วันนี้คาด ย่อสลับรีบาวด์ โดยแรงขาย กดดันดัชนีฯ คาดว่าจะมาจากกลุ่มที่ขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ เช่น ADVANC INTUCH SC THCOM PR9 LH เป็นต้น  

          ภาพรวมตลาดคาดว่าจะถูกกระทบระยะสั้น จาก ปัจจัยความสับสนทางการเมืองซึ่งวันนี้ กกต.จะถกประเด็น ยุบพรรค ทษช. ตามที่ "ศรีสุวรรณ" ยื่นร้อง ส่วน "เรืองไกร" ร้อง กกต.ให้ตัดสิทธิ์ นายกประยุทธ์ ออกจาก Candidate ของพรรค พปชร... 

          สัปดาห์นี้ คาดดัชนีฯหุ้นไทยมีโอกาสพักสั้นๆ 2-3 วัน และถ้ายังไม่หลุด 1,639 +/- 5 จุด หุ้นไทยจะกลับมา ผงาดเหนือ 1,660 จุด ได้อีกครั้ง พิจารณาจาก 1) ตลาดมีการวนกลุ่มเล่น หรือ "Sectors Rotation" จากการขายหุ้นกลุ่มหนึ่ง วนไปเข้าอีกกลุ่มหนึ่ง 2) การประกาศจ่ายเงินปันผลของหุ้นกลุ่มธนาคาร 3) MSCI ทบทวนดัชนีฯหาก รอบนี้นำกระดาน NVDR เข้ามาคำนวณคาดน้ำหนักหุ้นไทยใน MSCI จะเพิ่มขึ้น...ต่างชาติจะโหลดหุ้นไทยเพิ่มในเดือนนี้   

 

          (+) กลุ่มแบงก์ ช่วงครึ่งหลังเดือน กพ.จะเป็นช่วงที่ บอร์ดฯแบงก์จัดประชุม เพื่ออนุมัติงบการเงินรายปี และ การประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เช่น SCB KBANK BBL KKP ปีที่แล้ว แจ้งมติบอร์ดเรื่องปันผล 22 กพ., KTB 2 มีค., TISCO 26 กพ., BAY 28 กพ. เป็นต้น คาดการประกาศปันผลรอบนี้ จะหนุนราคาหุ้นกลุ่มธนาคารให้ขึ้นได้ดีกว่าปีที่แล้ว ซึ่งปีที่แล้ว โดนปัจจัยลบ ทั้งเรื่องการตั้งสำรองเพิ่มตามมาตรฐาน บช.ใหม่, การยกเว้นค่าธรรมเนียมธุรกรรม อิเล็กทรอนิกส์ แต่ปีนี้ไม่มีข่าวลบแบบปีที่แล้ว            

          (+/-) MSCI จะประกาศผล ทบทวน ดัชนีฯรอบใหม่ / ด้าน บลจ.บัวหลวง ประเมิน หาก MSCI รวม NVDR เข้าคำนวณในรอบนี้ทัน น้ำหนักหุ้นไทยใน MSCI จะเพิ่มขึ้นจาก 2.5% เป็น 3% ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้า ราว 6.4 หมื่นล้านบาท         

          (+) หุ้นไทยไม่ได้แพงเกินไปในสายตาต่างชาติ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค บวกกับ โอกาสจ่ายเงินปันผลที่จะสูงกว่านโยบายฯ ซึ่งจะเป็น การสร้างความประหลาดใจเชิงบวก (Positive surprise) ต่อตลาดหุ้นไทยอิง Valuation map ที่ MS รวบรวม (1) Composite relative valuation Z-score rankings สะท้อนตลาดหุ้นไทยยังถูกกว่า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดีย จีน (2) นโยบายการจ่ายเงินปันผลหุ้นไทย สูงเป็นรอง แค่ไต้หวัน มาเลเซีย (ซึ่งเราเชื่อว่ามีโอกาสที่จะจ่ายได้สูงกว่านโยบาย เมื่อพิจารณาจาก Share holder rewards ที่เราระบุไว้ในรายงานเมื่อ 24 ธค.18 และ 4 กพ. 19) (3) Relative forward valuation ตลาดหุ้นเกิดใหม่ Asia AC Asia Pac ex Japan ยังถูกกว่าตลาด Developed อยู่มาก

          (0) USTR และรมต.คลังสหรัฐฯจะเดินทางเจรจาการค้ากับผู้นำระดับสูงที่จีน สัปดาห์นี้ ต่อ ส่วน ก.พาณิชย์สหรัฐฯ จะยื่นรายงานการจัดเก็บภาษีและโควตาการค้า กับ ปธน.ทรัมป หลังครบกำหนด 270 วัน ภายใน 17 กพ.นี้ โดยคาดว่าจะให้มีการเก็บภาษี 10-25% กับอุตสาหกรรมยานยนต์ แคนาดา เม็กซิโก ตลอดจน ญี่ปุน ยุโรป ด้วย  

 

          TISCO KKP Dividend plays   

 

Model Portfolio: Add CPALL, PSL TISCO 

          เราปรับหุ้น 3 ตัว โดยเพิ่ม CPALL (ยอดขายโตในช่วง summer) PSL (เข้าสู่ high season หลังตรุจจีน) TISCO (ซื้อรับปันผลสูง 6.5%) เราถอดหุ้นออก 3 ตัว คือ CPF CPN และ PTTEP     

 

PTTEP: Key takeaways from analyst meeting

          ผู้บริหารเชื่อมั่นว่าปี 2019 จะเป็นปีที่มีการพัฒนาการเชิงบวกทั้งในเรื่องของการลงนามใน PSC ใหม่, การประกาศการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย, โครงการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องรวมทั้งการทำ M&A ประเด็นสำคัญดังกล่าวน่าจะทำให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของ PTTEP นอกจากนี้แนวโน้มการเติบโต YoY ของกำไร 1Q19 หนุนโดยราคาขายก๊าซที่แข็งแกร่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2019 ที่ 152 บาท        

 

          SET Index แนวรับ 1,645 แนวต้าน 1,665 / SET100 รับ 2,415 ต้าน 2,435 BSET100 รับ 10.48 ต้าน 10.56 / BMSCITH รับ 12.45 ต้าน 12.53 

 

          ดัชนีปรับลงมาปิดช่องว่างบริเวณ 1640 จุด "Closing gap" แล้วดีดกลับ ยืนยันสัญญาณกลับตัวจากกราฟแท่งเทียนเปิดต่ำปิดสูง "Hammer" นอกจากนี้ชาร์ตราย 120 นาที ค่า RSI บ่งชี้การฟนตัวเช่นเดียวกัน ส่งผลให้โครงสร้างหลักยังคงทิศทางขาขึ้น ขณะที่สถิติบ่งชี้ว่าตลาดจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ปัจจัยหนุนจากความเชื่อมั่น นอกจากนี้การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงหาเสียงจะส่งผลให้มีเม็ดเงินเดินสะพัดส่งผลบวกต่อการอุปโภคและบริโภคในประเทศและต่างจังหวัด ดังนั้นกลุ่ม Domestic play จะเป็นหุ้นผู้นำตลาดในรอบนี้  

 

          เราประเมินดัชนีมีโอกาสฟนตัวกลับขึ้นไปที่แนวต้าน 1680 จุด / แนวรับ 1640 จุด  

 

          ตลาดส่งสัญญาณฟนตัวจะเลือกหุ้นอย่างไร 1. หุ้นที่มีสัญญาณแข็งแกร่ง จะมีโอกาสสร้างกำไรได้ดีกว่า 2. ราคาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5&25-days EMA 3. RSI ไม่ควรสูงกว่า 70 4. Stop loss หากไม่เป็นไปตามคาด

 

          THCOM,KTC,JAS   

 

          IVL,CPF,STEC  (break down 5-days EMA) 

 

          SAMART, KKP, MBK, GLOBAL, BCH, MTC, VGI, KTC, FN, (แนะนำถือต่อ) 

          

THCOM

แนะนา ซื้อ

แนวรับ 8.30

แนวต้าน 10.00-10.50

เหตุผล THCOM ปรับลดลงนานกว่า 4 ปีปัจจุบันหุ้นเริ่มส่งสัญญาณปรับตัวขึ้นจากฐาน 7-8 บ. หนุนด้วย RSIบ่งชี้ความแข็งแกร่งด้านราคา

 

 

KTC

แนะนา ซื้อ

แนวรับ 30.5

แนวต้าน 35.00/37.00

เหตุผล ปิดทะลุจุดต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5&25days EMA พร้อมกับสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น”Bull MACD”

 

JAS

แนะนา ซื้อ

แนวรับ 5.30

แนวต้าน 6.20/6.40

เหตุผล JAS ยืนยันการเปลี่ยนโครงสร้างภายหลังจากการยกฐาน Higher lowนอกจากนี้เครื่องมือ DI+ บ่งชี้สัญญาณกลับตัวในระยะกลาง