- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 February 2019 00:26
- Hits: 4680
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยมีแรงขับเคลื่อนจากทั้งปัจจัยภายนอก และภายในประเทศหลังน้ำมันปรับตัวดีขึ้น,ท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่ชะลอลง บวกกับในประเทศมีปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มโตสดใส และการเลือกตั้งที่ชัดเจน คาดช่วยดึงดูดให้เม็ดเงินต่างชาติคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดย Year to Date นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นราว 8,026.7 ล้านบาท โดยมีกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,625 จุด และแนวต้านที่ 1,640 จุด
Market Factors
• (+) ผลการประชุม FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.25-2.50% และถ้อยแถลงของประธาน FED นายเจอโรมพาวเวลล์ออกมาในเชิง Dovish มากขึ้นหลังมีความระมัดระวังในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและพร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายในการปรับลดงบดุล
• (Watch) จับตาการต่ออายุเซฟการ์ดที่จะหมดอายุวันที่ 26 ก.พ. นี้ หลังนายกสามาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย เรียกร้องให้มีการต่ออายุมาตรการเซฟการ์ดออกไป เพื่อคุ้มครองตลาดอุตสาหกรรมเหล็กไทย ให้สอดคล้องกับมาตรการที่กลุ่มประเทศผู้นำเข้าเหล็กทั้งสหรัฐฯ แคนาดา สหภาพยุโรป ต่างออกนโยบายเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กของตน ฉะนั้นหากไทยไม่ดำเนินนโยบายคู่ขนาน หรือเป็นทิศทางเดียวกัน อาจได้รับผลกระทบจากการถูกแย่งตลาด จากประเทศผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่จากจีน
• (- ) อสังหาริมทรัพย์ปี 62 ชะลอตัว ข้อมูลจากงานสัมมนา “อสังหาริมทรัพย์ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2019” จัดโดย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย สะท้อนถึง ภาพรวมของอุตสาหกรรมแม้ยังโต แต่มีความเสี่ยงด้าน Supply จากโครงการเหลือขายมูลค่ากว่า 5.2 แสนล้านบาท (จากกลุ่มอสังหา 16 บริษัทจดทะเบียนในตลาด)บวกกับต้นทุนมีแนวโน้มสูงขึ้นจาก ทั้งต้นทุนการเงินหลังปรับขึ้นอัตาราดบ. และต้นทุนจากมูลค่าที่ดินของโครงการแนวรถไฟฟ้าที่สูงขึ้นเช่นกัน
• (+) ท่องเที่ยวแนวโน้มโตสดใส หลังจากท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เชื่อมั่นตัวเลขการเดินทางที่ขยายตัว เช่นเดียวกับตัวเลขผู้โดยสารที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดปี 62 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 41.1 ล้านคนโต 7.5%YoY
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เรายังมุมมองบวกต่อ SET Indexหลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 17.1x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.9x และ ไทยเทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.8x ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น + 1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้
1. กลุ่มท่องเที่ยว: ปี 62 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 41.1ล้านคน โต 7.5%YoYสร้างรายได้ 2.21 ล้านล้านบาทโต 10%YoY โดยแนวโน้มรายสัญชาติคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีน 11.69 ล้านคน โต 11%YoY จากประเทศในอาเซียน 11.31 ล้านคน โต 10%YoY และจากยุโรป 6.90 ล้านคน โต 2%YoY (สำนักข่าวอินโฟเควสท์) แนะนำ CENTEL (แนวโน้มธุรกิจปี 62 บริษัทตั้งเป้าธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักสำหรับโรงแรมเดิมจะอยู่ในช่วง 83-85% ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักตั้งเป้าเติบโตประมาณ 4-6%YoY โดยรวมคาดรายได้รวมธุรกิจโรงแรมในปีหน้ายังคงเติบโต แม้ปีหน้าจะมีการปิดปรับปรุงโรมแรมเซ็นทาราแบรนด์บีชรีสอร์ท (สมุย) ส่วนธุรกิจอาหารตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม 3-4%YoY โดยมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้ง), ERW (คาดปี 62 ผลดำเนินงานมีทิศทางปรับดีขึ้น หลังผ่านพ้นช่วง Renovate ของโรงแรม JW Marriot ทำให้จำนวนห้องพักและราคาห้องเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดโรงแรมใหม่อีก 9 แห่ง โดยเน้นขยายในส่วนของ HOP INN ซึ่งตอบโจทย์ตลาดต่างจังหวัดได้ดี ตามเป้าหมายเพิ่มจำนวนโรงแรมเป็น 70 แห่งและจำนวนห้องที่ 9,559 ห้อง)และ AOT ปี 61/62 คาดกำไรโต 15.3%YoY จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1Q61/62 (ต.ค.-ธ.ค. 61) คาดกำไรจะยังโต YoYจากสถิติการบินที่สดใส โดย International Passenger เพิ่มขึ้น 3.32%YoY, Domestic Passenger เพิ่มขึ้น 2.0%YoY และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 5.88%YoY
2. กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสรุปเบื้องต้นของ ธปท.ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้และ3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้า คาดจะประกาศและมีผลบังคับใช้ สิ้นเดือน ม.ค. 62 แนะนำSAWAD (คาดปี62กำไรโต32.1%YoYจากแผนขยายสินเชื่อใหม่20-30%YoYสอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก300-400สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี62โต31.9%YoYทำNew High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมีNPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และAMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
3. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า1,000 ไร่พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1แสนตร.ม.), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)
4. หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่นบวกกับ Cheap Valuation ได้แก่JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พันลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), HARN (อานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หนุนธุรกิจสินค้านำเข้ามีมาร์จิ้นดีขึ้น บวกกับ เป้าการเติบโตปี 61 ที่ 10.7%YoY และ ปี 62 ที่ 8.2%YoY Backlog ณ สิ้น 3Q61 ที่ 414 ลบ.)
Quantitative Screening
• เน้นกลุ่มที่ถูกเทขายแรงในช่วงที่ผ่านมา จนปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ P/E Ratio ต่ำกว่า -2 SD ขณะที่อัตราเติบโตของกำไรในปี 62 ยังมี Momentum เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (Consensus คาดอัตราโตกำไรปี 62 จะสูงกว่าปี 61) แนะนำ THANIและ RJH
30-Jan-19 Change (pts.) 29-Jan-19
SET Index 1,632.60 8.55 1,624.05
SET50 Index 1,091.05 4.75 1,086.30
SET100 Index 2,386.18 0.00 2,386.18
High 1,632.83 Gainers 761
Low 1,622.59 Unchanged 508
Value (Bt m) 48,709.67 Losers 519
Volume (*000) 11,903,501
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.5 13.4 No Data
EPS Growth (%) 13.9 9.3 No Data
EV/EBITDA (x) 9.9 9.4 No Data
FWD PBV (x) 1.8 1.7 No Data
Dividend Yield (%) 3.3 3.5 No Data
ROE 11.7 11.7 No Data
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 30-Jan-19 WTD MTD YTD
Institution 35.12 7,201.36 3,191.77 3,191.77
Proprietary 124.40 (38.31) (928.47) (928.47)
Foreign 21.95 4,614.78 8,026.76 8,026.76
Individual (181.46) (11,777.82) (10,290.06) (10,290.06)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary