- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 February 2019 14:04
- Hits: 3405
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อหลัง Sentiment ทั้งภายนอก และภายในประเทศยังเป็นบวก ทั้งท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่ชะลอลง,รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯ ที่ดีกว่าตลาดคาดขณะที่ในประเทศภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องหลัง ธปท.เผยตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ธ.ค.61 ขยายตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน บวกกับภาพการเลือกตั้งที่ชัดเจนจากกิจกรรมทางเมืองคาดช่วยดึงดูดให้เม็ดเงินต่างชาติคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดย Year to Date นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นราว 6,721.6 ล้านบาท ประเมินกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,630 จุด และแนวต้านที่ 1,650 จุด
Market Factors
• (+) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ณ กรุงวอซิงตันมีความคืบหน้ามากขึ้นแต่ยังไม่มีรายละเอียดในเชิงลึกและมีโอกาสที่จะเจรจากันอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ก.พ. ก่อนที่จะครบแผนชะลอการขึ้นภาษีสินค้ารอบใหม่ในช่วง 90 วันในวันที่ 2 มี.ค.
• (+) ภาพเศรษฐกิจเดือน ธ.ค. 61 ฟื้นตัวต่อหลัง ธปท.เปิดเผยข้อมูลวานนี้ สะท้อนการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในทุกหมวดการใช้จ่ายโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกำลังซื้อรวมปรับดีขึ้นตามรายได้ครัวเรือนในภาคเกษตรกรรมที่กลับมาขยายตัวส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวสอดคล้องกันโดยเฉพาะการผลิตในหมวดยานยนต์และหมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสอดคล้องกับยอดจำหน่ายยานยนต์ในประเทศที่ขยายตัวขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีจำนวน นทท.ต่างชาติขยายตัวที่ 7.7% YoYผลจากการเปิดเส้นทางบินตรงใหม่มายังไทยเพิ่มขึ้นและมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม visa on arrival อย่างไรก็ดียังต้องติดตามภาคส่งออกหลังตัวเลขการส่งออกหดตัว 1.6% YoY จากผลของฐานสูง(Base effect) และอุปสงค์ในตลาดโลกชะลอลงจาก Trade war
• (Watch) จับตาท่าทีต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมวันที่ 6 ก.พ. นี้
Investment Strategy
• สัปดาห์หน้าเรายังมุมมองบวกต่อ SET Index หลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 16.9x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.8x และ ไทย เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.9x ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น + 1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้
1. กลุ่มท่องเที่ยว: ปี 62 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 41.1 ล้านคน โต 7.5%YoY สร้างรายได้ 2.21 ล้านล้านบาท โต 10%YoY โดยแนวโน้มรายสัญชาติคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีน 11.69 ล้านคน โต 11%YoY จากประเทศในอาเซียน 11.31 ล้านคน โต 10%YoY และจากยุโรป 6.90 ล้านคน โต 2%YoY (สำนักข่าวอินโฟเควสท์) แนะนำ CENTEL (แนวโน้มธุรกิจปี 62 บริษัทตั้งเป้าธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักสำหรับโรงแรมเดิมจะอยู่ในช่วง 83-85% ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักตั้งเป้าเติบโตประมาณ 4-6%YoY โดยรวมคาดรายได้รวมธุรกิจโรงแรมในปีหน้ายังคงเติบโต แม้ปีหน้าจะมีการปิดปรับปรุงโรมแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ท (สมุย) ส่วนธุรกิจอาหารตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม 3-4%YoY โดยมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้ง), ERW (คาดปี 62 ผลดำเนินงานมีทิศทางปรับดีขึ้น หลังผ่านพ้นช่วง Renovate ของโรงแรม JW Marriot ทำให้จำนวนห้องพักและราคาห้องเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดโรงแรมใหม่อีก 9 แห่ง โดยเน้นขยายในส่วนของ HOP INN ซึ่งตอบโจทย์ตลาดต่างจังหวัดได้ดี ตามเป้าหมายเพิ่มจำนวนโรงแรมเป็น 70 แห่งและจำนวนห้องที่ 9,559 ห้อง)และ AOTปี 61/62 คาดกำไรโต 15.3%YoY จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1Q61/62 (ต.ค.-ธ.ค. 61) คาดกำไรจะยังโต YoYจากสถิติการบินที่สดใส โดยInternational Passenger เพิ่มขึ้น 3.32%YoY, Domestic Passenger เพิ่มขึ้น 2.0%YoY และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 5.88%YoY
2. กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสรุปเบื้องต้นของธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำ SAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoY จากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoY สอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoY ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมี NPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
3. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี62 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 70%YoY ตามการเติบโตของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลักโดยกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้มีแผนขยายพื้นที่อาคารคลังสินค้าระดับพรีเมี่ยมอีก 2 แสนตารางเมตรเป็น 2.5 ล้านตารางเมตรรองรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซการบินและอากาศยานควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าสูงขึ้นโดยอาศัยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเข้ามาช่วย), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)
4. หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่น บวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), HARN (อานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หนุนธุรกิจสินค้านำเข้ามีมาร์จิ้นดีขึ้น บวกกับ เป้าการเติบโตปี 61 ที่ 10.7%YoY และ ปี 62 ที่ 8.2%YoY Backlog ณ สิ้น 3Q61 ที่ 414 ลบ.)
Quantitative Screening
• เน้นกลุ่มที่ถูกเทขายแรงในช่วงที่ผ่านมา จนปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ P/E Ratio ต่ำกว่า -2 SD ขณะที่อัตราเติบโตของกำไรในปี 62 ยังมี Momentum เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (Consensus คาดอัตราโตกำไรปี 62 จะสูงกว่าปี 61) แนะนำ THANIและ RJH
31-Jan-19 Change (pts.) 30-Jan-19
SET Index 1,641.73 9.13 1,632.60
SET50 Index 1,096.50 5.45 1,091.05
SET100 Index 2,411.25 13.29 2,397.96
High 1,649.85 Gainers 876
Low 1,639.90 Unchanged 409
Value (Bt m) 57,893.44 Losers 505
Volume (*000) 13,667,881
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.6 13.5 No Data
EPS Growth (%) 13.9 9.3 No Data
EV/EBITDA (x) 10.0 9.4 No Data
FWD PBV (x) 1.8 1.7 No Data
Dividend Yield (%) 3.3 3.5 No Data
ROE 11.7 11.7 No Data
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 31-Jan-19 WTD MTD YTD
Institution 6,839.67 2,913.36 10,031.44 10,031.44
Proprietary (375.57) 703.80 (1,304.04) (1,304.04)
Foreign (1,305.12) 2,095.21 6,721.64 6,721.64
Individual (5,158.98) (5,712.36) (15,449.04) (15,449.04)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary