- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 January 2019 19:23
- Hits: 4322
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Domestic Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้แข็งแรงต่อเนื่องโดยปิดบวกได้ถึง 15.61 จุดดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่แกว่งออกข้าง โดยได้รับอานิสงส์จากพ.ร.ฎเลือกตั้งที่ลงราชกิจจาและกกต.ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการวันที่ 24 มี.ค. 2019 ทำให้หุ้นในกลุ่ม Domestic Play นำตลาดตามคาด แรงซื้อหลักมาจากสถาบันในประเทศซึ่งเร่งตัวขึ้นเป็น 6.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิแต่บางลงเหลือ 686 ลบ. (แต่ Long ใน Index Futures อีก 1.4 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ได้ต่อเนื่องโดยคาดว่ากลุ่ม Domestic Play ยังคงนำตลาดหลังจากการเลือกตั้งชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มี.ค. นี้ ทำให้จะเริ่มเห็นการหาเสียงอย่างจริงจังและกระตุ้นให้การจับจ่ายใช้สอยในประเทศให้มีความคึกคักมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังต้องติดตามทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การชัตดาวน์ที่ลากยาวกว่า 1 เดือน รวมถึงการโหวต Brexit รอบสอบในช่วงปลายเดือนนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q18 แข็งแกร่งและยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, BEM, CK, CPALL, ERW
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$37ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$119ล้าน ขณะไหลออกจากเกาหลีใต้ US$56ล้าน และไทย US$22ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากความกังวลที่ข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐมีความยึดเยื้อและภาวะชัตดาวน์สหรัฐที่ยังดำเนินอยู่ซึ่งอาจส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CK <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 33 บาท (ตัดขาดทุน 24.50 บาท)
- การเลือกตั้งที่มีความชัดเจนทำให้งานโครงสร้างพื้นฐานมีโอกาสเร่งประมูลมากขึ้น พรุ่งนี้จะพิจารณาเงื่อนไขซอง 4 รถไฟความเร็วสูง และสัปดาห์หน้าคาดเปิดประมูลศูนย์การแพทย์ขอนแก่น
- คาดกำไรปี 2019 ที่ 1.9 พันลบ. +11% Y-Y โดยมี Backlog รองรับรายได้ถึงปี 2020 ขณะที่ ราคาหุ้น YTD ยัง Laggard ตลาดอยู่ราว 3% และยัง Discount NAV ของบริษัทลูก 30%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ประกาศวันเลือกตั้ง หลังประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้ว กกต. ได้ประกาศวันเลือกตั้งเป็น 24 มี.ค. 19 ทันที โดยไทม์ไลน์หลังจากนี้คือ 28 ม.ค. - 19 ก.พ. ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า, 4-8 ก.พ. กำหนดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส., 4-16 มี.ค. เลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร, 17 มี.ค. เลือกตั้งล่วงหน้า คาดว่าจะทำให้การหาเสียงเข้มข้น รวมถึงเม็ดเงินหาเสียงและโครงการค้างท่อต่างๆจะออกมามากขึ้น เป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก(CPALL ROBINS) กลุ่มแบงก์และไฟแนนซ์(KBANK BBL MTC) กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง(SCC SEAFCO CK STEC) และกลุ่มนิคมฯ(AMATA WHA)
(+) AOT เรายังแนะนำซื้อ แม้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันจะเหลือ Upside ไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 73 บาท แต่เพราะเรายังไม่ได้รวมส่วนเพิ่มจากการประมูลพื้นที่ Duty Free รอบใหม่ของสนามบินสุวรรณภูมิทั้งส่วนพื้นที่เดิมและ Satellite ซึ่งคาดว่าจะเปิด Upside ให้กับ AOT อีกพอควร ขณะที่ ระยะสั้น จะได้แรงหนุนจากคาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q19 (ต.ค.-ธ.ค. 18) ที่จะโดดเด่น 24% Q-Q และ 5% Y-Y อยู่ที่ 6,515 ลบ. เรายังคงคาดกำไรทั้งปีนี้ (ต.ค. 18 - ก.ย. 19) ที่ 27,133 ลบ. +8% Y-Y และจะโตต่ออีก 11% Y-Y อยู่ที่ 30,125 ลบ. ในปี 2020 จากการเปิดอาคาร Satellite ในแง่ของ Valuation ถือว่าไม่ถูกเมื่อเทียบกับสนามบินภูมิภาค แต่ก็สมเหตุสมผลเพราะการเติบโตไม่หยุดแค่นี้ และความผันผวนของกำไรรวมถึงความเสี่ยงทางการเงินก็ต่ำกว่ามาก
(+) M คาดกำไร 4Q18 +4% Q-Q, +28.8% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 703 ลบ. เพราะเป็น High Season และคาดไม่มีค่าใช้จ่ายโบนัสพิเศษเหมือนในปีก่อน จึงคาดกำไรสุทธิปี 2018 จะเติบโตได้ราว 10.1% Y-Y ระยะสั้นในช่วง 1Q19 คาดมีการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้นตามกฏหมายแรงงาน แต่เป็นค่าใช้จ่ายที่เป็น One-time และ Non-cash ส่วนปัจจัยหนุนการเติบโตในปีนี้จะมาจากทั้ง SSSG ที่คาดกลับมาฟื้นตัวได้มากขึ้นและการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง ถึงแม้แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบอาหารจะปรับตัวสูงขึ้นทั้งเป็ดและหมู แต่บริษัทได้มีการปรับขึ้นราคาอาหารเพื่อรองรับต้นทุนดังกล่าวไปแล้ว จึงกระทบอัตรากำไรขั้นต้นจำกัด เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2019 ไว้ที่ 2.9 พันลบ. โต 8.6% Y-Y และคงราคาเป้าหมายที่ 79 บาท คงคำแนะนำ ถือ
(+) PLANB คาดกำไร 4Q18 ยังดีเป็นระดับสูงสุดของปีที่ 183 ลบ. เพิ่มเล็กน้อย 2.7% Q-Q จากค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง แต่โตแรงเท่าตัว Y-Y จากฐานต่ำใน 4Q17 ที่มีผลกระทบจากงานพระราชพิธีราว 1 เดือน การใช้กำลังผลิตสื่อโฆษณาที่บริษัทได้พัฒนาในปีก่อนๆมากขึ้น การขยายพื้นที่สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น และการขยายตัวของตลาดโฆษณาสื่อนอกบ้านดีกว่าตลาดรวมต่อเนื่อง ทำให้มี Upside ของประมาณการกำไรในปี 2018-2019 ที่เดิมคาดโต 35% และ 22% ตามลำดับ ขณะที่การลงทุน 19.48% ใน BMN บ.ย่อยของ BEM ที่ทำธุรกิจสื่อในรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เป็นบวกระยะยาวเนื่องจากจะเพิ่มโอกาสได้บริหารสื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนขยายในอนาคต และยังมีโอกาสลงทุนเพิ่มในต่างประเทศ รวมทั้ง Sentiment ได้บวกจากการเลือกตั้ง ขณะที่ราคาหุ้นยังมี Upside ถึง 38% จากราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 8.20 บาท จึงคงคำแนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 ม.ค. - ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ม.ค.)
25 ม.ค. - พิจารณาเงื่อนไขซอง 4 รถไฟความเร็วสูง
28 ม.ค. - สหรัฐฯ: ดุลการค้า (พ.ย. 18)
31 ม.ค. - จีน: PMI ภาคการผลิต (ม.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น หลังบริษัทจดทะเบียนอย่าง P&G ประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังข่าวลือว่าสหรัฐอาจยกเลิกการเจรจากับจีน
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนยังคงรอดูกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มประกาศออกมา รวมถึงความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสหรัฐ-จีน
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.64 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง -0.39 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 52.62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเรื่องปริมาณความต้องการใช้น้ำมันดิบในปี 2019-20 ที่อาจชะลอตัวลง
(+) ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น +0.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1284.0 ดอลลาร์/ออนซ์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research