- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 February 2019 16:01
- Hits: 1297
บล.เออีซี : Daily Focus
Market Outlook
วันนี้เราคาดดัชนี SET ลุ้นแกว่งซิกแซกขึ้นต่อ แม้เกิด Sentiment ที่อ่อนไหวจากภายนอกทั้งประเด็น Government Shutdown และการเจรจา Trade war สหรัฐ-จีน แต่เรามีมุมมองบวกต่อปัจจัยภายในประเทศจากภาพรวมการเลือกตั้งที่คืบหน้าต่อเนื่อง และตัวเลขเศรษฐกิจที่ค่อยขยับฟื้นตัวคาดดึงดูดให้มเม็ดเงินต่างชาติคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ โดย YTD ต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 7,609 ลบ.ประเมินกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,645 จุด และแนวต้านที่ 1,665 จุด
Market Factors
(-) นักลงทุนกลับมากังวลภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราว(Government Shutdown) หลังถึงกำหนดวันที่ 15 ก.พ. และความไม่แน่นอนการเจรจาการค้า(Trade war) สหรัฐ-จีน บวกกับรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ที่อาจชะลอตัว
(+) นายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการพาณิชย์ศึกษาขั้นตอนประกาศเดินหน้าเข้าเป็นสมาชิกในความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP)เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น พร้อมยังเชื่อมั่นต่อภาคส่งออก คงเป้าหมายที่ 8% โดยเน้นการรักษาส่วนแบ่งตลาดทั้งเก่าและใหม่ พร้อมดูแลเศรษฐกิจฐานรากให้เข็มแข็งขึ้น ด้วยการผลักดันกิจกรรมเพื่อสร้างรายได้ ช่องทางการค้าให้กับชุมชน รวมถึงการจัดหาสินค้าราคาถูกเข้าช่องทางธงฟ้าประชารัฐ(ประชาชาติธุรกิจ)
(Watch) จับตา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)รายงานผลการเปิดรับสมัคร ส.ส ในระบบบัญชีรายชื่อ และรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีวันนี้คาด กกต. ประกาศรับรองรายชื่อทั้งสองส่วนก่อนครบกำหนด 7 วัน (ในวันที่ 15 ก.พ.) เนื่องจากต้องการ ให้พรรคการเมืองสามารถนำภาพแคนดิเดตนายก ไปใช้ในการหาเสียง ได้เร็วขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ)
Investment Strategy
สัปดาห์หน้าเรายังมุมมองบวกต่อ SET Indexหลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย YTD นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิตลาดหุ้น Philippines 430 ล้านเหรียญฯ, Indonesia 998ล้านเหรียญฯ และ Thailand 243ล้านเหรียญ ขณะที่ฝั่ง Valuation จาก Bloomberg Consensus เราพบว่าตลาดหุ้นPhilippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 17.6x, Indonesia เทรด Fwd PE ที่ 15.1x และ Thailand เทรด Fwd PE ที่ 14.1x ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น ดังนี้
1. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA(ปี 62 ตั้งเป้ารายได้เติบโต70%YoY ตามการเติบโตของทั้ง4 กลุ่มธุรกิจหลักโดยกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้มีแผนขยายพื้นที่อาคารคลังสินค้าระดับพรีเมี่ยมอีก2 แสนตารางเมตรเป็น2.5 ล้านตารางเมตรรองรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซการบินและอากาศยานควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าสูงขึ้นโดยอาศัยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเข้ามาช่วย), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้น
2. กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสรุปเบื้องต้นของธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำSAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoY จากแผนขยายสินเชื่อใหม่20-30%YoYสอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก300-400สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoY ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมีNPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
3. หุ้นกลุ่มที่คาดงบปี61กำไรโตเด่นYoY และ Consensus ยังคาดโตต่อในปี 62 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1S.D. แนะนำ JMT (คาดแนวโน้มกำไรโตต่อเนื่องจากแผนซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารบวกกับแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน (LTV ต่ำ, ศักยภาพทำกำไรสูงกว่าแบบไม่มีหลักประกัน) หนุนยอดหนี้ที่บริหารอยู่แตะระดับ1.4แสนลบ. นอกจากนี้ในแง่ความสามารถในการจัดเก็บหนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดีสะท้อนได้ด้วยCash Collection ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง) ,PLANB (ได้รับผลบวกจากเม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้านปี61โต7%YoYบวกกับปี 62 มีแผนขยายMedia Capacity อีก12-15%YoYหนุนให้สามารถครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นอีกทั้งบริษัทยังมีจุดเด่นจากการทำEngagement Marketing พร้อมแผนต่อยอดธุรกิจ Sport Marketing ด้วยการลงทุนในร้านนำเข้าสินค้ากีฬาภายใน้แบรนด์ATMOS) และ COM7 (มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลงได้สะท้อนแนวโน้มยอดขายIPHONE ที่ต่ำลงไปแล้วขณะที่บริษัทได้เริ่มปรับพอร์ตสินค้าโดยเพิ่มสัดส่วนแบรนด์อื่นมากขึ้นอาทิHuawei VIVO และ OPPO ซึ่งสามารถสร้างยอดขายได้ดีและยังสอดคล้องกับแผนขยายธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดในรูปแบบแฟรนไชส์ซึ่งคาดจะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนขึ้นในปีนี้)
Quantitative Screening
Screen หุ้นที่ ROE มากกว่า Cost of Equity (โดยใช้ BETA รายสัปดาห์ในช่วง 2 ปีย้อนหลัง, Risk Free = 2.4%, Market Return = 10.6%) และปัจจุบันเทรดด้วย Trailing Price to Book ที่ต่ำกว่า 1x ทั้งนี้ชุดหุ้นดังกล่าวควรให้ Justified PBV มากกว่า 1 เท่า หรือ Expected Future Residual Income มากกว่า 0 หรือ Undervalue ได้แก่ JASIF, TCAP และ WACOAL
AECS - Fundamental and Strategic Team
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ประจำวันที่ 11 ก.พ. 2562