- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 February 2019 16:23
- Hits: 3722
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ภาพตลาดและแนวโน้ม
ดัชนีฯพร้อมฟืนตัว-กลับมาผงาดอีกครั้ง
เมื่อวานดัชนีฯพักตัวอยู่ในกรอบ 1634-1647 ตามคาด โดยมีแรงซื้อวนกลุ่ม (Rotation) กลับมาในหุ้น TU CPF STEC IRPC BEAUTY COM7...
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับการพักฐานรอบนี้ คาดดัชนีฯจะค่อยๆฟืนตัว ต่อเนื่อง และจะกลับมาผงาดเหนือ 1,660 จุด ได้อีกครั้ง กลยุทธ์ แนะเลือกหุ้นลงทุนเป็นรายตัวต่อไป
สัปดาห์นี้ คาดดัชนีฯหุ้นไทยมีโอกาสพักสั้นๆ จันทร์-พุธ และถ้ายังไม่หลุด 1,639 +/- 5 จุด หุ้นไทยจะกลับมา ผงาดเหนือ 1,660 จุด ได้อีกครั้ง พิจารณาจาก 1) ตลาดมีการวนกลุ่มเล่น หรือ "Sectors Rotation" จากการขายหุ้นกลุ่มหนึ่ง วนไปเข้าอีกกลุ่มหนึ่ง 2) การประกาศจ่ายเงินปันผลของหุ้นกลุ่มธนาคาร
What to watch:
(*) กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ยุบพรรค ทษช. "โดยคำวินิจฉัยออกมา ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเลือกตั้งน่าจะเป็นผลดีต่อขั้วรัฐบาลใหม่ เพราะ 100 เขต ของพรรคที่อาจ ถูกยุบ คิดเป็นเสียง สส.ราว 40 ถึง 50 ทีนั่ง อิงผลเลือกตั้ง ปี 54 ดังนั้น...เสียงนี้จะกระจายไปพรรคอื่น และมีผลต่อการจับขั้ว รัฐบาลใหม่ ที่มีโอกาสได้เสียง สส. เพิ่มขึ้นจาก สส.พรรคเล็กที่อาจได้ที่นั่งเพิ่ม
หากคำวินิจฉัยยุบพรรค ออกมาหลังเลือกตั้ง 24 มีค. กรรมการบริหารพรรคที่อาจถูกยุบ จะถูกตัดสิทธิ ทางการเมือง และต้องเลือกตั้งซ่อม แต่ถ้าเป็นแค่สมาชิกพรรคก็หาสังกัดพรรคอื่นได้ภายใน 30 วัน มองว่าจะเป็นผลบวกต่อขั้วตรงข้าม พรรคที่อาจถูกยุบ ด้วยเสียงพรรคที่อาจถูกยุบและพันธมิตรที่อ่อนแอลง" (ที่มา posttoday และ ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก , ศ.ไชยันต์ ไชยพร)
(0/+) เมื่อวาน ที่ปรึกษาทำเนียบขาว เผย ปธน.ทรัมป์ ยังคงต้องการที่จะพบปะหารือกับ ปธน. สีจิ้นผิง ของจีน เพื่อพยายามยุติสงครามการค้า และ มีโอกาสที่ จะเลื่อนเส้นตายกำแพงภาษี ออกไปจากวันที่ 1 มีค. / อนึ่ง 14-15 กพ.นี้ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-จีน จะประชุมร่วมหารือการค้ารอบ 3
(+) สมาชิกพรรค รีพับลิกัน และ เดโมแครต สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงในการเจรจาประเด็นความมั่นคง บริเวณ ชายแดน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาชัตดาวน์ ได้ภายในวันที่ 15 กพ. โดยงบประมาณนี้ ระบุถึงการสร้างรั้วแนวชายแดนตอนใต้ 55 ไมล์ มูลค่างาน 1.37 พันล้านดอลล์ แต่ไม่รวมงบสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดน 5.7 พันล้านดอลล์ ตามที่ ปธน.ทรัมป์ เรียกร้อง / ยังต้องรอดูบทสรุปจาก ปธน.ทรัมป์ อีกที แต่เชื่อว่า ผลกระทบจากการชัตดาวน์ ไม่น่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจจำกัด
หุ้นแนะนำ
EA เก็งกำไรทางเทคนิค แนวรับ 49 ต้าน 50/51.25 บ. Stop loss 48
HUMAN เก็งกำไรทางเทคนิค แนวรับ 9.5 ต้าน 10/10.5 Stop loss 9.3
รายงานวันนี้
SF: กำไรสุทธิสูงกว่าคาด 260%
SF รายงานกำไรปี 2018 ที่ 1,654 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4Q18 ที่ 808 ล้านบาท สูงกว่าคาด 260% (กำไร 4Q18 เพิ่มขึ้น 140%QoQ แต่ลดลง 20%YoY เพราะปีที่แล้วมีกำไรจากการประเมินมูลค่าเมกา บางนา ส่วนต่อขยายบันทึกเข้ามาจำนวนมาก) ไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมทั้งจากโครงการของ SF เอง รวมถึง เมกา บางนา ด้วย พร้อมกันนี้บริษัทประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้น 5:1 (หุ้นเดิม:หุ้นใหม่) และปันผลเป็นเงินสดอีก 0.10 บาท/หุ้น (ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผล 0.07 บาท/หุ้น สุทธิจากภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10%) XD วันที่ 1 เม.ย. 2019 และจ่ายวันที่ 17 เม.ย. 2019 เราแนะนำ ซื้อ SF ราคาเปาหมาย 10.30 บาท (ยังไม่รวมหุ้นปันผล)
BEM: Secured earnings plus growth stories
เราคาดกำไร 4Q18 ที่ 821 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8%YoY เพราะ traffic เพิ่มขึ้น แต่ลดลง 14%QoQ ตามฤดูกาล และค่าใช้จ่าย SG&A) และเราคาดกำไรจะโตต่อเนื่องในปี 2019 เปน 3.9 พันล้านบาท (+17%YoY) จาก traffic ที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วน MRT และ ทางด่วน และสำหรับการต่อสัมปทานทางด่วนไปถึงปี 2057 (บอร์ดการทางฯ มีมติต่ออายุเมื่อวันที่ 20 ธค. 2018 สัมปทานเพื่อชดเชยคดีความ) ซึ่งเราปรับราคาเปาหมายขึ้นเพื่อสะท้อนอายุสัมปทานที่เพิ่มขึ้น เราแนะนำ ซื้อ ราคาเปาหมาย 11.80 บาท
CBG: Double upgrade to BUY
หลังจากที่บริษัทรายงานกำไรปรับตัวลดลง YoY มา 5 ไตรมาสติดต่อกัน เรามองว่ากำไรจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวใน 4Q18 หนุนโดยการฟื้นตัวของยอดขายในประเทศ ในขณะที่ยอดส่งออกไปกัมพูชาและพม่าเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของอัตรากำไรจากประสิทธิภาพการผลิตทีดี่ขึ้น, ต้นทุนน้ำตาล เศษแก้วและพลังงานที่ต่ำลง รวมถึงการประหยัดต้นทุนจากโรงงานผลิตกระป๋องของตัวเอง เราประเมินกำไรเติบโต 37% YoY ใน 4Q18 และ 30-40% ในช่วง 1Q19-4Q19 เราปรับคำแนะนำขึ้นจาก ขาย เป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย 55 บาท
TISCO: Slow growth but high dividend yield
TISCO รายงานตัวเลขยอดสินเชื่อเดือน ม.ค. ปรับตัวลดลง 0.7% MoM และ 4.2% YoY จากทั้งกลุ่ม SME และสินเชื่อบ้าน ในขณะที่กลุ่มรถยนตร์, สินเชื่อบริษัทและเช่าซื้อยังเติบโตได้ดี เรายังคงคำแนะนำ ถือ โดยเราคาดสินเชื่อจะชะลอตัวลงและมีความเสี่ยงที่ NIM จะปรับตัวลดลงจากสินเชื่อผลตอบแทนต่ำของบริษัท และกลุ่มเช่าซื้อรถยนตร์ใหม่ที่เติบโต อย่างไรก็ตามการควบคุมต้นทุนและการตั้งสำรองที่ลดลงจะเป็นปัจจัยหนุนกำไร เรายังมองว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจที่ 6.3% และ 6.6% สำหรับปี 2018-2019
หุ้นมีข่าว
(+) ขึ้น XD รับปันผล: 20 กพ. [email protected] บ. / 21 กพ. [email protected] บ. /22 กพ. [email protected] บ., [email protected] บ./ 28 กพ. [email protected], / (ที่มา ตลท.)
(0) GPSC กำลังศึกษาการลงทุนโครงการใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการร่วมมือทางธุรกิจกับกลุ่ม ปตท. และ บมจ.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) ที่หาโอกาสการลงทุนในเมียนมา เพื่อนำก๊าซธรรมชาติมาใช้ผลิตกระแสไฟฟา จะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงไฟฟา 2 โครงการ ประเทศ สปป.ลาว ส่วนอีก 1 โครงการ จะเป็นศูนย์ผลิตสาธารณูปการระยอง แห่งที่ 4 กำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง (ที่มา เดลินิวส์)
(+) AEONTS ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในโครงการคลินิกแก้หนี้ระยะที่ 2 จะขยายขอบเขตโครงการให้ครอบคลุมถึงหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของผู้ประกอบการ non-bank ด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้กว้างขวางและเบ็ดเสร็จมากขึ้น เนื่องจากมูลหนี้ดังกล่าวมีสัดส่วนกว่า 70% มาจาก non bank โดยขณะนี้ มีผู้ประกอบการ non-bank อย่างน้อย 8 ราย แสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด,บริษัท ซิตี้คอร์ป ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด,บริษัท เทสโก้ คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด, บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด,บริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด, บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และบริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าลูกหนี้ของ non-bank จะสามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 (ที่มา ผู้จัดการ)
(+) HUMAN ไทยพาณิชย์จับมือ ฮิวแมนิก้า พัฒนาเอไอปล่อยเงินกู้ออนไลน์ถึงมือพนักงานโดยตรง (ที่มา โพสต์ทูเดย์)
(+) THCOM INTUCH ผู้บริหาร INTUCH มองว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในหลักการให้นำ พ.ร.บ.ที่มีการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) มาใช้จะทำให้เกิดความชัดเจนแก่ลูกค้าของไทยคมมากขึ้น (ที่มา มติชน)
(-) ORI LPN AP SIRI QH ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ราคาขายคอนโดมิเนียมใจเมืองกรุงเทพฯ ปรับขึ้นสูงมากจนเกินกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยปี 2558-61 ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12.5% จากช่วงก่อนหน้าที่ปรับขึ้น 6-5% ทำให้อัตราการขายคอนโดมิเนียมขายได้ช้าลง และอัตราการขายต่ำกว่าเฉลี่ยที่ผ่านมาอยู่ที่ 60% โดยเฉพาะโครงการบนถนนสุขุมวิท ที่อยู่ในซอยและไกลจากสถานีรถไฟฟาและสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายปัจจุบันอยู่ที่ 9,400 ยูนิต ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 70% และอีก 30% เป็นสต๊อกคงค้าง ผู้พัฒนาโครงการต้องนำยูนิตเหล่านี้ออกมาเคลียร์สต๊อก โดยการลดราคาขายลงจากราคาขายในตลาดเพื่อให้สามารถระบายสต๊อกออกไปได้ แม้ได้กำไรลดลงแต่ ดีกว่าแบกต้นทุน ทำให้ปีนี้คาดว่าราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง อาจทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น 0-5% โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 277,000 บาทต่อตารางเมตร (ที่มา มติชน)
(+) EA MVP พปชร.เปิดนโยบาย รถเก่าแลกรถ EV ลด 1 แสน (ที่มา มติชน)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด๎านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด๎านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด๎านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1642.49 (+0.27%) มูลค่าการซื้อขาย 3.4 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,638 แนวต้าน 1,650 / SET100 รับ 2,405 ต้าน 2,420
BSET100 รับ 10.42 ต้าน 10.50 / BMSCITH รับ 12.37 ต้าน 12.48
มุมมองตลาด:
ดัชนีฟื้นตัวบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 1630 จุด (25-days EMA) บ่งชี้โครงสร้างหลักยังเป็นขาขึ้น นอกจากนี้การปรับฐานเมื่อต้นสัปดาห์ ส่งผลให้ RSI ลดดีกรีความร้อนแรง เห็นได้ชัดเมื่อในกลุ่มหุ้นผู้นำตลาด เช่นกลุ่มอาหาร ค้าปลีก ท่องเที่ยว โรงพยาบาล ฟื้นตัวไปในทิศทางเดียวกัน จากสถิติจะพบว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีก นิคมอุตสาหกรรม และการเงินจะปรับตัวได้ดี หนุนจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงหาเสียงเลือกตั้งส่งผลบวกต่อการอุปโภคและบริโภคทั้งในหัวเมืองใหญ่และต่างจังหวัด
กลยุทธ์: ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีลุ้นฟื้นตัวกลับ มองแนวรับ 1630-1640 จุด (Closing gap) / แนวต้าน 1680 จุด
วิธีการเลือกหุ้น:
1.วอลุ่มสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ 2.ราคาปิดฟื้นตัวจากแนวรับ 3.หุ้นที่เริ่มแสดงความแข็งแกร่งจากค่า RSI ฟืนตัว 4.สัญญาณซื้อจากเครื่องมือ Stochastic MACD ,Moving average
Technical screen Bull Signal: BEAUTY,TU,WORK
Technical screen Bear Signal: IVL,PTTGC,AOT (close below 5&25-days EMA)
Port หุ้นคงเหลือ: KKP, MBK, GLOBAL, BCH, MTC, VGI, KTC, FN, JAS, CENTEL (แนะนำถือต่อ)
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
BEAUTY
แนะนำ ซื้อ
แนวรับ 8.00
แนวต้าน 9.00-9.20
เหตุผล ปิดทะลุจุดต้านสำคัญ บ่งชี้สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น พร้อมกับ RSI แสดงความแข็งแกร่งด้านราคา
TU
แนะนำ ซื้อ
แนวรับ 18.20
แนวต้าน 20.00
เหตุผล พักตัวอยู่ในกรอบ "Flag" ปัจจุบันเกิดสัญญาณกลับตัวจากการทะลุกรอบบน หนุนด้วยวอลุ่มเพิ่มขึ้น
WORK
แนะนำ ซื้อ
แนวรับ 24.20
แนวต้าน 28.00/30.00
เหตุผล หุ้นปรับตัวลงแรงอย่างไรก็ตามการปิดทะลุเส้นกลาง Bollinger band พร้อมกับสัญญาณกลับตัว Divergence นอกจากนี้วอลุ่มกลับเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ ยืนยันจุดกลับตัวระยะสั้น