได้งบประมาณส่วนที่เหลือจากข้อตกลงในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก (วุฒิสภาอนุมัติ 1.375 ล้านดอลลาร์vsทรัมป์ต้องการ 5.7 ล้านดอลลาร์) 
•    (-) SpreadThai Government Bond ระหว่าง 2 Year-10 Year Yield ปรับลดลงเหลือ -60.931bps จากระดับสูงสุดเมื่อต้นเดือน  ก.พ. 61 ที่ -54.547bps โดยเป็นการปรับตัวลดลงของ Yield ใน 2 Year และปรับเพิ่มขึ้นของ Yield ใน 10 Year แสดงให้เห็นถึงการความต้องการพักเงินในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุสั้นกว่า
•    (Neutral) อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยผลการทบทวนชั้นสุดท้ายของคณะกรรมการ คปป. หลังพิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริง โดยมีมติไม่ให้ขยายเวลาการใช้มาตรการปกป้อง (SG) สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจือเนื่องจากไม่พบความเสียหายร้ายแรงที่เกิดกับอุตสาหกรรมภายในอันเนื่องมาจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ตามหลักการใช้มาตรการดังกล่าว บวกกับการใช้มาตการ SG มีต้นทุนสูงและอาจมีคววามเสี่ยงต่อการถูกตอบโต้ทางการค้าได้ (ประชาชาติธุรกิจ)
•     (-) เม็ดเงินโฆษณาเดือน ม.ค. ภาพรวมหดตัว 2.2%YoYหลังเอเจนซี่ชะลอการใช้เม็ดเงินโฆษณาเพื่อรอความชัดเจนหลังการเลือกตั้งโดยสื่อที่ปรับลงมากสุดได้แก่นิตยสาร -33%YoY, สื่อในโรงภาพยนต์ -24.5%YoY และสื่อหนังสือพิมพ์ -19.2%YoYขณะที่เม็ดเงินในกลุ่มออนไลน์และทีวีปรับดีขึ้น 16.8%YoYและ 3.3%YoY ตามลำดับ
Investment Strategy
•    สัปดาห์หน้าเรามอง SET Index พักฐานหลัง Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.16 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 111.44 บาท หรือลดลง 3.23%YTD บวกกับ นักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นติดต่อกันเป็นวันที่ห้ามูลค่ารวมเท่ากับ 6,861.7 ลบ. ทำให้เรามองว่า SET Index มีโอกาสพักฐานแกว่งในกรอบ1,645-1,665 จุด ดังนั้นแนะนำลดพอร์ตเพื่อถือเงินสดบางส่วน และทยอยซื้อกลับใน 3 กลุ่มหุ้นเด่นเมื่อดัชนีปรับตัวลงมาในกรอบแนวรับ ดังนี้
•    กลุ่มโรงพยาบาล: มองเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจยามตลาดผันผวน จากกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราคัดกรองหุ้นจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ที่มี Earning Growth ปี 62 โต และยังมี Upside เลือก EKH (ปี 62 ตั้งเป้ารายได้โตหนุนด้วยการเปิดให้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พระราม 9 สามารถให้บริการได้เต็มปีทำให้สามารถรองรับคนไข้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นจาก 300 ราย/ปีจากเดิมที่ 200 ราย/ปีนอกจากนี้เตรียมเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ในช่วงต้นปี 62 ซึ่งจะมีจำนวนห้องและเตียงเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 53 เตียงจากเดิมที่มี 86 เตียง), LPH (หนุนด้วยเป้ารายได้ปี62 เติบโต 10-15%YoY + มีแผนนำบริษัทลูกคือบริษัทศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซียจำกัด (AMARC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 63) และ RJH (ปี 62 คาดรายได้โตราว 10-15% จากกลยุทธ์การให้บริการเฉพาะทางทั้ง Heart Center , MRI, Check Up และการเปิดศูนย์ฟอกไตเทียมเฟสใหม่ที่มีเครื่องฟอกไตเพิ่มอีก 8 ยูนิตรวมเป็นทั้งหมด 35 ยูนิต), BCH (จากการปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือ และการเพิ่มศูนย์การแพทย์ระดับตติยภูมิ พร้อมกับแนวโน้มสดใสของ WMC และ IVF)
•    กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสรุปเบื้องต้นของ ธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ.      2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28%  ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้า แนะนำSAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoY จากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoY สอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขา บวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoY ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมีNPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
•    หุ้นกลุ่มที่คาดงบปี 61 กำไรโตเด่น YoY และ Consensus ยังคาดโตต่อในปี 62 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1S.D. ในรอบ 1 ปี แนะนำ JMT (คาดแนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องจากแผนซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารบวกกับแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน (LTV ต่ำ, ศักยภาพทำกำไรสูงกว่าแบบไม่มีหลักประกัน) หนุนยอดหนี้ที่บริหารอยู่แตะระดับ1.4แสนลบ. นอกจากนี้ในแง่ความสามารถในการจัดเก็บหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดีสะท้อนได้ด้วยCash Collection ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง), PLANB (ได้รับผลบวกจากเม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้านปี 61 โต  7%YoY บวกกับ     ปี 62 มีแผนขยาย Media Capacity อีก 12-15%YoY หนุนให้สามารถครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นอีกทั้งบริษัทยังมีจุดเด่นจากการทำ Engagement Marketing พร้อมแผนต่อยอดธุรกิจSport Marketing ด้วยการลงทุนในร้านนำเข้าสินค้ากีฬาภายใน้แบรนด์ ATMOS) และ COM7 (มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลงได้สะท้อนแนวโน้มยอดขาย IPHONE ที่ต่ำลงไปแล้วขณะที่บริษัทได้เริ่มปรับพอร์ตสินค้าโดยเพิ่มสัดส่วนแบรนด์อื่นมากขึ้นอาทิ Huawei VIVO และ OPPO ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้ดีและยังสอดคล้องกับแผนขยายธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดในรูปแบบแฟรนไชส์ซึ่งคาดจะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนขึ้นในปีนี้)
Quantitative Screening
•    Dividend Theme โดย Screen หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากการขึ้นเครื่องหมาย XD รอบนี้โดดเด่น แนะนำ NYT (5.8%, XD 3 พ.ค.จ่ายปันผล 24 พ.ค.)
 
    14-Feb-19    Change (pts.)    13-Feb-19
SET Index    1,652.64    -3.09    1,655.73
SET50 Index    1,100.41    -2.60    1,103.01
SET100 Index    2,425.84    -6.06    2,431.90
 
 
 
High    1,659.52    Gainers                           514 
Low    1,650.13    Unchanged    528
Value (Bt m)    45,882.01    Losers                           762 
Volume (*000)    12,783,228          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    14.8    13.7    13.7
EPS Growth (%)    13.9    9.3    19.6
EV/EBITDA (x)    10.0    9.4    No Data
FWD PBV (x)    1.8    1.7    No Data
Dividend Yield (%)    3.2    3.5    No Data
ROE    11.7    11.7    No Data
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    14-Feb-19    WTD    MTD    YTD
Institution    2,700.72    5,379.83    14,962.39    24,993.83
Proprietary    281.40    1,429.78    2,040.62    736.58
Foreign     (2,444.68)    (6,214.24)    (5,326.92)    1,394.72
Individual    (537.43)    (595.36)    (11,676.10)    (27,125.13)
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!