- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 January 2019 17:58
- Hits: 4021
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งขึ้นเด่นขานรับการประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง เพิ่มจิตวิทยาเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Big Cap นำโดย AOT SCB ADVANC INTUCH ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,617.3 จุด (+15.6 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.7 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.8 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 ที่ 686 ลบ. (กองทุนซื้อสุทธิ 6,382 ลบ.) และเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิที่ 1,362 สัญญา
Investment theme
เลือกตั้งเดินหน้าฟื้นความเชื่อมั่น / วันนี้แนะติดตามการประชุม กพช เพิ่มเติม: เมื่อวานที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 โดยหลังจากนั้นทางด้าน กกต. มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน เป็นวันที่ 24 มีนาคม 2562 และมั่นใจจะรับรองผลได้ทันภายใน 60 วัน ดังนั้นถือว่าการเลือกตั้งสามารถเดินหน้าได้ตามกำหนดการเดิม ซึ่งคาดจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น รวมถึงจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกต่อภาพการลงทุนในประเทศในช่วงถัดไป โดยวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเด่นสวนตลาดภูมิภาค ซึ่งเราประเมินว่าประเด็นนี้คาดจะช่วยประคอง SET แกว่งยืนเหนือระดับ 1600 จุดได้ โดยยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวในประเทศ (Domestic Plays) เน้นกลุ่มท่องเที่ยว, ค้าปลีก, โรงไฟฟ้า, ขนส่ง(ระบบราง) เด่น ส่วนประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาวันนี้ แนะติดตาม กระทรวงพลังงานคาดจะนำเสนอแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่ ต่อที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งคาดจะเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นของแผนพลังงานของประเทศในช่วงปี 2561-2580 รวมถึงประเด็นแนวทางการต่อสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้า SPP เพิ่มจิตวิทยาเชิงบวกกลุ่มโรงไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น
Investment Theme: เราประเมินเป้าหมาย SET สิ้นปีที่ 1,743 จุด อย่างไรก็ตามใน 1Q19 มองว่าจะเป็นช่วงที่มีความผันผวนสูงไม่ต่างจากไตรมาสที่ผ่านมา มองกรอบการแกว่งตัวบริเวณ 1,540-1,645 จุด คงคำแนะนำถือหุ้น BEM, EGCO, VGI, CPALL, BJC และทยอยสะสม AOT
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา : Brent ปรับลด -0.6% สู่ 61.1 เหรียญ/บาร์เรล แต่เริ่มมีสัญญาณรีบาวน์เช้านี้เล็กน้อย
แบ่งผลเจรจาการค้า 3 Cases
แบ่งผลเจรจาการค้าเป็น 3 Cases : ภายหลังการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจบลง เราคาดเร็วๆนี้ จะมีการแถลงผลการเจรจาอย่างเป็นทางการ โดยเราแบ่งผลลัพธ์เป็น 3 Cases นำโดย 1) Best case กล่าวคือยืนยันไม่ขึ้นอัตราภาษี 25% , ยกเลิกการขึ้นรอบใหม่ 2.67แสนล้านเหรียญ, ยกเลิกวงเงิน 2.5 แสนล้าน ที่มีอยู่ในปัจจุบันออก คาด SET ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้าน 1,645 จุด แนะซื้อ PTTEP, PSL, WICE และ 2) Base case กล่าวคือ ยืนยันไม่ขึ้นอัตราภาษี 25%, ยกเลิกการขึ้นรอบใหม่ 2.67 แสนล้านเหรียญ, แต่ยังคงภาษีวงเงินเดิม 2.5 แสนล้านเหรียญ คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,585-1,620 จุด แนะซื้อ AOT, TU และ 3) Worst case กล่าวคือขึ้นอัตราภาษี 25%, ขึ้นวงเงินภาษีอีก 2.67 แสนล้าน รวมเป็น 5.1 แสนล้านเหรียญ คาด SET เปิด Downside 1,540- จุด ซึ่งถือเป็นภาพจะส่งผลเสียต่อทั้งปัจจัยเศรษฐกิจโลก, การเมืองโลก
Trading idea - แผน PDP ฉบับใหม่คาดเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า (EGCO, GULF, RATCH, GPSC, BGRIM) / เน้นทยอยสะสมหุ้นใหญ่พื้นฐานดี (AOT, CPALL, BEM)
Technical View
เริ่ม Break กรอบ Downtrend หากย่อไม่หลุด 1600-1610 คาดไปต่อ: ดัชนีปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อของหุ้นแทบทุกกลุ่มใน Big Cap. ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านกรอบ Downtrend ประกอบกับ MACD ที่ยังส่งสัญญาณบวก ทำให้คาดว่าหากดัชนีอ่อนตัวไม่หลุดแนวรับระยะส้นบริเวณ 1600-1610 ดัชนียังคงมีโอกาสยืนเหนือ 1620 (แนวต้านกรอบ Downtrend) ซึ่งหากยืนได้ จะถือเป็นการสิ้นสุดแนวโน้มขาลง มองแนวต้านระยะกลางถัดไปที่ 1640 และ 1660 (EMA200Day) จังหวะอ่อนตัวยังมองเป็นโอกาสสะสมที่แนวรับ 1600-1610
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound พิจารณาแรงขายตามแนวต้าน 1640 และ 1660 เพื่อขายทำกำไรเล่นรอบ แต่หหากหลุด 1610 แนะนำ Lock profit และพิจารณาแนวรับถัดไปที่ 1600 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวหากไม่หลุดแนวรับ 1600-1610 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่น Rebound
แนวรับ : 1600, 1610 แนวต้าน : 1640, 1660
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ : แถลง Trade war
ปัจจัยในประเทศ : กกต. มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน เป็นวันที่ 24 มีนาคม 2562
หุ้นเทคนิค:
TPIPL (B 1.86-1.88, Tp 1.94//2.04, Cut 1.84)
BTS (9.50-9.70, Tp 10.00//10.50, Cut 9.40)
ข่าวเด่นเช้านี้
SCC ซื้อหุ้น JBC มูลค่า 17 ล้าน ขยายธุรกิจขนส่งสินค้าในกัมพูชา (ข่าวหุ้น)
SCC แจ้งบริษัทร่วมทุน JBT เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ JBC พร้อมทั้งมีแผนเพิ่มการลงทุน เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจขนส่งสินค้าในกัมพูชา รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 17 ล้านบาท คาดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน Q1/62
ความเห็น : SCC มีกระแสเงินสดในรูป EBITDA สูงถึง 8 หมื่นล้านบาท ขยายการลงทุนต่อเนื่อง ตั้งเป้าลงทุนปีนี้ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการปิโตรเคมี LSP ในเวียดนาม สำหรับการซื้อหุ้น JBC มูลค่า 17 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับขนาดสินทรัพย์ และ เป้าหมายการลงทุนของ SCC แต่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจโลจิสติกส์ของ SCC ในประเทศกัมพูชา เราคงแนะนำ ซื้อ SCC ในลักษณะลงทุน ประเมินเป้าหมาย 470 บาท
BGRIM-EGCO-GLOW ลุ้น! กพช.อนุมัติต่อสัญญา SPP (ข่าวหุ้น)
"BGRIM-EGCO-GLOW" รอข่าวดี! ลุ้นที่ประชุมกพช.วันนี้ ไฟเขียวมาตรการต่อสัญญาโรงไฟฟ้า SPP หนุน GPSC ทางสะดวกปิดดีลซื้อ GLOW ฉลุย! พร้อมชงแผน PDP ใหม่เข้าพิจารณา เปิดโอกาสรับซื้อโรงไฟฟ้า IPP รอบใหม่ "GULF-RATCH-GPSC-EGCO" รับผลบวก
ความเห็น : ยังคงต้องรอความชัดเจนการประชุม กพช. วันนี้ว่าจะอนุมัติแผน PDP หรือไม่อย่างไร เราประเมินว่าหากเป็นไปตามร่างที่นำเข้าสู่ Public hearing ในช่วงปลายปี กลุ่มที่จะได้รับผลบวกได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และเป็นโอกาสในการ Trading หุ้นในกลุ่ม ได้แก่ EGCO และ GULF ซึ่งเรามองเป็นผู้นำกลุ่ม ขณะที่กลุ่มถัดมาได้แก่ RATCH และ GPSC ส่วนประเด็นการต่ออายุ SPP หากมีความชัดเจนจะเป็นข่าวบวกต่อ BGRIM EGCO และ SPRC (ผ่าน GLOW) เราเลือก EGCO เป็น Top pick แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 273 บาท (รวมมูลค่าเพิ่มจาก Paju 14 บาท แล้ว)
EA-BCP รับข่าวดีภาครัฐหนุน B20 จ่อใช้ในรถบรรทุก หนุนดีมานด์ไบโอดีเซลพุ่ง (ข่าวหุ้น)
"EA-BCP" คว้าข่าวดีภาครัฐเดินหน้านโยบายใช้น้ำมัน B20 ในรถบรรทุกเต็มกำลัง ขับเคลื่อนดีมานด์ไบโอดีเซลในอนาคตขยายตัว-หนุนตลาดเกิดเสถียรภาพ ฟากหุ้น "GGC-UVAN-LST-CPI" จ่อรับผลบวกด้วย
ความเห็น : เรามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นข่าวนี้ เนื่องจาก B20 ยังใช้กับรถในวงจำกัด ขณะที่เรามองว่านโยบายเปลี่ยนไปใช้ B10 กับรถบนต์ทั่วไป จะช่วยสร้างอุปสงค์ที่มากกว่า ซึ่งจะส่งผลบวกต่อกลุ่มผู้ผลิต ได้แก่ GGC EA และ BBGI แนะนำ ทยอยสะสม BCP ราคาเป้าหมาย 39 บาท
ศก.ฟื้นดันยอดผลิต-ขาย รถปี 61 พุ่งสูงสุดรอบ 5 ปี (สยามรัฐ)
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์เดือนธ.ค.61 มียอดทั้งสิ้น 110,581 คัน สูงสุดในรอบ 60 เดือนนับตั้งแต่เดือน ม.ค.57 เนื่องจากมียอดจองรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์เดือน ธ.ค.61 ถึง 44,189 คัน จากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ประกอบกับเศรษฐกิจดีขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน มีการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศยังมีจำนวนมาก รวมทั้งความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น รวมยอดขายรถยนต์ในประเทศ ตลอดปี 2561 รวม 1,041,739 คัน สูงสุดในรอบ 5 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 19.5 ส่วนรถจักรยานยนต์ตลอดปีมียอดขายรวม1,788,323 คัน ลดลงจากปี 2560 ร้อยละ1.2
ความเห็น : ตัวเลขอุตสาหกรรมรถยนต์เดือน ธ.ค. แบ่งเป็น ยอดผลิตรถยนต์ เติบโต 169,355 คัน (-14%MoM, +8%YoY) ตลาดรถยนต์ในประเทศยังโตดี 113,581 คัน (+20%MoM, +9%YoY) แต่ ยอดส่งออกติดลบเล็กน้อย 95,407 คัน (+2%MoM, -0.45%YoY) สำหรับตัวเลข ปี 2561 ยอดผลิตรถยนต์ 2,167,694 คัน เพิ่มขึ้น +9%YoY ยอดขายในประเทศ 1,041,739 คัน เพิ่มขึ้น +20%YoY และ ยอดส่งออก 1,140,640 คัน เพิ่มขึ้น 0.08%YoY สภาอุตสาหกรรมประเมินยอดผลิตรถยนต์ปี 2562 เท่ากับ 2.15 ล้านคัน โต ติดลบเล็กน้อย 0.82% แบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1.05 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2.4% และ ผลิตเพื่อส่งออก 1.1 ล้านคัน ลดลง 3.7% ในขณะที่ค่ายรถยนต์โตโยต้าประเมินตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้จะเท่ากับ 1 ล้านคัน ติดลบจากปีก่อน 3.8% เราให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เท่าตลาด (Neutral) หุ้นที่เราแนะนำ ซื้อ ในกลุ่มคือ STANLY (เป้าหมาย 300 บาท) และ SAT (เป้าหมาย 25.5 บาท) ส่วน AH รอหลังประกาศงบปีเพราะกังวลในประเด็นการตั้งสำรองเงินลงทุนใน SGAH
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000