WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
•    วันนี้เราคาดดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยมีแรงขับเคลื่อนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อระบบการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ  บวกกับแนวโน้มสดใสของจำนวนนักท่องเที่ยวคาดเป็นปัจจัยช่วยดึงดูดให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดย Year to Date นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นราว 6,715.6 ล้านบาท โดยมีกรอบ    แนวรับรายวันมาที่ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,635 จุด
Market Factors
•    (-) สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในเดือน พ.ย. และธ.ค. ลดลง 1.8%YoY และ 1.9%YoY ตามลำดับซึ่งลดลง2 เดือนติดต่อกันบวกกับทั้งปี 2561 กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่โตเพียง 10.3% ที่ระดับ 6.64 ล้านล้านหยวน (986.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่โต 21% 
•    (-) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดเศรษฐกิจไทยในปี 62 มีแนวโน้มลดอัตราการขยายตัวลงอยู่ที่ระดับ 4.0% จากปี 61 ที่โตได้ 4.1% จากการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงอันเป็นผลจากแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยที่ชะลอลงจากปีก่อน และนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน  อย่างไรก็ดี คาดได้รับแรงหนุนปัจจัยภายใน ทั้งจากโครงการลงทุนของภาครัฐที่จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับโครงการร่วมลงทุน (PPP) ในโครงสร้างพื้นฐานและภาพการเลือกตั้งที่ชัดเจนช่วยสนับสนุนให้การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อนหน้า
•    (+) กกต. อนุมัติให้พรรคการเมืองสามารถหาเสียงผ่านช่องโทรทัศน์ได้วันละ 60 นาที ในช่วงวันที่ 8-21 มี.ค. ขณะที่วันนี้มีประชุมร่วมกับ กทม. เพื่อพิจารณาจุดติดตั้งป้ายหาเสียงในพื้นที่ กทม. ช่วยปลดล็อคกิจกรรมหาเสียงที่ชะลอลงจากช่วงสัปดาห์ก่อน 
•    (+) สศค. เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือน ม.ค. 62 จากข้อมูลสะท้อน ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ (คาดการณ์ 6 เดือนข้างหน้า) อยู่ในเกณฑ์ที่ดีทุกภูมิภาค นำโดยภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออก โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรเป็นสำคัญ    
Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้เรายังมุมมองบวกต่อ SET Indexหลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 17.1x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.9x และ ไทยเทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.8x ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น + 1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้
1.    กลุ่มท่องเที่ยว: วานนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประกาศจำนวนนักท่องเที่ยวปี 61 ที่ 38.27 ล้านคน โต 7.54%YoY ส่วนปี 62 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 41.1ล้านคนโต 7.5%YoYสร้างรายได้ 2.21 ล้านล้านบาทโต 10%YoY โดยแนวโน้มรายสัญชาติคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีน 11.69 ล้านคนโต 11%YoY จากประเทศในอาเซียน 11.31 ล้านคนโต 10%YoYและจากยุโรป 6.90 ล้านคนโต 2%YoY (สำนักข่าวอินโฟเควสท์) แนะนำ CENTEL (แนวโน้มธุรกิจปี 62 บริษัทตั้งเป้าธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักสำหรับโรงแรมเดิมจะอยู่ในช่วง 83-85% ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักตั้งเป้าเติบโตประมาณ 4-6%YoY โดยรวมคาดรายได้รวมธุรกิจโรงแรมในปีหน้ายังคงเติบโต แม้ปีหน้าจะมีการปิดปรับปรุงโรมแรมเซ็นทาราแบรนด์บีชรีสอร์ท (สมุย) ส่วนธุรกิจอาหารตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม 3-4%YoY โดยมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้ง), ERW (คาดปี 62 ผลดำเนินงานมีทิศทางปรับดีขึ้น หลังผ่านพ้นช่วง Renovate ของโรงแรม JW Marriot ทำให้จำนวนห้องพักและราคาห้องเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดโรงแรมใหม่อีก 9 แห่ง โดยเน้นขยายในส่วนของ HOP INN ซึ่งตอบโจทย์ตลาดต่างจังหวัดได้ดี ตามเป้าหมายเพิ่มจำนวนโรงแรมเป็น 70 แห่งและจำนวนห้องที่ 9,559 ห้อง) และ AOT ปี 61/62 คาดกำไรโต 15.3%YoY จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1Q61/62 (ต.ค.-ธ.ค. 61) คาดกำไรจะยังโต YoY จากสถิติการบินที่สดใส โดย International Passenger เพิ่มขึ้น 3.32%YoY, Domestic Passenger เพิ่มขึ้น 2.0%YoY และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 5.88%YoY
2.    กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยวันนี้ ธปท. จะประชุมชี้แจงเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน โดยจากข้อมูลสรุปเบื้องต้นของ ธปท. ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำ SAWAD(คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoYจากแผนขยายสินเชื่อใหม่20-30%YoYสอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก300-400สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี62โต 31.9%YoY ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมี NPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพ    มากขึ้น)
3.    กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า1,000 ไร่พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1แสน ตร.ม.), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่ GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ  AMATA (รับรู้รายได้ปี 64) 
4.    หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่น บวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), HARN (อานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หนุนธุรกิจสินค้านำเข้ามีมาร์จิ้นดีขึ้น บวกกับ เป้าการเติบโตปี 61 ที่ 10.7%YoY และ ปี 62 ที่ 8.2%YoY Backlog ณ สิ้น 3Q61 ที่ 414 ลบ.)
 
    28-Jan-19    Change (pts.)    25-Jan-19
SET Index    1,625.03    1.41    1,623.62
SET50 Index    1,086.46    0.35    1,086.11
SET100 Index    2,386.72    0.89    2,385.83
 
High    1,634.70    Gainers 637 
Low    1,622.58    Unchanged    481
Value (Bt m)    48,391.37    Losers 697 
Volume (*000)    12,346,745          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    14.4    13.3    No Data
EPS Growth (%)    13.9    9.3    No Data
EV/EBITDA (x)    9.9    9.4    No Data
FWD PBV (x)    1.8    1.6    No Data
Dividend Yield (%)    3.3    3.5    No Data
ROE    11.7    11.8    No Data
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    28-Jan-19    WTD    MTD    YTD
Institution    17.02    17.02    7,135.10    7,135.10
Proprietary    52.03    52.03    (1,955.82)    (1,955.82)
Foreign     2,089.19    2,089.19    6,715.63    6,715.63
Individual    (2,158.24)    (2,158.24)    (11,894.91)    (11,894.91)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!