- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 September 2014 14:53
- Hits: 2067
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Laggard Play
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งในกรอบแคบ ปิดที่ 1,590.13 จุด บวกเล็กน้อย 0.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,170 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 596 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน Set50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 3,830 สัญญา และกลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ 843 ล้านบาท
เป็นที่น่าสังเกตว่า นักลงทุนต่างชาติ / สถาบันภายในประเทศ / พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิพร้อมกันตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา โดยเฉพาะ นักลงทุน 2 กลุ่มนี้ ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อภาวะการลงทุนในหุ้น Big Cap สอดคล้องกับที่ MBKET ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยการให้น้ำหนักกับหุ้น PTT / ADVANC / INTUCH ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุน 2 กลุ่มนี้ ทำให้เชื่อได้ว่า SET INDEX ในรอบนี้จะมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบและตีทะลุผ่าน 1,600 จุดขึ้นไป จากเงินทุนต่างชาติ และการประคองระดับ NAV ของกองทุน เพื่อปิดงวด 3Q57 ซึ่งหุ้นเป้าหมายทั้ง 3 นั้น Laggard มากเมื่อเทียบกับ SET INDEX และกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอียูส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน ผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิต / บริการ เปิดโอกาสให้ ECB เริ่มใช้โครงการเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS ด้านตัวเลขเศรษฐกิจจีนวานนี้ ภาวะการจ้างงานเริ่มชะลอตัวชัดเจน น่าจะเป็นประเด็นเสี่ยงที่มีน้ำหนักมากเพียงพอที่รัฐบาลจีน และ/หรือ ธนาคารกลางจีน จะให้น้ำหนักเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะจุดตามมา
ดังนั้น Downside risk จากปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจจีน / อียู จำกัด แต่กลับสร้างโอกาสที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นตามมา กลายเป็นบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ นักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร ควรจำกัดวงเงิน และเน้นหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุน เป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ "ทยอยสะสม" INTUCH/ LPN
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC/ TRUE
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN
Accumulative buy: INTUCH/ LPN
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,590 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปรับฐานลงเป็นวันที่ 3 แม้ว่า HSBC Flash PMI ภาคการผลิตของจีนออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อยก็ตาม แต่เศรษฐกิจในอียูส่อเค้าชะลอตัว กดดันการลงทุนในช่วงบ่าย
ด้านตลาดหุ้นไทย เปิดข้าม 1,590 จุด ขึ้นไปแกว่งเหนือระดับดังกล่าว ผลักดันโดย ADVANC / INTUCH / AOT แต่เมื่อบรรยากาศรอบเอเชียและยุโรป ต่างกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในจีน และ อียู ทำให้เกิดแรงขายลดความเสี่ยงเป็นระยะๆ ส่งผลให้ SET INDEX แกว่ง 1,590 จุด +/- ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย ณ สิ้นวัน SET INDEX ปิดที่ 1,590.13 จุด บวกเพียง 0.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,170 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มกระดาษ +5.50%, กลุ่ม ICT +1.31% และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +1.30% ส่วน กลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.53%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.25% และกลุ่มพลังงาน -0.10%
SET INDEX คาดเปิดยืนเหนือ 1,590 จุด
คงน้ำหนักกับหุ้นหลัก 3 ตัวในรอบนี้ PTT / ADVANC / INTUCH ที่จะผลักดัน SET INDEX ทะลุแนว 1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุน ถือพอร์ต เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- หรือหากต้องการเก็งกำไร อาจเลือกเน้นเป็นรายตัว มากขึ้น เช่นเดิม
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.33 น.) เช้านี้ Nikkei - Kospi เปิดย่อตัวลงราว 0.3-0.4% ในเช้าวันนี้ แม้ว่า DJIA คืนวานนี้จะปิดลบแรงถึง 0.68% ก็ตาม ภาพรวมตลาดหุ้นในเอเชียวันนี้อาจทรงตัวได้ดีขึ้น หลังปรับฐานต่อเนื่องมาหลายวัน
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น "บวก" ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมยืนภาพของ SET INDEX ที่จะมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบ 1,600 จุด หรือสูงกว่า แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศต่างขาดความโดดเด่นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ก็ตาม แต่หากประเมินจากการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ / สถาบันภายในประเทศ / พอร์ตของโบรกเกอร์ พร้อมกัน 2 วันทำการที่ผ่านมา ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อมุมมอง SET INDEX ในช่วงนี้
ทั้งนี้ MBKET ได้ประเมินหุ้นหลัก 3 ตัวที่คาดว่าจะเป็นตัวผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทดสอบและมีโอกาสปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ในรอบนี้ ได้แก่
PTT: จากประเด็นบวกของการปลดล็อกราคาก๊าซ LPG / NGV รมว.พลังงาน ยืนยันปรับราคาสู่ระดับต้นทุนที่แท้จริง เริ่มตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้กำไรของ PTT เพิ่มขึ้นจากประเด็นดังกล่าว ขณะที่การลงทุนของกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ต่าง Underweight หุ้นนี้มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดลักษณะ Underowned มากพอที่จะต้องกลับมาสะสมหุ้น PTT อย่างจริงจัง
ADVANC: หากประเมิน QTD ใน 3Q57 พบว่า ADVANC +1.82% เทียบกับ ICT ที่ +5.09% และ SET INDEX 7.03% ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q57 จะเห็นการฟื้นตัว qoq และ yoy แม้ว่าจะเป็นช่วง Low Season ของผลการดำเนินงาน ADVANC ก็ตาม
INTUCH: เมื่อ ADVANC ฟื้นตัวเด่นในบรรดาหุ้นหลักของกลุ่ม ICT เราเชื่อว่า INTUCH จะขยับขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับ ADVANC อีกทั้ง INTUCH จะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเด่นกว่า ADVANC ขณะที่ราคาหุ้น QTD -2.39%
ส่วนหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / กลุ่มอสังหาฯ จะขึ้นไปในทิศทางเดียวกับ SET INDEX และอาจสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนใกล้เคียงกับภาพรวมของตลาด อีกทั้งหุ้นหลักใน 2 กลุ่มนี้ เชื่อว่าอยู่ในพอร์ตของกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ลักษณะ Overweight มาตลอด 2 ปี
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในจีน และ อียู ที่ส่งสัญญาณเสี่ยงต่อการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวมากยิ่งขึ้น อาจกลายเป็นจุดของการเก็งกำไรต่อโอกาสที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมา
ภาวะการจ้างงานของจีน ส่งสัญญาณชะลอตัว อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้รัฐบาลจีน และ/หรือ ธนาคารกลางจีน ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะจุดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในจีนผ่อนคลายกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยได้
ดัชนี Flash PMI ภาคการผลิตและบริการในอียู ชะลอตัวต่อเนื่อง ย่อมเปิดโอกาสให้ ECB สามารถเริ่มการเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ เพื่อกดดันผลตอบแทนจากตราสารหนี้ กระตุ้นการขอสินเชื่อของภาคเอกชนทางอ้อม
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน MBKET คงคำแนะนำ "ถือพอร์ตการลงทุนที่มีอยู่ เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/-" หากต้องการเก็งกำไรอาจต้องจำกัดวงเงิน และกำหนดเลือกลงทุนเป็นรายหุ้นที่มีประเด็นการลงทุนเฉพาะตัว เพราะ Upside gain ของ SET INDEX เริ่มจำกัด
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. ตัวเลขภาคการผลิตทั่วโลกยังคงอ่อนแอ: วานนี้รายงานตัวเลข Flash PMI ภาคการผลิต ของจีน / อียู / สหรัฐฯ ยังเป็นภาพรวมของการอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอียู กลายเป็นจุดกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงสั้นนี้
อย่างไรก็ตาม MBKET ประเมินว่า เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก เริ่มอ่อนแอต่อการฟื้นตัว โอกาสที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจากนโยบายการคลัง และ /หรือ นโยบายการเงิน ย่อมมีตามมา ไม่มากก็น้อย กลายเป็นจุดเก็งกำไรต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอกาสที่ ECB จะเริ่มเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS ในตลาดตราสารหนี้จะมีมากขึ้น ทิศทางค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่า เทียบกับเงินยูโร กดดันตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน และ ทองคำ แต่กลับเอื้อต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
ดังนั้น การปรับฐานลงของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงสั้นนี้ จึงเป็นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น โอกาสที่ตลาดจะพลิกกลับมามีความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะตามมา
2. สัญญาณเชิงบวกต่อแผนลงทุนคมนาคม 2.4 ล้านล้านบาท: หลังรมว. คลัง ส่งสัญญาณเร่งจัดทำแผนให้เอกชนร่วมลงทุนกับโครงการของภาครัฐ และ รัฐวิสาหกิจ (PPP) ซึ่งจะเป็นช่องทางหนึ่งของการลดภาระหนี้สาธารณะให้แก่รัฐบาล ในการดำเนินการโครงการลงทุนขนาดใหญ่ 8 ปี วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท
MBKET มีความเห็นเป็นบวกต่อแนวทางดังกล่าว เพราะเป็นการส่งสัญญาณถึงความตั้งใจในการเดินหน้าการลงทุนด้านคมนาคม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของประเทศตลอด 8 ปีข้างหน้า ทำให้หุ้นหลักในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ย่อมทรงตัวได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อรอความชัดเจน และตารางเวลาของการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว
3. ติดตามค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ: เช้าวันนี้ เงินบาทเริ่มแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และหากหุ้นหลักในกลุ่ม ICT / ที่อยู่อาศัย / ธนาคาร / PTT ทรงตัวแข็งแกร่ง ย่อมตีความได้ว่า เงินทุนต่างชาติจะยังคงเลือกทยอยสะสมหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. INTUCH : ราคาปิด 71.50 บาท ราคาเหมาะสม 114.00 บาท
a) MBKET ประเมินหุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่จะได้อานิสงค์บวกจากการเกิด Window Dressing สิ้นไตรมาส 3Q57
b) โดยเห็นได้ชัดจากการปรับตัวขึ้นของ ADVANC ใน 2 วันที่ผ่านมา +5.2% และ INTUCH +2.8% และหากพิจารณาเทียบกับราคาปิดสิ้น 2Q57 ราคาหุ้น INTUCH ยัง -3.1% QTD ดังนั้น คาดว่า INTUCH จะเป็นเป้าหมายในการทำ Window Dressing ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์
c) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์เงินปันผล 2H57 หุ้นละ 2.30 บาทคิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.2% และปี 2558 หุ้นละ 5.29 บาท คิดเป็น Dividend Yield 7.4%
d) ราคาหุ้นปัจจุบันมีส่วนลดจาก NAV ของมูลค่าเงินลงทุนใน ADVANC และ THCOM หุ้นละ 89.50 บาท อยู่ถึง 20.1% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ INTUCH จะแกว่งตัวมีส่วนลดจาก NAV ในกรอบ 10 - 20%
2. LPN : ราคาปิด 21.90 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่า LPN เป็นหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ สำหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือนขึ้นไป
b) เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโตโดดเด่น +43.7% yoy เป็น 3,200 ล้านบาท ขยายตัวสูงที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่ากำไรจะเติบโต +9.2% yoy ในปี 2558
c) จากการรับรู้รายได้ Backlog รอโอนสูงถึง 16,090 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็น Secured revenue สูงถึง 85% จากประมาณการรายได้ปี 2558 ของเราที่ 18,864 ล้านบาท หรือ +46.6% yoy
d) Valuation ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที 11 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราวปีละ 5%
What will DJIA move tonight?
คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$529 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$496 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติยังคงสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 596 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 3,063 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 9,333 ล้านบาท
แต่นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 3,830 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 6,331 สัญญา คาดว่าจะเร่งการปิดสถานะที่มีอยู่ใน S50U14 เพราะเหลือเวลาวันซื้อขายเพียง 4 วันจนถึงวันจันทร์ที่ 29 ก.ย.นี้ ส่งผลให้ S50U14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 แต่แคบลงเหลือ 0.86 จุด จากวันก่อนหน้า Premium 2.82 จุด
ส่วนตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง 843 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาวขยับขึ้นต่อเนื่อง ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี ลดลงเป็นวันที่ 2 อีก 2.13bps ปิดที่ 2.994% ส่วนอายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 3 อีก 1.44bps ปิดที่ 3.501%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 267 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 271 ล้านบาท
NVDR ขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 21 วันทำการ กลุ่มธนาคาร และพลังงานเป็นเป้าของการลดน้ำหนัก
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 21 วันทำการ 727 ล้านบาท จากตลอด 20 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 24,039 ล้านบาท สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงานถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 336 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 80 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ขายสุทธิ 205 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 204 ล้านบาท และกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 68 ล้านบาท
2. กลุ่มอสังหาฯ ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 210 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 98 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ประธานเฟด St.Louis ยังให้ความเห็นต่อดอกเบี้ยต่ำต่อไป: พร้อมคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งที่ยาวนานมากขึ้น หลังสิ้นสุดโครการ QE เป็นการเร็วเกินไปที่จะส่งสัญญาณด้วยการตัดคำว่า "Considerable time" ออกไปในการประชุมครั้งหน้า
เฟดเตือนฐานทุนของธนาคารที่ให้สินเชื่อเสี่ยงสูง: เจ้าหน้านี้เฟด ได้ส่งสัญญาณเตือนธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อ High-risk High Yield อาจต้องเพิ่มฐานทุนให้มากขึ้น
ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาต่ำกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่
ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.4% mom และเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 0.3% mom โดยราคาบ้านใน 5 เขตเพิ่มขึ้น 2 เขตลดลง และ 2 เขตทรงตัว
ดัชนี Flash PMI ภาคการผลิต เดือนก.ย. เท่ากับ 57.9 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 58.1 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 58.0 จุด โดยยอดคำสั่งซื้อใหม่ และ การส่งออกยังคงแข็งแกร่ง รวมถึงการจ้างงานในภาคการผลิต
ดัชนี Richmond Fed Manufacturing เดือนก.ย. เท่ากับ 14.0 จุด สูงกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 12 จุด เท่ากับเดือนก่อนหน้า คำสั่งซื้อใหม่เป็นตัวขับเคลื่อนเชิงบวก
ยุโรป
ตัวเลขภาคการผลิตในอียูส่งสัญญาณชะลอตัว
เยอรมัน ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย เท่ากับ 50.3 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.4 จุด และ Bloomberg consensus คาด 51.2 จุด แต่ PMI ภาคบริการขยับขึ้นเป็น 55.4 จุด จากเดือนก่อนหน้า 54.9 จุด
ฝรั่งเศส ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ เดือนก.ย. เท่ากับ 49.1 จุดลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.5 จุด และเป็นระดับที่ต่ำกว่า 50 จุดเป็นเดือนที่ 5
อียู ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ เดือนก.ย. เท่ากับ 52.3 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 52.5 จุด และต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 52.5 จุด อีกทั้งคำสั่งซื้อใหม่ลดลงเป็น 51.2 จุดในเดือนก.ย. จาก 52.4 จุดในเดือนส.ค.
Draghi ยืนยันจะบริหารงบดุลของ ECB อย่างดีที่สุด: และเต็มใจใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากมีความจำเป็น เพื่อป้องกันภาวะเงินฝืดในอียู ทั้งนี้ ECB เริ่มกรอบการทำงานของนโยบายการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และบริหารจัดการงบดุล เพื่อปิดความเสี่ยงถึงแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะกลาง
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
อัตราเงินเฟ้อเดือน ส.ค.สิงคโปร์ชะลอตัวลง: เพิ่มขึ้น 0.9% yoy จากเดือน ก.ค. +1.2% yoy และต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด +1.1% yoy ทั้งนี้ต้นทุนขนส่งหดตัวแรง 1.8% yoy ต่อเนื่องจากเดือน ก.ค.-0.8% yoy ขณะที่ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 2.9% yoy ชะลอตัวจากเดือน ก.ค. 3.0% yoy
ไทย
เร่งจัดทำ PPP ลดหนี้สาธารณะ: รมว. คลัง สั่งการให้สคร.ไปจัดสัมมนาระดมความคิดเห็นจากหน่วยงาน และภาคเอกชนทั้ง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นต้น ถึงอุปสรรค และเงื่อนไขการร่วมลงทุน ตามร่างพ.ร.บ.การให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ หรือ กฎหมายพีพีพี ว่าควรจะปรับปรุง หรือ แก้ไขในส่วนใดบ้าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชน และให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด ทั้งนี้ตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท มีสัดส่วนโครงการที่เปิดให้เอกชนร่วมลงทุนค่อนข้างน้อย ควรจะเพิ่มพีพีพีมากกว่านี้ ดังนั้น สศร. จึงต้องปรับกฎหมายเกณฑ์ต่างๆ เพื่อเร่งทำโครงการพีพีพีและทำแผนยุทธศาสตร์ให้เอกชนเข้าร่วมทุนเพิ่มขึ้น
การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย
เงินทุนไหลเข้าพักใน Safe haven
ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3
อายุ 5 ปี: ผลตอบแทนลดลง 2.13bps ปิดที่ 2.994%
อายุ 10 ปี: ผลตอบแทนลดลง 1.44bps ปิดที่ 3.541%
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 4
อายุ 2 ปี: ผลตอบแทนลดลง 1.21bps ปิดที่ 0.5366%
อายุ 10 ปี: ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 4 อีก 3.61bps ปิดที่ 2.5275%
ภาวะตลาดหุ้น - ตลาดตราสารหนี้ที่สำคัญ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลงวันที่ 2 ติดต่อกัน จากความกังวลต่อเหตุการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ตลาดต่างประเทศ:
DJIA ปรับตัวลงวันที่ 2 ติดต่อกัน : ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 17,055.87 จุด ลดลง 116.81 จุด หรือ -0.68% ปรับตัวลงวันที่ 2 ติดต่อกัน จากเหตุการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังมีรายงานกองกำลังของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรได้เปิดฉากโจมตีกลุ่ม IS ในซีเรีย นอกจากนั้น ยังถูกกดดันจาก Sentiment ลบของตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลง หลัง PMI เดือน ก.ย.ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้ VIX Index เพิ่มขึ้นวันที่ 3 ติดต่อกัน +9.1% dod เป็น 14.93 จุด
SET INDEX ยืนเหนือ 1,590 จุด
ตลาดในประเทศ
SET INDEX ยืนเหนือ 1,590 จุด: กระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องผลักดันหุ้นหลักในกลุ่มสื่อสารอย่าง ADVANC/ INTUCH รวมถึงกลุ่มพลังงานอย่าง PTT ผลักดันดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,590.13 จุด เพิ่มขึ้น 0.62 จุด หรือ +0.04% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 5.30 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน: คิดเป็นมูลค่า 611 ลบ. จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิคิดเป็นมูลค่า 832 ลบ. ส่งผลให้ YTD เป็นขายสุทธิอยู่ที่ระดับ 8.46 พันลบ.
นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน: คิดเป็นมูลค่า 478 ลบ. จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิคิดเป็น 269 ลบ. ส่งผลให้ YTD เป็นซื้อสุทธิอยู่ที่ระดับ 3.22 หมื่นลบ. นักลงทุนบริษัทหลักทรัพย์(Prop Trade) ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 คิดเป็นมูลค่า 270 ลบ.
กลุ่ม ICT นำตลาด:
1. กลุ่ม ICT +1.3%: ADVANC +3.2%, DTAC +3.0%, INTUCH +1.1%
2. กลุ่มขนส่ง +0.7%: AAV +2.1%, BTS +1.1%, AOT +0.8%
3. ส่วนกลุ่มอสังหาฯ -0.1%: AP -1.3% ส่วน LPN +1.9%, SPALI +1.9%, LH +0.9%
4. กลุ่มพลังงาน -0.1%: PTTEP -0.6% ส่วน PTT +0.3%
5. กลุ่มธนาคาร -0.5%: KTB -1.2%, KBANK -0.9%, SCB -0.5%
ภาวะราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้น แต่ BRENT และ DUBAI ปรับตัวลง
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้นในรอบ 5 วัน : ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค.2557 ปิดที่ US$91.56/barrel เพิ่มขึ้น US$0.69/barrel หรือ +0.76% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$90.87/barrel และเพิ่มขึ้นเช้านี้เป็น US$91.60/barrel จากปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบได้แก่
1. เหตุการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังมีรายงานกองกำลังของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรได้เปิดฉากโจมตีกลุ่ม IS ในซีเรีย
2. HSBC PMI ภาคการผลิตของจีน เดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเป็น 50.5 จุด ดีกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 50.0 จุด
3. โอเปคอาจพิจารณาลดกำลังผลิตน้ำมันลง เนื่องจากต้องการให้ราคาน้ำมันดิบยืนเหนือระดับ US$100.00/barrel
ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวลงวันที่ 2 ติดต่อกัน : ปิดที่ US$96.85/barrel ลดลง US$0.12/barrel หรือ -0.12% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$96.97/barrel
ราคาน้ำมันดิบ DUBAI ปรับตัวลงวันที่ 2 ติดต่อกัน : ปิดที่ US$94.91/barrel ลดลง US$0.12/barrel หรือ -0.13% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$95.03/barrel
ราคาทองคำปรับตัวขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ปรับตัวขึ้น : ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2557 ปิดที่ US$1,222.00/ounce เพิ่มขึ้น US$4.10/ounce หรือ +0.34% จากวันก่อนหน้าที่ US$1,217.90/ounce ปรับตัวขึ้นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากเหตุการณ์ตีงเครียดในตะวันออกกลาง
BDI ปรับตัวลง
BDI ปรับตัวลง : ปิดที่ 1,073 จุด ลดลง 4 จุด จากวันก่อนหน้าที่ 1,077 จุด
WTI Crack ปรับตัวลง : ปิดที่ US$16.19/barrel ลดลง -2.18% dod
Soft Commodities ปรับตัวขึ้น ได้แก่ฝ้าย และน้ำตาล
ราคายางตลาด TOCOM ไม่เปลี่ยนแปลง : ราคายางตลาดญี่ปุ่น ปิดที่ 183.50 เยน / กิโลกรัม ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า เนื่องจากตลาดปิดทำการ
ราคาฝ้าย ปรับตัวขึ้นในรอบ 4 วัน : ราคาฝ้ายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ค ปิดที่ US$0.63/ปอนด์ เพิ่มขึ้น +0.38% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$0.62/ปอนด์
ราคาถั่วเหลืองตลาด CBOT ปรับตัวลงวันที่ 4 ติดต่อกัน : ราคาถั่วเหลือง ตลาด CBOT ปิดที่ US$9.36/bushel ลดลง -0.21% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$9.38/bushel
ราคาน้ำตาล NYMEX ปรับตัวขึ้นในรอบ 4 วัน : ราคาน้ำตาลตลาด NYMEX ปิดที่ US$15.73 เซนต์/ปอนด์ เพิ่มขึ้น +0.58% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$15.64 เซนต์/ปอนด์
ราคาถ่านหินล่วงหน้าแกว่งตัวไร้ทิศทาง
ราคาถ่านหินล่วงหน้าแกว่งตัวไร้ทิศทาง
1. ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Rotterdam ปิดที่ US$73.85/ตัน ลดลง -0.27% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$74.05/ตัน
2. ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Richard Bay ปิดที่ US$67.85/ตัน เพิ่มขึ้น +0.15% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$67.75/ตัน
3. ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Newcastle ปิดที่ US$66.20/ตัน ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า
การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่สำคัญ
ดอลลาร์ถูกขายทำกำไรต่อเนื่อง
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ: เนื่องจากความไม่สมดุลย์ของการฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจโลก และราคาบ้านสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ทำให้นักค้าเงินต่างลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลง และหันไปเก็งกำไรในเงินยูโร / เงินปอร์ด อังกฤษแทน
1. Yen/US$: ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าแตะระดับ Yen108/US$ เป็นวันที่ 2 ปิดที่ Yen108.833/US$ อ่อนค่า 0.02% dod ล่าสุดเช้านี้ ค่าเงินเยนแข็งค่าอีกเล็กน้อย ซื้อขายที่ Yen108.664/US$
2. US$/Euro: เงินยูโรเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าแตะ US$1.28/euro เป็นวันที่ 3 ปิดที่ US$1.2851/euro แข็งค่าเป็นวันที่ 2 อีก 0.03% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงินยูโรฟื้นตัวอีกเล็กน้อย ซื้อขายที่ US$1.2853/euro
3. US$/GBP: เงินปอนด์อังกฤษเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าแตะระดับ US$1.63/GBP เป็นวันที่ 2 ปิดที่ US$1.6393/GBP แข็งค่าเป็นวันที่ 2 อีก 0.20% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงิน GBP ฟื้นตัวอีกเล็กน้อย ซื้อขายที่ US$1.6397/GBP
4. THB/US$: ค่าเงินบาท on shore วานนี้ อ่อนค่าแตะระดับ 32.00 บาท/US$ เป็นวันที่ 12 ปิดที่ 32.26 บาท/US อ่อนค่าเป็นวันที่ 2 อีก 0.10% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าเด่น ซื้อขายที่ 32.223 บาท/US$
(เวลา 7.32 น.)
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Linrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530