- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 February 2019 17:17
- Hits: 3062
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“กังวล Shut Down-เส้นตายเจรจาการค้าจะเลื่อนไหม?”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -13.68 จุด ปิดที่ 1638.00 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงที่ 40.7 พันล้านบาท ตลาดได้รับปัจจัยลบจากต่างประเทศคือ รอคอยผลการเจรจาจีน-สหรัฐ 14-15 ก.พ.นี้ และเศรษฐกิจยุโรปอ่อนแอ ด้านปัจจัยในประเทศคือ ความผันผวนด้านปัจจัยการเมืองว่าศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่ จะมีผลต่อการเลือกตั้งไทย ผู้ขายสุทธิเป็น สถาบัน 2.3 พันลบ. และต่างชาติ 1.6พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 3.0 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ 0.9 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาด SET อาจจะรีบาวด์ในลักษณะ Sideways หลังวานนี้ปรับลงแรง ปัจจัยบวกคือ ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้ากลับมาบวก ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่เป็นบวก ดัชนีความกังวล (VIX) ปรับลง และมีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการเลื่อนเส้นตายเจรจา 1 มี.ค.
# แต่ปัจจัยที่ยังบั่นทอนคือ การ Shut Down อาจกลับมา เศรษฐกิจอังกฤษอ่อน ราคาน้ำมันปรับลง บอนด์ยิลด์เพิ่ม และปัจจัยการเมืองไทย
# กลยุทธ์ คือ หากมีรีบาวด์ต่อ เก็งกำไรรอบสั้นได้แนวต้านเป็น 1650-1660 จุด แต่หากมีแรงขายต่อ แนวรับเป็น 1620,1610 ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง ทยอยสะสม ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่+8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี หุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น CK : การประมูลงานก่อสร้างทางด่วน พระราม3-ดาวคะนองระยะทาง 18.7 กม. มูลค่าราว 30.4 พันล้านบาท คาดว่าจะเกิดขึ้นในงวด1H62 เราคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาก่อสร้างได้ในงวดปี 62 และเปิดให้บริการได้ในปี 64 และ CK มีโอกาสสูงที่จะประมูลงานนี้ได้สำเร็จ เราจึงคาดว่าจะได้งานนี้เข้ามา และทำให้งานก่อสร้างในมือ (Backlog) ยิ่งเพิ่มขึ้น จาก ณ สิ้น 3Q61 ที่เพียง 55 พันล้านบาท คงคำแนะนำ ซื้อ และราคาพื้นฐานให้ไว้ที่ 30.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOP (Sum of Parts) ราคาปิดปัจจุบันมีส่วนเพิ่มได้อีก 15%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบแรง”ใต้“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยติด”แนวต้าน และยังถูกกดดันด้วย“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่เพราะลงแรง,เร็ว จึงทำให้มีลุ้นรีบาวด์ฯสั้นๆตามมาได้ แนวต้าน 1650 (หรือ 1660) จุด {แนวรับย่อย “1620 / 1610” จุด}สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือMTC,HANA,CENTEL,BWG หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TOP,PLANB,VGI,BCH,M,KKP,ECL,QH,BGRIM หุ้นที่หลุด List JMART,ERW หุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit ไม่มี
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : ADVANC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 216.00)
TOP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 81.00)
Flash Note : GPSC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 70.00)
VGI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.49)
Key Takeaways: CHEWA (Not Rated)
In The News : กลุ่มค้าปลีก : ภาพรวมธุรกิจปี 62 เติบโตไม่มาก
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-/• สหรัฐ: ใกล้เส้นตาย Shut Down 15 ก.พ.62 งบประมาณชั่วคราวหมดอายุ
# ขณะนี้ใกล้เส้นตายวันที่ 15 ก.พ.ซึ่งเป็นวันที่งบประมาณชั่วคราวสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจะหมดอายุลง ขณะที่การเจรจาระหว่างสมาชิกพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับงบประมาณความมั่นคงตามแนวชายแดนได้ประสบความล้มเหลวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเห็นพ้องกันเกี่ยวกับประเด็นนโยบายกักกันผู้อพยพ
#หากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 15 ก.พ. ปธน.ทรัมป์ก็อาจจะปล่อยให้เกิดภาวะชัตดาวน์อีกครั้งหนึ่ง หรือเขาอาจยอมลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณ พร้อมกับใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส
-/+ จับตาเจรจาการค้า จีน-สหรัฐ 14-15 ก.พ.62 แต่อาจมีการเลื่อนเส้นตายจาก 1 มี.ค.62
# เจ้าหน้าที่ทำเนียบรายหนึ่งเปิดเผยว่า อาจมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค.
# ตลาดการเงินจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จีนยืนยันว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ โดยการประชุมจะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ในวันที่ 14-15ก.พ.นี้
# การเจรจาการค้าระหว่างนายหลิว นายมนูชิน และนายไลท์ไฮเซอร์ในครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญและถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า เขาไม่มีแผนที่จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก่อนวันที่ 1มี.ค. ซึ่งเป็นเส้นตายที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดไว้สำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้า
-อังกฤษ: ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี
# เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.)หลังจากมีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหราชอาณาจักรขยายตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีส่วนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับลง กังวลเจาจาการค้า จีน-สหรัฐ และการ Shut Down
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,053.11 จุด ลดลง 53.22 จุด หรือ -0.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,709.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด หรือ +0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,307.90 จุด เพิ่มขึ้น 9.71 จุด หรือ +0.13%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาจถูกชัตดาวน์อีกครั้ง หลังจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตคว้าน้ำเหลวในการเจรจาประเด็นความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้
- ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI ปรับลง กังวลสหรัฐผลิตเพิ่ม และอุปสงค์ชะลอ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 52.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 59 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 61.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐเพิ่มแท่นขุดเจาะน้ำมันและผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้งความกังวลที่ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดน้อยลง นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันด้วยเช่นกัน
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับลง หลังหันมาสนใจดอลลาร์
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่1,311.90 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ การที่ดัชนี Nasdaq และS&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกเมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
• ตัวเลขเศรษฐกิจประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนม.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS)เดือนธ.ค., อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (EmpireState Manufacturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ปัจจัยการเมือง: ดร.สมคิด เร่งรัดให้ก.คมนามคมผลักดันโครงการลงทุนทุกโครงการให้เป็นไปตามแผน
# นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมติดตามงานสำคัญของกระทรวงคมนาคมว่าในช่วงที่การลงทุนจากต่างประเทศรอดูความชัดเจนในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จึงต้องการเร่งรัดให้กระทรวงคมนามคมผลักดันโครงการลงทุนทุกโครงการให้เป็นไปตามแผน และเห็นผลในช่วงไตรมาส 1 และ 2 นี้ ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังเดินหน้าต่อไปได้ดี
+ นักลงทุนจีนยังคงให้ความสนใจต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย ไม่กังวลการเลือกตั้งไทย
# นักลงทุนจีนยังคงให้ความสนใจต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย แม้มีการก่อรัฐประหารในปี 2557 และไทยกำลังเผชิญความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งที่กำ ลังจะมาถึง ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ Juwai.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีน พบว่า ไทยเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ในปีที่แล้ว ในแง่ของการสอบถามข้อมูลจากผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยพุ่งขึ้นจากอันดับ 6 ในปี 2560 (Aspen)
+ ASIAN: ปั้นแบรนด์ใหม่อาหารสัตว์พรีเมี่ยม 'มองชู'
# ASIAN ปั้นแบรนด์ใหม่อาหารสัตว์พรีเมี่ยม 'มองชู' ตั้งเป้าโกยยอดขาย 200 ลบ. ใน 3 ปี คาดใช้งบสร้างแบรนด์'มองชู'ราว 50 ลบ. เจาะกลุ่ม Pet Shop - โรงพยาบาลสัตว์ -โมเดิร์นเทรดกลุ่มพรีเมี่ยม ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้อาหารสัตว์Valueadded เกิน 40% ภายใน 3 ปี (62-64) จากปัจจุบัน 33% พร้อม วางงบลงทุนปี 62 ราว 500 ลบ. ใช้สร้างคลังสินค้าอัตโนมัติ -ปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร-รองรับขยายธุรกิจในจีน (Aspen)
# ผลกระทบ: ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ใช้ราคาพื้นฐานปี 2562 เช่นเดิม อ้างอิง P/E ที่ 15 เท่า ราคาพื้นฐานที่ 10.95 บาท ซึ่งในระยะกลาง-ยาวเรายังคงประเมินว่า ASIAN เป็นบริษัทที่มีกำไรที่มีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง จากกำไรจากอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับหากสถานการณ์ทูน่า หมึกและกุ้งกลับมาฟื้นตัว จะเป็นปัจจัยที่หนุนผลประกอบการจากเดิมที่เคยฉุดในปีก่อน
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]