เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเด่นในกลุ่ม ICT นำโดย TRUE, ADVANC, DTAC, JAS ในขณะที่เกิดแรงขายทำกำไรในกลุ่มโรงไฟฟ้านำโดย EA, BGRIM และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่าง KCE ณ.สิ้นวันปิดตลาดที่ 1,655.7 จุด (-3.09 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.6 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า 4.5 หมื่นลบ.

          นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 ที่ 2,444 ลบ. (กองทุนซื้อสุทธิสูงกว่า 2,700 ลบ.) และเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิที่ 14,794 สัญญา

 

          จับตาผลเจรจาการค้าในคืนนี้: แนะนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ผู้แทนสหรัฐนำโดย Kudlow และ Robert Lighthizer ซึ่งมีกำหนดการเข้าพบผู้นำ Xi Jinping ในวันนี้ (ยังไม่ทราบเวลาที่ชัดเจน) เบื้องต้นเราคาดการที่ Trump ไม่เดินทางมาเอง อาจแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงทั้งหมดมีความเป็นไปได้น้อย กล่าวคือมีโอกาสที่ผลลัพธ์จะจบด้วยการเลื่อน Hard deadline ออกไป (การขึ้นอัตราภาษีรอบใหม่ 25% บนวงเงินสินค้า 2.0 แสนล้านเหรียญสหรัฐจากประเทศจีน) หากเป็นเช่นนั้นเรามองว่าไม่ใช่ประเด็นบวก และแสดงถึงความขัดแย้งในบางประเด็น สอดคล้องกับมุมมองที่เราคาดไว้ก่อนหน้า คือ อาจตกลงกันได้ในการลดยอดขาดดุลการค้า แต่ประเด็นสำคัญกว่านั่นคือ การปกป้องสิทธิทางปัญญา และการถ่ายโอนข้อมูลที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง และหากเป็นเช่นนี้ เบื้องต้นเราประเมินว่าตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึง SET ได้ปรับขึ้นสะท้อนผลลัพธ์ดังกล่าวแล้ว และอาจเป็นการจำกัด Upside ในระยะสั้น 

          Investment Theme:  เราแนะรอซื้อเมื่ออ่อนตัวบริเวณแนวรับ 1,630 จุด พร้อมถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% ถือหุ้น BEM, EGCO, VGI, CPALL, AOT, BJC และเลือก PTTEP เป็นตัวแทน Global play ในขณะที่ประเมินกรอบ การแกว่งตัว SET ในเดือนก.พ.ที่บริเวณ 1,630-1,670 จุด +/- และอีกหนึ่งปัจจัยที่เรายังมองว่าเป็นการจำกัด Upside ของตลาดนั่นคือ SET-EPS ที่ปัจจุบันยังทำระดับต่ำสุดของปีอย่างต่อเนื่องที่ 111.68 (เท่ากับกำไรตลาดปีนี้เติบโตต่ำเพียง 3-4%)

 

Big issue

          เมื่อคืนที่ผ่านมา : จีนรายงานตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. +9.1%YoY และเกินดุล 3.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยขาดเกินดุลสหรัฐลดลงเหลือ 2.73หมื่นล้านเหรียญ (-8.6%MoM) / Trump เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉินสร้างกำแพง / สหรัฐรายงานยอดค้าปลีกเดือนม.ค. -1.2% ต่ำสุดในรอบ 9 ปี

 

          Trading idea -  เก็งกำไร PTTEP ราคาเป้าหมาย 150 บาท โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อ OPEC  ที่เดินหน้าลดกำลังการผลิต และประเด็น SPA รวมเพิ่มเข้าใกล้ 8 MTA ซึ่งเป็นปริมาณขั้นต่ำนำไปสู่การ FID โครงการ ทำให้แผนการ FID ภายใน 1H62 มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น และเป็น Upside 13.8% ต่อปริมาณสำรอง ณ. สิ้นปี 2561 ของ PTTEP

 

          แนวต้าน 1665 ยังผ่านได้ยาก จังหวะ Rebound ยังมองเป็นโอกาสขาย:  ดัชนีปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อเด่นหุ้นกลุ่มสื่อสาร แต่กลุ่มหลักอื่นๆ อย่างพลังงานและธนาคารแกว่งพักตัว ทำให้ภาพของดัชนีเป็นการแกว่ง Sideway Up พยายามทดสอบแนวต้าน 1665 (EMA200Day) แต่เนื่องจากขณะนี้ MACD เริ่มตัดส้น Signal ลงเป็นสัญญาณลบ จึงมองว่าระยะสั้นดัชนีมีโอกาสพักฐาน มองแนวรับที่ 1640 และ 1630 (กรอบล่าง Uptrend) ระยะกลางหากไม่หลุด 1630 ยังคาดหวังการ Rebound ทดสอบแนวต้าน 1665 อีกครั้ง โดยจังหวะ Rebound ระหว่างวันยังมองเป็นโอกาสขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ  กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound พิจารณาแรงขายตามแนวต้าน แต่หากดัชนีหลุด 1640 แนะนำ Lock Profit ทั้งหมด  2) ไม่มีหุ้น: หากอ่อนตัวทดสอบแนวรับ 1640-1645 แล้วไม่หลุด มองเป็นโอกาสสะสมหุ้น เพื่อเล่น Rebound สั้นๆ แต่หากหลุด 1640 แนะนำชะลอการเก็งกำไร

          แนวรับ : 1630, 1640 แนวต้าน : 1665, 1675

          ปัจจัยต่างประเทศ :  -

          ปัจจัยในประเทศ :  15 ก.พ.จับตากกต.พิจารณาคุณสมบัติผู้ชิงนายกรัฐมนตรี/ 27ก.พ. ศาลรธน.นัดพิจารณาคดียุบพรรคทษช.

 

          OSP (B 25.50-26.00, Tp 27.50/28.50, Cut 25.00)

          SISB (5.30-5.40, Tp 5.60//5.80, Cut 5.20)

 

 

5 เมกะโปรเจค 'อีอีซี' สะดุด นายกฯไล่เช็คโครงการ หลังพลาดเป้า-'คณิศ'ชงเลื่อนประมูลอู่ตะเภา (กรุงเทพธุรกิจ) 

          5 เมกะโปรเจค"อีอีซี" สะดุดหวั่นกระทบความเชื่อมั่น "ประยุทธ์" ไล่เช็ครายโครงการวันนี้ เผยเข็นไฮสปีดครบ 1 ปียังหาผู้ชนะไม่ได้ "สกพอ."ชงเลื่อน ยื่นซองอู่ตะเภาไปกลางมี.ค. ด้านหอการค้าห่วงเอกชนชะลอลงทุน

          ความเห็น : โครงการเมกะโปรเจค EEC 5 โครงการ คือ  1. รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน  2. การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา  3. ศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา  4.ท่าเรือแหลมฉบัง  และ 5.ท่าเรือมาบตาพุด   มูลค่ารวมประมาณ 7 แสนล้านบาท  มีความล่าช้า  โดย รถไฟความเร็วสูง สนามบิน และ ท่าเรือ มีความเกี่ยวเนื่องกัน การขาดโครงการใดโครงการหนึ่งจะทำให้โครงการที่เหลือสะดุด  เราให้น้ำหนักกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่ากับตลาด  เราแนะนำ เก็งกำไรช่วงอ่อนตัวใน STEC (เป้าหมาย 29 บาท) และ CK (เป้าหมาย 31 บาท) จากผลประกอบการ 4Q61 จะอยู่ในเกณฑ์ดี

 

BGRIM ลุยเพิ่มทุนบริษัทย่อย รองรับการพัฒนาโซลาร์รูฟท็อป ขนาด 70 MW (ข่าวหุ้น) 

          BGRIM แจ้งเพิ่มทุนในบริษัทย่อย "บี.กริม โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟท็อป" เป็น 251 ล้านบาท จาก 10 ล้านบาท รองรับการพัฒนาโครงการโซลาร์รูฟท็อป ขนาดรวม 70 เมกะวัตต์

          ความเห็น : เราเชื่อว่าการเพิ่มทุนในบริษัทย่อยครั้งนี้ เพื่อรุกเข้าสู่ตลาด Solar Rooftop ที่ได้รับการส่งเสริมตามแผน PDP2018 ที่เราเชื่อว่ากลุ่มผู้รับเหมาติดตั้ง จะได้ประโยชน์มากกว่าผู้ดำเนินการซึ่งส่วนใหญ่คาดเป็นประชาชนทั่วไป ในระยะสั้นเรายังมอง Upside จำกัดจากธุรกิจนี้สำหรับ BGRIM เราประเมินข่าวบวกยังมาจากความคืบหน้าการลงนามสัญญาโรงไฟฟ้า SPP ต่ออายุ 3 โครงการ แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 30 บาท

 

EA จ่อ COD ลมหนุมาน อีก 170 MWในเดือนนี้ (ข่าวหุ้น) 

          EA เตรียม COD โรงไฟฟ้าพลังงานลม "หนุมาน" อีก 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 170 MW ภายในปลายก.พ.นี้ หนุนสิ้นปี 62 กำลังการผลิตไฟฟ้าพุ่ง 664 MW โบรกฯคาดปี 61 มีกำไร 5,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% พร้อมลุ้นปี 62 กำไรโตอีก 49% เชียร์ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 65 บาท

          ความเห็น :  ภาพรวมกำไร 4Q61 คาดยังคงขยายตัวได้เด่น +30-50%YoY จากการทยอย COD โรงไฟฟ้าพลังงานลม หนุมาน (ชุดแรก) และจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 62 จากโรงไฟฟ้าพลังงานลม หนุมานส่วนที่เหลือ ใน 1Q62 โดยประเมิน ปี 62 เติบโตต่อเนื่องอีก 22.8%YoY ส่วนด้านประเด็นการให้บริการเรือขนส่งในแม่น้ำเจ้าพระยา อาจไม่ได้ส่งผลบวกต่อกำไรมากนัก แต่ถือเป้นการต่อยอดธุรกิจแบตเตอรี่เพิ่มเติมได้ แนะ Buy ราคาเป้าหมาย 52.8 บาท เทคนิค ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ต้าน 51.5 รับ 50 บาท   

 

เอกชนวอนรัฐขยายค่าคลื่น 900 โบรกฯประเมิน TRUE ได้ประโยชน์มากสุด (ข่าวหุ้น) 

          3 ค่ายมือถือ "ADVANC-TRUE-DTAC" งัดเหตุผลวอนรัฐขยายจ่ายค่างวดคลื่น 900 MHz งวดที่ 4 ออกไป ฟากกสทช.ให้ข้อมูลสนับสนุน ชี้รัฐออกมาตรการช่วยเหลือเกิดประโยชน์กับประเทศ โบรกฯคาด TRUE ได้รับประโยชน์สูงสุด

          ความเห็น :  ประเด็นข้างต้นช่วยหนุน sentiment บวกต่อกลุ่มสื่อสาร หากมีการยืดระยะเวลาจ่ายออกไป ซึ่ง mobile operator มีภาระที่ต้องจ่ายอีกราว 60,000 ล้านบาทสำหรับ ADVANC,TRUE ในปี 2563 และราว 30,000 ล้านบาทในปี 2565  อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยเท่านั้น ภาครัฐยังไม่มีการออกมาตรการหรือใช้ ม.44 มาช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ แต่เรามองว่าหากเกิดขึ้นจริง TRUE จะได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มทั้งจาก ราคาประมูลคลื่นที่สูงสุดแล้ว การเลื่อนจ่ายจะทำให้ความเสี่ยงลดลงในแง่สภาพคล่องและฐานะทางการเงิน ได้มากสุดเมื่อเทียบกับรายอื่น

 

SAWAD เริ่มคืนฟอร์ม รับกำไรนิวไฮ 814 ล้าน (ข่าวหุ้น) 

          ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น เริ่มกลับมาเด่น คาดไตรมาส 4 ทำกำไรนิวไฮกว่า 814 ล้านบาท แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาส รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโต 168.7% ด้าน "ธิดา แก้วบุตตา" มั่นใจบริษัททำกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ย 42.56% รอประกาศวันที่ 26 ก.พ.นี้ ราคาเป้าหมาย 59 บาท

          ความเห็น :  คาดผลการดำเนินงาน 4Q61 จะเร่งตัวขึ้นทั้ง QoQ และ YoY และคาดจะขยายตัวได้ต่อเนื่องในปี 62 จากการทยอยเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดสินเชื่อที่ยังคงเติบโตได้ดี เทคนิคสวย อยู่ในกรอบขาขึ้น ต้านถัดไป 54 รับ 51.5 บาท