WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้เราคาดดัชนี SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อหลัง Sentiment ทั้งภายนอก และภายในประเทศยังเป็นบวก ทั้งท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่ชะลอลง,รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯ ที่ดีกว่าตลาดคาดขณะที่ในประเทศภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องหลัง ธปท.เผยตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ธ.ค.61 ขยายตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน บวกกับภาพการเลือกตั้งที่ชัดเจนจากกิจกรรมทางเมืองคาดช่วยดึงดูดให้เม็ดเงินต่างชาติคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดย Year to Date        นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นราว 6,721.6 ล้านบาท ประเมินกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,630 จุด และแนวต้านที่ 1,650 จุด
Market Factors
•    (+) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ณ กรุงวอซิงตันมีความคืบหน้ามากขึ้นแต่ยังไม่มีรายละเอียดในเชิงลึกและมีโอกาสที่จะเจรจากันอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ก.พ. ก่อนที่จะครบแผนชะลอการขึ้นภาษีสินค้ารอบใหม่ในช่วง 90 วันในวันที่ 2 มี.ค.
•    (+) ภาพเศรษฐกิจเดือน ธ.ค. 61 ฟื้นตัวต่อหลัง ธปท.เปิดเผยข้อมูลวานนี้  สะท้อนการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในทุกหมวดการใช้จ่ายโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกำลังซื้อรวมปรับดีขึ้นตามรายได้ครัวเรือนในภาคเกษตรกรรมที่กลับมาขยายตัวส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวสอดคล้องกันโดยเฉพาะการผลิตในหมวดยานยนต์และหมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสอดคล้องกับยอดจำหน่ายยานยนต์ในประเทศที่ขยายตัวขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีจำนวน นทท.ต่างชาติขยายตัวที่ 7.7% YoYผลจากการเปิดเส้นทางบินตรงใหม่มายังไทยเพิ่มขึ้นและมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม visa on arrival  อย่างไรก็ดียังต้องติดตามภาคส่งออกหลังตัวเลขการส่งออกหดตัว 1.6% YoY จากผลของฐานสูง(Base effect) และอุปสงค์ในตลาดโลกชะลอลงจาก Trade war
•     (Watch) จับตาท่าทีต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมวันที่ 6 ก.พ. นี้
    
Investment Strategy
•    สัปดาห์หน้าเรายังมุมมองบวกต่อ SET Index หลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 16.9x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.8x และ ไทย     เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.9x ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น + 1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้
1.    กลุ่มท่องเที่ยว: ปี 62 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 41.1 ล้านคน โต 7.5%YoY สร้างรายได้ 2.21 ล้านล้านบาท โต 10%YoY โดยแนวโน้มรายสัญชาติคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีน 11.69 ล้านคน โต 11%YoY จากประเทศในอาเซียน 11.31 ล้านคน โต 10%YoY และจากยุโรป 6.90 ล้านคน โต 2%YoY (สำนักข่าวอินโฟเควสท์) แนะนำ CENTEL (แนวโน้มธุรกิจปี 62 บริษัทตั้งเป้าธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักสำหรับโรงแรมเดิมจะอยู่ในช่วง 83-85% ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักตั้งเป้าเติบโตประมาณ 4-6%YoY โดยรวมคาดรายได้รวมธุรกิจโรงแรมในปีหน้ายังคงเติบโต แม้ปีหน้าจะมีการปิดปรับปรุงโรมแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ท (สมุย) ส่วนธุรกิจอาหารตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม 3-4%YoY โดยมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้ง), ERW (คาดปี 62 ผลดำเนินงานมีทิศทางปรับดีขึ้น หลังผ่านพ้นช่วง Renovate ของโรงแรม JW Marriot ทำให้จำนวนห้องพักและราคาห้องเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดโรงแรมใหม่อีก 9 แห่ง โดยเน้นขยายในส่วนของ HOP INN ซึ่งตอบโจทย์ตลาดต่างจังหวัดได้ดี ตามเป้าหมายเพิ่มจำนวนโรงแรมเป็น 70 แห่งและจำนวนห้องที่ 9,559 ห้อง)และ AOTปี 61/62 คาดกำไรโต 15.3%YoY จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1Q61/62 (ต.ค.-ธ.ค. 61) คาดกำไรจะยังโต YoYจากสถิติการบินที่สดใส โดยInternational Passenger เพิ่มขึ้น 3.32%YoY, Domestic Passenger เพิ่มขึ้น 2.0%YoY และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 5.88%YoY
2.    กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสรุปเบื้องต้นของธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ.       2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำ SAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoY จากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoY สอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoY ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมี NPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
3.    กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี62 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 70%YoY ตามการเติบโตของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลักโดยกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้มีแผนขยายพื้นที่อาคารคลังสินค้าระดับพรีเมี่ยมอีก 2 แสนตารางเมตรเป็น 2.5 ล้านตารางเมตรรองรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซการบินและอากาศยานควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าสูงขึ้นโดยอาศัยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเข้ามาช่วย), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64) 
4.    หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่น บวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), HARN (อานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หนุนธุรกิจสินค้านำเข้ามีมาร์จิ้นดีขึ้น บวกกับ เป้าการเติบโตปี 61 ที่ 10.7%YoY และ ปี 62 ที่ 8.2%YoY Backlog ณ สิ้น 3Q61 ที่ 414 ลบ.)
Quantitative Screening
•    เน้นกลุ่มที่ถูกเทขายแรงในช่วงที่ผ่านมา จนปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ P/E Ratio ต่ำกว่า -2 SD ขณะที่อัตราเติบโตของกำไรในปี 62 ยังมี Momentum เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (Consensus คาดอัตราโตกำไรปี 62 จะสูงกว่าปี 61) แนะนำ THANIและ RJH 
 
31-Jan-19    Change (pts.)    30-Jan-19
SET Index    1,641.73    9.13    1,632.60
SET50 Index    1,096.50    5.45    1,091.05
SET100 Index    2,411.25    13.29    2,397.96
 
High    1,649.85    Gainers   876 
Low    1,639.90    Unchanged    409
Value (Bt m)    57,893.44    Losers  505 
Volume (*000)    13,667,881          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    14.6    13.5    No Data
EPS Growth (%)    13.9    9.3    No Data
EV/EBITDA (x)    10.0    9.4    No Data
FWD PBV (x)    1.8    1.7    No Data
Dividend Yield (%)    3.3    3.5    No Data
ROE    11.7    11.7    No Data
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    31-Jan-19    WTD    MTD    YTD
Institution    6,839.67    2,913.36    10,031.44    10,031.44
Proprietary    (375.57)    703.80    (1,304.04)    (1,304.04)
Foreign     (1,305.12)    2,095.21    6,721.64    6,721.64
Individual    (5,158.98)    (5,712.36)    (15,449.04)    (15,449.04)
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!