- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 05 February 2019 16:04
- Hits: 1675
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งรอข่าวใหม่”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : เมื่อวานนี้ SET ขยับขึ้นต่อเล็กน้อย 2.22 จุด ปิดที่ 1653.62 มูลค่าซื้อขายซบเซาเหลือ 3.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 2 พันล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1.4 พันล้านบาท
สำหรับในประเทศ คาดว่าดอกเบี้ยนโยบายไทยจะทรงตัวที่ 1.75% ไปอีกอย่างน้อย 1 ไตรมาส เพราะเงินเฟ้อยังไม่ได้กดดันมาก ขณะเดียวกันเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง ส่วนปัจจัยเลือกตั้ง มองว่าสะท้อนในราคาหุ้นไปพอควรแล้ว การเก็งกำไรด้วยประเด็นนี้อาจจะเหลือ Gap ไม่มาก อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีก นิคมฯ รับเหมา มีปัจจัยเรื่องผลประกอบการช่วยหนุนอยู่ จึงพอที่จะเลือกซื้อเก็งกำไรแบบหวัง Gap ไม่มากหรือถือลุ้นต่อได้ แต่มีข้อแม้ว่าราคาหุ้นควรยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันให้ได้ (ถ้าลงต่ำกว่าจะดูไม่ค่อยดี) สำหรับกลุ่มโภคภัณฑ์ มีลุ้นกำไรงวด 1Q62 ฟื้นตัวหลังราคาน้ำมันรีบาวด์ (+16%QTD)
ปัจจัยต่างประเทศที่จับตา คือ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ถ้าคืบหน้าในทางบวก และ 1 มี.ค.62 สหรัฐไม่ได้ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 25% (จากปัจจุบัน 10%) ก็จะดีต่อตลาด...แต่ถ้าเรียกเก็บเพิ่มก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นพักตัว เพราะหมดรายงานกำไรปี 61 ในสิ้นก.พ.และบจ.เริ่มขึ้นเครื่องหมาย XD ในเดือนมี.ค.-เม.ย. นอกจากนั้นมีความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ด้วยโดยรวม ระยะสั้นมากตลาดหุ้นไทยมีสิทธิแกว่งจากแรงขายทำกำไร จากค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อน (เพราะดอลลาร์แข็ง) และบอนด์ยิลด์สหรัฐขยับขึ้นรอบใหม่ แต่มองว่าการอ่อนตัวจะยังไม่มากเพราะ VIX ยังต่ำ (ล่าสุดอยู่ที่ 15.73 เทียบกับสูงสุดใน YTD ที่ 28.53)
# หุ้นแนะนำวันนี้เป็น GLOBAL : ยอดขายสาขาเดิมโตแกร่ง คาด 4Q61 บวกประมาณ 10%YoY ต่อเนื่องจาก 3Q61 ที่บวก 12%YoYกำไรสุทธิงวด 4Q61 คาดว่าจะโตราว 20-22%YoY ซึ่งเป็นผลจากยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น และขยายสาขาเพิ่ม 7 แห่งในปี 61 (เฉพาะ4Q61 เปิดใหม่ 4 สาขา) อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวสูงที่ 20% ราคาพื้นฐานเฉลี่ยใน IAA consensus อยู่ที่ 21.80 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวกราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1660-1670 การอ่อนตัวหลุด 1630 จุดดูไม่ดี ให้ Stop loss เพื่อรอซื้อบริเวณแนวเด้ง 1620-1610 สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดีที่แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้น (ค่าลบไม่เล่น) ได้แก่ ESSO, PTTEP, GLOBAL, BJC, LPN, ORI, TRUE
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Flash Note : KCE (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 36.00)
In The News : กลุ่มสื่อสาร : กสทช.ถกเรื่องปลดล็อกค่างวดคลื่น 900 ผุดไอเดียนำเงินกองทุน USO ให้เอกชนกู้
TMB & TCAP : รมว.คลังเร่งปิดดีล TMB ราคาแลกหุ้นไม่ต่ำกว่า 2.50 บาท
BANPU : ขยายการลงทุนไปในรถยนต์ไฟฟ้า
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : ทรัมป์แถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสวันที่ 5 ก.พ. ตามเวลาสหรัฐ เราคาดว่าทรัมป์ยังเน้นเรื่องการสร้างและจ้างงานในประเทศเป็นสำคัญ เพราะฐานคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของทรัมป์เป็นกลุ่มลูกจ้าง และเชื่อว่าถ้ามีสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวเพราะสงครามการค้า ทรัมป์ก็จะลดแรงกดดันเรื่องนี้ลงด้วยการยอมเจรจากับจีนมากขึ้น ส่วนเรื่องสร้างกำแพงเม็กซิโก ต้องติดตามว่าทรัมป์จะเดินหน้าผลักดันต่อหรือไม่ หลังงบประมาณชั่วคราวหน่วยงานรัฐจะหมดลงในวันที่ 15 ก.พ.นี้
- สหรัฐ : คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.6% ในเดือนพ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%โดยคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องจักร และอุปกรณ์ไฟฟ้า
- จีน : ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการลดลงเป็น 53.6 ในเดือนม.ค.62 จาก 53.9 ในเดือนธ.ค.61
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปิดบวก 175.48 จุด หรือ +0.7% ปัจจัยหนุน คือ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรม ท่ามกลางความหวังที่ว่าความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นและการเก็งกำไรผลประกอบการ ติดตามการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย และตัวเลข PMI ภาคบริการสหรัฐ
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนตัวลงเล็กน้อย โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 70 เซนต์ หรือ -1.3% ปิดที่ 54.56 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 24 เซนต์ หรือ -0.4% ปิดที่ 62.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ภาวะตลาดทองคำ : สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ลดลง 2.80 ดอลลาร์ หรือ -0.21% ปิดที่1,319.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
• คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ในการประชุมวันที่ 6 ก.พ.นี้ และน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระดับนี้ไปอีกอย่างน้อย 1 ไตรมาส เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังต่ำ (ราคาน้ำมันไม่ได้ปรับขึ้นมาก) และการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศยังไม่กระจายตัวนัก และมีความเสี่ยงในภาคส่งออก อันเป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
-/+ กลุ่มพลังงาน : กำไร 4Q61 อ่อนลงจากขาดทุนสต๊อก...แต่ 1Q62 มีโอกาสฟื้นตัว – ใน 4Q61 ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงราว 35%QoQ ทำให้กลุ่มพลังงาน (รวมถึงโรงกลั่น) มีผลขาดทุนจากสต๊อกจำนวนมาก รวมทั้งค่าการกลั่นก็อ่อนตัวโดยเฉพาะค่าการกลั่นน้ำมัน Gasoline เพราะมีอุปทานเพิ่มขึ้น แต่ในเดือนม.ค.62 ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ขึ้นราว 15-16%จากสิ้นปี 61 และกลุ่มโอเปกมีแผนที่จะลดปริมาณการผลิตลงอีก 4 แสนบาร์เรล/วัน (ลดไปแล้ว 8 แสนบาร์เรล/วัน) จึงมีโอกาสที่จะพลิกกลับเป็นมีกำไรสต๊อก
• รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินจะเซ็นสัญญาได้ใน 1Q62 - ทางกลุ่ม CP ชนะการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และเริ่มเจรจาเงื่อนไขสัญญากับรฟท.เมื่อ 28 ม.ค.61 ซึ่งคาดกันว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในมี.ค.62 ส่วนโครงการลงทุนอื่นในพื้นที่ EEC (โครงการสนามบินอู่ตะเภา, โครงการมาบตาพุดเฟส 3, โครงการแหลมฉบังเฟส 3) คาดว่าจะมีขั้นตอนการประมูลในช่วง 1H62 และทยอยเซ็นสัญญาใน 2H62
ความเห็น DBSVTH : โครงการลงทุนขนาดใหญ่เป็น Key growth ของเศรษฐกิจไทยในปี 62-63 และเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ก็จะเดินหน้าในโครงการเหล่านี้ ซึ่งเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง และรับเหมาก่อสร้าง ให้มีงานและเติบโตได้ต่อเนื่อง
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]