- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 January 2019 12:43
- Hits: 3733
บล.เออีซี : Daily Focus
Daily Focus
Market Outlook
• วันนี้เราคาดดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจาก Sentiment ในประเทศที่ดี การกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน (24 มี.ค.) บวกกับค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพ คาดเป็นปัจจัยช่วยดึงดูดให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดย Year to Date นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นราว 4,626.4ล้านบาท โดยมีกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,615จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด
Market Factors
• (+) ปัญหาภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราว (Government shutdown) กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งหลังประธานาธิปดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ทรัมป์บรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสโดยเป็นการเปิดหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราว 3 สัปดาห์จนถึงวันที่1 5 ก.พ.
• (+) คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) พิจารณาการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมอีก 4 แห่งพื้นที่โครงการประมาณ 3,063 ไร่ เป็นพื้นที่ลงทุน 2,420 ไร่ โดยมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 42,490 ล้านบาท ภายในปี 2562-2571 ประกอบด้วย เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษการแพทย์ครบวงจรธรรมศาสตร์ รองรับการลงทุน 8,000 ล้านบาท เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรม ในรูปแบบพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษเฉพาะด้าน 3 แห่ง ได้แก่โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา รองรับการลงทุน 1,000 ล้านบาท นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ รองรับการลงทุนกลุ่มโตโยต้า เงินลงทุน 2 หมื่นล้านบาท และโครงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา รองรับการลงทุนกลุ่มอาลีบาบา และเอเอ็มอี 13,490 ล้านบาท (ฐานเศรษฐกิจ)
• (+) กรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยข้อมูล มูลค่าการค้าชายแดน-ผ่านแดนไทย ปี 61 ทำได้มีมูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท ขยายตัว 6% แม้ถูกปัจจัยกดดัน ทั้งจากเทรดวอร์ ภัยธรรมชาติ ความผันผวนของค่าเงิน โดยทั้งปีมีมูลค่าค้าชายแดนกับมาเลเซียสูงสุดมูลค่า 571,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.29% ส่วนการค้าผ่านแดน จีนตอนใต้ครองแชมป์ ตั้งเป้าปี 62 มูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท เพิ่ม 15% ตั้งเป้าหมายไว้ที่มูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท ขยายตัว 15% โดยกรมฯ ได้เตรียมแผนงานผนึกกำลังภาครัฐและเอกชนจัดกิจกรรมส่งเสริมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวชายแดนและตามเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น (ประชาชาติธุรกิจ)
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เรายังมุมมองบวกต่อ SET Index หลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจน คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 17.1x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.9x และ ไทยเทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.8x ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น + 1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้
1. กลุ่มท่องเที่ยว: ได้อานิสงส์บวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยฟื้นตัวตั้งแต่เดือน พ.ย. (ตัวเลขช่วงเดือน ต.ค.- พ.ย. ปี 61 โต 2.2%YoY) และคาดยังโตต่อในเดือน ธ.ค. ซึ่งจะมีประกาศในวันนี้ หลังเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยว และภาครัฐฯ ได้ออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทยมากขึ้น แนะนำ CENTEL (แนวโน้มธุรกิจปี 62 บริษัทตั้งเป้าธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักสำหรับโรงแรมเดิมจะอยู่ในช่วง 83-85% ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักตั้งเป้าเติบโตประมาณ 4-6%YoY โดยรวมคาดรายได้รวมธุรกิจโรงแรมในปีหน้ายังคงเติบโต แม้ปีหน้าจะมีการปิดปรับปรุงโรมแรมเซ็นทาราแบรนด์บีชรีสอร์ท (สมุย) ส่วนธุรกิจอาหารตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม 3-4%YoY โดยมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้ง), ERW (คาดปี 62 ผลดำเนินงานมีทิศทางปรับดีขึ้น หลังผ่านพ้นช่วง Renovate ของโรงแรม JW Marriot ทำให้จำนวนห้องพักและราคาห้องเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดโรงแรมใหม่อีก 9 แห่ง โดยเน้นขยายในส่วนของ HOP INN ซึ่งตอบโจทย์ตลาดต่างจังหวัดได้ดี ตามเป้าหมายเพิ่มจำนวนโรงแรมเป็น 70 แห่งและจำนวนห้องที่ 9,559 ห้อง)และ AOT ปี 61/62 คาดกำไรโต 15.3%YoY จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1Q61/62 (ต.ค.-ธ.ค. 61) คาดกำไรจะยังโต YoYจากสถิติการบินที่สดใส โดยInternational Passenger เพิ่มขึ้น 3.32%YoY, Domestic Passenger เพิ่มขึ้น 2.0%YoY และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 5.88%YoY
2. กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยวันนี้ ธปท. จะประชุมชี้แจงเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน โดยจากข้อมูลสรุปเบื้องต้นของ ธปท. ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้และ3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำ SAWAD(คาดปี62กำไรโต32.1%YoYจากแผนขยายสินเชื่อใหม่20-30%YoYสอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก300-400สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี62โต31.9%YoYทำNew High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมี NPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
3. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า1,000 ไร่พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1แสน ตร.ม.), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่ GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)
4. หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่น บวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่ม