- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 February 2019 16:47
- Hits: 3539
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Domestic Plays//Short-Term Sell into Strength
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เคลื่อนไหวทรงตัวด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 2.5 หมื่นลบ. เพราะเป็นช่วงตรุษจีน ต่างชาติซื้อสุทธิ 363 ลบ. ส่วนสถาบันขายเล็กน้อย 83 ลบ. ไม่มีกลุ่มนำตลาดชัดเจน กลายเป็นหุ้นขนาดเล็ก-กลางที่เริ่มมีแรงเก็งกำไรมากขึ้น ซึ่งดีในแง่ของสภาพคล่อง แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของตลาดที่สูงขึ้นด้วย Upside ดูจะจำกัดชั่วคราว คงต้องรอผลประกอบการปี 2018 ซึ่งพรุ่งนี้เป็นคิวของ ADVANC
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways เพื่อรอดูการแถลงนโยบายประจำปีของทรัมป์เช้าวันนี้ ขณะที่ประเด็น Brexit จะมีการประชุมระหว่างอังกฤษและ EU ในวันพฤหัสฯ ส่วนปัจจัยภายในประเทศวันนี้เราคาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ระยะสั้น SET ปรับตัวขึ้นมากว่า 5% ตั้งแต่กลางเดือน ม.ค. ซึ่งค่อนข้างเร็ว ทำให้ระยะสั้นคาดว่ามีโอกาสเห็นแรงขายทำกำไรออกมากดดัน อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลาง-ยาวจากการเลือกตั้งและแนวโน้มเศรษฐกิจไทย
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q18 แข็งแกร่ง//ทำกำไรระยะสั้นบางส่วนในช่วงตลาดปรับขึ้น
หุ้นเด่นเดือน ก.พ : EA, ERW, GLOBAL, SAPPE, SEAFCO
Fund Flow วานนี้ตลาดไทยเปิดทำการเพียงประเทศเดียวและมีกระแสเงินทุนไหลเข้า US$12ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคติดตามคำแถลงนโยบายประจำปีของประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งน่าจะกล่าวถึงนโยบายด้านต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> QH <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 3.70 บาท (ตัดขาดทุน 2.90 บาท)
- เราคาดกำไรปกติ 4Q18 แตะ 1.1 พันลบ. (+20% Q-Q, +23% Y-Y) จากการโอนคอนโดหรูอย่าง Q-Sukhumvit มูลค่า 1 หมื่นลบ. (ขายแล้ว 25%) ส่วนกำไรปกติทั้งปี 2018 คาดจบที่ 3.7 พันลบ. (+35% Y-Y)
- PE ต่ำเพียง 9 เท่า ปันผลสูงเฉพาะ 2H18 คาด 0.13 บ./หุ้น Yield 4.3% และถูกกระทบจากมาตรการคุมอสังหาฯ น้อยสุด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) เงินบาทแข็งต่อเนื่อง แม้ว่า Dollar Index จะเริ่มฟื้น ซึ่งภาวะปกติควรทำให้บาทอ่อน แต่รอบนี้ยังทรงตัวเชิงแข็งค่า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเปโซของฟิลิปปินส์ และรูเปียห์ของอินโดฯ เพราะกระแสเงินไหลเข้าภูมิภาค โดยแม้ว่าจะเป็นเงินลงทุนระยะสั้น จากการหาซื้อของถูกในตลาด EM หลัง Valuation ของ DM โดยเฉพาะสหรัฐฯเริ่มตึง แต่ด้วยความที่ต่างชาติขายบ้านเราถึง US$8.9 พันล้านในปีก่อนเงิน หนักกว่าฟิลิปปินส์และอินโดฯที่ถูกขายเพียง US$1.1 พันล้าน และ US$ 3.6 พันล้าน ตามลำดับ อีกทั้งเรามีปัจจัยบวกเฉพาะตัวคือการเลือกตั้ง ซึ่ง SET Index ยังไม่ตอบรับเท่าที่ควร เพราะปีนี้ Underperfrom ทั้ง 2 ตลาดนั้นราว 8% กระแสเงินจึงยังมีโอกาสไหลเข้าไทยอีกพอควร ส่วนการประชุม กนง. วันนี้ เราคาดว่าจะไม่สามารถลดความร้อนแรของเงินบาทได้ เป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า GULF BGRIM, ผู้นำเข้าสินค้า SYNEX FTE, และผู้ที่จะไปลงทุนต่างประเทศเช่น SCC เป็นต้น
(0) PTTEP เซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซในแหล่งโมซัมบิค ROV1 เพิ่มเติมอีก 4.6 ล้านตัน ทำให้ล่าสุดขายได้แล้วราว 60% จากกำลังการผลิตทั้งหมดประมาณ 12.9 ล้านตัน/ปี เบื้องต้นคาดว่าจะผลิตได้ภายในปี 2022-2023 และเพิ่มราคาหุ้นได้ราว 5-10 บาท/หุ้น, แต่ปัจจุบันเรายังคงราคาเป้าหมายปีนี้ไว้ที่ 150 บาท/หุ้น ในระยะสั้นได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัว จากการคว่ำบาตรเวเนซุเอลาและอิหร่าน รวมถึงโอกาสลดอุปทานของ OPEC อีกรอบในเดือนเม.ย.นี้
(0) BAY การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ผู้บริหารให้เป้าหมายทางการเงินปี 2019 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในการคาดการณ์ของเรา เราคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2019 ที่ 2.5 หมื่นลบ. +0.8%Y-Y ซึ่งถือว่าทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากแนวโน้ม Loan yield ที่ลดลง ประมาณการกำไรดังกล่าวยังไม่รวมกำไรจากการขายบริษัทเงินติดล้อ คาดว่าจะบันทึกกำไรจากการขายได้ภายใน 1H19 ซึ่งในเบื้องต้นเราคาดการณ์ว่าน่าจะมีกำไรจากการขายหลังหักภาษีที่ราว 2-4 พันลบ. และยังไม่รวมกำไรจากการตีมูลค่าหุ้นจากการเปลี่ยนแปลงการบันทีกบัญชี จากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม หรือเงินลงทุน คงราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 44.60 บาท แนะนำซื้อ
(0) SC คาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q18 ที่ 708 ลบ. โตแกร่ง 81% Q-Q และ 27% Y-Y สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส จากยอดโอนที่คาดแตะระดับ 5 พันลบ. (+44% Q-Q, +14% Y-Y) เพราะการโอนแนวราบไปได้ดี และเร่งส่งมอบคอนโดใหญ่ Saladaeng One และ Beatniq ทำให้กำไรปี 2018 คาดจบที่ 1.8 พันลบ. (+43% Y-Y) ส่วนภาพปี 2019 คาดโตต่ออีก 10% Y-Y อยู่ที่ 1.98 พันลบ. จากความสำเร็จในการเน้นขายโครงการแนวราบที่บริษัทถนัด และเริ่มโอนคอนโดอีก 2 แห่ง มูลค่ารวม 9.5 พันลบ. เราปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 3.70 บาท โดยปรับลด PER เป็น 7.7x อิงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี -0.5SD เพื่อสะท้อนตลาดอสังหาที่ท้าทายขึ้น แต่ยังแนะนำซื้อ เพราะ PE2019 ต่ำเพียง 6x เทียบกับกลุ่มที่ 8x และให้ปันผลสูงถึง 6%
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 ก.พ. - สหรัฐฯ: ดุลการค้า (พ.ย.)
7 ก.พ. - ไทย: ผลประกอบการ ADVANC
- อังกฤษ: ประชุม BOE
8 ก.พ. - ไทย: ผลประกอบการ INTUCH, THCOM
11 ก.พ. - สหรัฐฯ: 4Q18 GDP, อัตราเงินเฟ้อ PCE
14 ก.พ. - จีน: ดุลการค้า (ม.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น จากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าที่คาด
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังบริษัท BP รายงานผลกำไรมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ตาม Sentiment จากสหรัฐและยุโรป
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง -0.90 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 53.66 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขคาดการณ์สต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(-) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง -0.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1319.20 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research