- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 February 2019 20:31
- Hits: 5051
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“โมเมนตัม SET ดี-เจรจาการค้า และหยุด Shut Down”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ปรับเพิ่มถึง 13.24 จุด ปิดที่ 1655.73 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นที่ 45.3 พันล้านบาท ตลาดได้รับปัจจัยบวกต่างประเทศคือ ภาวะ Shut Down จะไม่เกิดขึ้น หลังเส้นตาย 15 ก.พ.62 และการเจรจาจีน-สหรัฐ 14-15 ก.พ.มีแนวโน้มดีขึ้นและอาจจะเลื่อนเส้นตายออกไปจาก 1 มี.ค.62 ด้านปัจจัยในประเทศเกี่ยวกับการเมืองคือ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ขณะที่พรรคนี้ก็ต่อสู้ที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งเช่นเคย ผู้ขายสุทธิเป็น รายย่อย 3.1 พันลบ. และต่างชาติ 1.4 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 3.7 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.8 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET มีโมนมันตัมดี รับข่าวการ Shut Down คลี่คลาย เจรจาการค้าจีน-สหรัฐมีสัญญาณดีขึ้น เริ่มวันนี้ ประชุม 2 วันทราบผลวันศุกร์ ปัจจัยบวกคือดาวโจนส์และน้ำมันปรับขึ้นดี เศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับมาฟื้นตัว และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ ม.ค.ทรงตัว
# แต่ปัจจัยลบคือ เศรษฐกิจยูโรโซนและอังกฤษอ่อน ปัญหา Brexit และปัจจัยการเมืองไทยที่ผันผวนมากขึ้น จะยุบพรรค ทษช หรือไม่
# กลยุทธ์ คือ หาก SET ปรับขึ้นต่อ เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1660-1680 จุด แต่หากมีแรงขายต่อ แนวรับเป็น 1630,1610 ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น TISCO : คาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 โตน่าพอใจเป็น 8.5% โดยให้สมมติฐานสินเชื่อโต 4%, NIM 4%, รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยหดตัว 2% และสัดส่วน Costto-income 43% และการตั้งสำรองฯ 0.9% ของสินเชื่อรวม แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 102.00 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปี 62 ที่ 2.0 เท่า และราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 21% คาดการณ์ Dividend Yield ปี 61-62 ปีละ 7% สำหรับปัจจัยที่อาจกลับมาดีกว่าคาด (Upside Risks) คือ 1. การตั้งสำรองฯต่ำกว่าที่เราประมาณการ และ2. รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตมากกว่าคาด
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดย“ติด”แนวต้าน และยังถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆต่อก่อน (แล้วลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1660 (หรือ 1670 – 1680)จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1650” (แนวรับย่อย “1630 / 1620 – 1610” จุด)}
สำ หรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TISCO, AEONTS, BCP, PTTGC, MINT, TVO หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PLANB, VGI, ECL, QH,MBK,IRPC,GUNKUL,VNT หุ้นที่หลุด List ไม่มี หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit TOP,BCH,KKP,BGRIM, HANA, KTC
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 24.00)
TKN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 15.00)
Stock in Focus : MTC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 63.00)
Flash Note : AOT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 75.00)
IRPC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.95)
MC (ถือ -ราคาพื้นฐานอยู่ระหว่างปรับปรุง)
In The News : ข่าวเด่น
Turnover List Watch : คาดยังไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ การเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ: เริ่มวันนี้ คาดหวังผลลัพธ์ที่ดี
# เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนได้เริ่มการเจรจาการค้าและเศรษฐกิจรอบใหม่ในช่วงเช้าวันนี้ที่กรุงปักกิ่ง
# นักลงทุนมีมุมมองในด้านบวกต่อการเจรจาครั้งนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายมนูชิน ต่างก็ส่งสัญญาณในด้านบวกว่า การเจรจาการค้ากับจีนเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจากเดิมในวันที่ 1 มี.ค.ออกไป หากคณะเจรจาของสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในไม่ช้า
# สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนในรอบนี้ จะมีการสรุปผลการประชุมในวันศุกร์นี้
+ การเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ: ประธานาธิบดีจีนจะพบกับคณะผู้แทนระดับสูงของสหรัฐ
# สื่อจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนจะพบกับคณะผู้แทนระดับสูงของสหรัฐที่เดินทางมาประชุมเรื่องการค้าระหว่างจีนและสหรัฐในวันศุกร์ที่จะถึงนี้
+ ญี่ปุ่น: เศรษกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว
# สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561 ขยายตัว1.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
# หากเทียบเป็นรายไตรมาส GDP ไตรมาส 4 ของญี่ปุ่นซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลกนั้น ขยายตัว0.3%
• สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว
# ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% โดยดัชนี CPI เดือนม.ค.ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน
# ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือนและสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% ติดต่อกัน 5 เดือน
+ สหรัฐ: ภาวะ Shut Down คลี่คลายไปในทางที่ดี
# นายเควิน แมคคาร์ธี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์รอบที่ 2 ในวันที่ 15 ก.พ. ประสบความคืบหน้า โดยตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ด้วยการเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ข้อตกลงชั่วคราวยังครอบคลุมถึงการลดจำนวนเตียงในสถานกักกันผู้อพยพที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายลง 17% เหลือ 40,520 เตียง จากปัจจุบันที่จำนวน 49,057 เตียง
# ทั้งนี้ แม้ที่ประชุมยังไม่เห็นพ้องในการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงคอนกรีตกั้นแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกวงเงิน 5.7พันล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ แต่พรรคเดโมแครตก็มีท่าทีอ่อนลงต่อข้อเรียกร้องดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ โดยในระหว่างการประชุมครั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้แสดงการคัดค้านต่อข้อเรียกร้องของปธน.ทรัมป์ และขณะนี้ พรรคเดโมแครตเห็นพ้องต่อแนวคิดในการสร้างรั้วความยาวมากกว่า 55 ไมล์
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้นต่อ การ Shut Down คลี่คลาย ลดกังวลเจาจาการค้า จีน-สหรัฐ
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,543.27 จุด เพิ่มขึ้น 117.51 จุด หรือ +0.46% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,753.03 จุด เพิ่มขึ้น 8.30 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,420.38 จุด เพิ่มขึ้น 5.76 จุด หรือ +0.08%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าการเจรจาของทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปในระยะนี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐทรงตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับขึ้น โอเป็กและซาอุผลิตน้อยลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 63.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 2561
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) ขานรับมุมมองบวกที่ว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ปรับลดการผลิตในเดือนม.ค.
- ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น แม้ดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่1,315.10 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาว่าสหรัฐจะเผชิญกับสถานการณ์ที่หน่วยงานของรัฐบาลถูกปิดทำการ หรือชัตดาวน์ รอบที่สองหรือไม่
• ตัวเลขเศรษฐกิจประกาศสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/• ค่าเงินบาท: ก.พาณิชย์หารือกับ ธปท.เรื่องสถานการณ์บาทแข็งค่ามาก
# รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าในขณะนี้ว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้หารือเรื่องนี้กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่ง ธปท. กำลังดูแลอย่างใกล้ชิด (Aspen)
-/+ กลุ่มโรงกลั่น: ผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันในประเทศทั้ง 6 ราย พร้อมที่จะผลิตน้ำมันดีเซลคุณภาพยูโร 5
# นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้จัดการประชุมร่วมกับผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน ในการพิจารณามาตรการร่วมมือลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากรถยนต์ ซึ่งได้ข้อสรุปยืนยันว่าผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันในประเทศทั้ง 6 ราย พร้อมที่จะผลิตน้ำมันดีเซลคุณภาพยูโร 5 ได้ทั้งหมดภายในปี 66(Aspen)
+ METI สนใจอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ไทย
# ผู้อำนวยการสำนักอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและวัสดุอากาศยาน กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น(METI) พร้อมคณะนักธุรกิจด้านอุตสาหกรรมการบินจากประเทศญี่ปุ่น 30 ราย เดินทางมาประเทศไทยเพื่อรับฟังนโยบายด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน และโลจิสติกส์ของประเทศไทย และศึกษาลู่ทางการลงทุน (Aspen)
# ผลกระทบ: เป็นบวกกับหลักทรัพย์กลุ่มนิคมฯ ที่จะได้รับประโยชน์ เมื่อนักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจที่จะมาลงทุนซึ่งทั้งอุตสาหกรรมการบิน และโลจิสติกส์ นับว่าจะยิ่งทวีความสำคัญในประเทศไทย หลักทรัพย์ที่ยังแนะนำ ซื้อ คือAMATA, ROJNA และ WHA
• ธนาคารพาณิชย์ : รมว.คลังยังไม่ได้รับรายงานกรณีการควบรวมระหว่าง TMB และ TCAP
# รมว.คลังกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานกรณีการควบรวมระหว่างธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต ส่วนประเด็นว่าหากมีการควบรวมกิจการเกิดขึ้นจริงกระทรวงการคลังจะเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นทีจะต้องเพิ่ม เพราะการลงทุนในธนาคารทหารไทยไม่ใช่การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ จะต้องพิจารณาถึงผลตอบแทนด้วย หากไม่คุ้มก็ไม่เพิ่ม (Aspen)
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]