- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 February 2019 16:31
- Hits: 3712
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Global Plays//Accumulated on Weakness
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Up และปิดบวกได้ 4.49 จุดซึ่งรีบาวด์ขึ้นได้จากปรับตัวลงในวันก่อนหน้าและถือว่าดีกว่าที่เราประเมินเล็กน้อย อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 805 ลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิ 1.2 พันลบ. (ต่างชาติพลิกมา Long ใน Index Futures ราว 3 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เรายังมอง SET Index แกว่งตัวในแดนบวกโดยได้แรงหนุนหลังคณะผู้เจรจราของสภาคองเกรสสหรัฐฯสามารถบรรลุข้อตกลงและเลี่ยง Government Shutdown รอบใหม่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากยังคงไม่มีงบสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ทำให้ยังไม่แน่ชัดว่าทรัมป์จะยอมลงนาม อย่างไรก็ตามประเด็นสงครามการค้าล่าสุดทรัมป์อาจยืดเส้นตายการขึ้นภาษีสินค้าจีนในวันที่ 2 มี.ค. ออกไป ทำให้บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายขึ้น เราคาดว่าหุ้นในกลุ่ม Global Play จะกลับมา Outperform ในระยะนี้
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้นที่คาดกำไร 4Q18 โดดเด่นและหุ้น Global Play //ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานกลับในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ : EA, ERW, GLOBAL, SAPPE, SEAFCO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$202ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$330ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$70ล้าน ขณะที่ไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$26ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังคาดการณ์ว่าการเจรจาทางการค้าสหรัฐจะมีความคืบหน้าขณะที่ทั้งสองพรรคสหรัฐบรรลุข้อตกลงกันได้เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะการชัตดาวน์
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BCH <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 21 บาท (ตัดขาดทุน 16 บาท)
คาดกำไร 4Q18 +5% Y-Y อยู่ที่ 291 ลบ. ส่วนทั้งปี 2018 คาดโต 17% Y-Y อยู่ที่ 1,077 ลบ. และคาดโตต่อเนื่อง 15% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,240 ลบ. ในปี 2019 จากการขยายตัวของผู้ป่วยเงินสด โควต้าประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น และ WMC ที่เข้าสู่ Growth Stage
ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มการแพทย์ยัง Underperform ตลาดราว 7% และ BCH ยัง Underperform SET100 อยู่ราว 5%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) IRPC รายงานขาดทุนสุทธิ 4Q18 ที่ -1,627 ลบ. (เทียบกับ 3Q18 และ 4Q17 ที่กำไร 2,560 ลบ. และ 4,513 ลบ. ตามลำดับ) ดีกว่าที่เราคาดราว 10% จากกำไรพิเศษขายที่ดินให้ปตท. 250 ลบ. หากหักรายการนี้ออก กำไรสุทธิใกล้เคียงกับที่เราคาด ส่วนกำไรปีสุทธิทั้งปี 2018 อยู่ที่ 7,735 ลบ. -32% Y-Y จาก Stock loss และ Crude Premium ที่แพงขึ้น แนวโน้มกำไรปี 2019 คาดว่าจะฟื้นตัว +20% เป็น 9,278 ลบ. จาก Market GIM ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น +4% มาอยู่ที่ US$14.2/บาร์เรล จากโครงการ Catalyst Cooler (CC) และ PPC/PPE แต่กำไร 1Q19 ยังฟื้นได้ไม่ดีเพราะจะมีการหยุดเพื่อติดตั้งหน่วย CC อีกราว 1 เดือน เราอยู่ในช่วงปรับลดประมาณการและราคาเป้าหมายจากที่ให้ไว้ 7.50 บาท แต่ยังแนะนำซื้อ ปันผลงวด 2H18 จ่ายหุ้นละ 0.09 บาท yield 1.5% ขึ้น XD 26 ก.พ.2019
(-) KCE กำไรสุทธิ 4Q18 อยู่ที่ 380 ลบ. (-32% Q-Q, -36% Y-Y) ต่ำกว่าทั้งเราและตลาดคาด (เราคาด 425 ลบ.) ต่ำสุดในรอบ 21 ไตรมาส หากไม่รวม FX Gain 47 ลบ.และกำไรจากการเปลี่ยนสถานะบริษัทย่อย 25 ลบ. จะมีกำไรปกติเพียง 309 ลบ. (-40% Q-Q, -42% Y-Y) เพราะเป็น Low Season และยังได้รับผลกระทบจาก WLTP จบปี 2018 มีกำไรสุทธิ 2,015 ลบ. (-21% Y-Y) ต่ำสุดในรอบ 5 ปี คาดกำไรจะกลับมาฟื้นใน 1Q19 หลัง WLTP เริ่มคลี่คลาย และน่าจะกลับสู่ระดับปกติใน 3Q19 เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดกำไรปี 2019 +24% อยู่ที่ 2.6 พันลบ. และคงราคาเป้าหมาย 37 บาท มองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แนะนำซื้อ
(+) NER กำไรสุทธิ 4Q18 ออกมาดีมากที่ 198 ลบ. (+63.6% Q-Q, -8.3% Y-Y) ที่ลดลง Y-Y เพราะฐานสูงในปีก่อน ส่วน Q-Q โตเยอะจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น จบปี 2018 มีกำไรสุทธิ 486 ลบ. +117% Y-Y จากปริมาณขายเพิ่มขึ้นมาก ชดเชยการลดลงของราคาขายได้ทั้งหมด และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 10.3% จาก 7% ในปีก่อน แนวโน้มปี 2019 คาดปริมาณขายยังเพิ่มต่อเนื่อง ส่วนราคายาง SICOM ปัจจุบันยังค่อนข้างทรงตัว แต่เรามอง Downside ค่อนข้างจำกัด ช่วงนี้มี catalyst จากฤดูปิดหน้ายาง ทำให้ Supply น้อย คงราคาเป้าหมายที่ 3.20 บาท แนะนำเก็งกำไรตามราคายาง ส่วนปันผลจ่ายหุ้นละ 0.13 บาท Yield 5.3% XD 7 พ.ค. จ่ายเงิน 16 พ.ค.
(+) SPVI กำไรสุทธิ 4Q18 อยู่ที่ 19 ลบ. +124% Q-Q, +49% Y-Y แม้ยอดขาย iPhone รุ่นใหม่จะชะลอ แต่ SPVI มีการรับรู้งานโครงการวางระบบ Apple ให้กับโรงเรียนนานาชาติ และยังรับบริหารสาขาให้กับ AIS จึงทำให้ยังรักษาโมเมนตัมของกำไรที่ดีได้ กำไรทั้งปี 2018 จบที่ 45 ลบ. +48% Y-Y แนวโน้มกำไรปี 2019 อาจโตชะลอ จากฐานที่สูงในปีก่อน และยอดขาย iPhone ที่เริ่มถดถอย แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น ถ้าสมมติให้กำไรปีนี้ไม่โตและอิง PE 15 เท่า ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 1.65 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 ก.พ. - สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
14 ก.พ. - จีน: ดุลการค้า (ม.ค.)
14-15 ก.พ. - เจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน (เจ้าหน้าที่ระดับสูง)
15 ก.พ. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น หลังปธ.ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่าอาจขยายเวลาการขึ้นภาษีรอบที่ 2 กับจีนออกไป
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น จากความกังวลเรื่อง Trade War ที่ลดลง
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น ตาม Sentiment เชิงบวกจากสหรัฐ
(+) ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.22 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น +0.69 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 53.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบของซาอุฯปรับลดลงมากกว่าคาดราว 1 แสนบาร์เรล/วัน
(+) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น +2.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1314.0 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research