•    วันนี้มองดัชนี SET เคลื่อนไหวในรูปแบบ Sideway-Up โดยแม้มีแรงกดดันจากความไม่แน่นอนในต่างประเทศ แต่เรามองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว จากประเด็นประกาศวันเลือกตั้งภายในสัปดาห์นี้ และการคลายกังวลต่อ พรบ. ควบคุมราคายาที่ไม่รุนแรงดังที่ตลาดกังวล โดยมองแนวรับ 1,590 จุด และแนวต้าน 1,615 จุด

Market Factors

•    (+) นายแลร์รี คุดโลว์ปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่าสหรัฐฯ ยกเลิกการเจรจากับจีนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากไม่มีการประชุมในสัปดาห์นี้อยู่แล้ว มีเพียงการประชุมในสัปดาห์หน้ากับรองนายกรัฐมนตรีของจีนในวันที 30-31 ม.ค.นี้

•    (+) ครม. เห็นชอบศึกษาความเหมาะสมรูปแบบการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชุมพร-ระนองและพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราชภายใต้กรอบการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (SEC) 4 ด้านได้แก่ (1) การพัฒนาประตูการค้าฝั่งตะวันตก (2) การพัฒนาประตูสู่การท่องเที่ยวอ่าวไทยและอันดามัน (3) การพัฒนาอุตสาหกรรมฐานชีวภาพและการแปรรูปการเกษตรมูลค่าสูงและ (4) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติการส่งเสริมวัฒนธรรมและการพัฒนาเมืองน่าอยู่จำนวน116 โครงการวงเงินปี62-65 รวม106,790.13 ล้านบาทช่วยหนุนเศรษฐกิจในพื้นที่ดังกล่าวขยายตัวได้เฉลี่ยปีละ5% ในช่วง10 ปีแรกของการพัฒนา, จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านคนต่อปี, มีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมกว่า2 แสนล้านบาทและเสริมศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์โดยลดระยะเวลาขนส่งจากท่าเรือแหลมฉบังไปเอเชียใต้จาก 9-15 วันเหลือ 4-7 วัน

•    (+) ครม. เห็นชอบนำค่ายา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ เข้าเป็นสินค้าและบริการควบคุมประจำปี 62  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าจะไม่ดำเนินการในรูปแบบการกำหนดราคาเพดานการรักษาพยาบาลดังที่หลายฝ่ายกังวล

•    (+) ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดท่องเที่ยวไทยช่วงตรุษจีน เม็ดเงินสะพัดจาก นทท.ทั้งในและต่างประเทศกว่า 2.8 หมื่น โดยจำนวน นทท.ต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย ระหว่างวันที่ 4-10 ก.พ.นี้ เพิ่มขึ้น 8%YoY สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 24,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5%YoY  ส่วนตลาดจีน คาด นทท.จีนเดินทางเข้าไทยกว่า 333,000 คน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยเสริมสนับสนุนจากมาตรการยกเว้น Visa on Arrival (VoA) และยอดการจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าที่ดี (กรุงเทพธุรกิจ)

•    สัปดาห์นี้ คาดว่า SET Index จะกลับมาสามารถยืนในแดนบวกและเคลื่อนไหวแบบ Sideway up โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติ เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 17.0x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.7x และ ไทยเทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.7x บวกกับ Sentiment เชิงบวกความชัดเจนในการกำหนดวันเลือกตั้ง ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น + 1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้

1.    (+) กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้นหลัง ธปท. เตรียมจัดประชุมชี้แจงเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกันในวันที่ 25 ม.ค. นี้โดยจากข้อมูลสรุปเบื้องต้นของธปท. ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน28% ซึ่งเรามองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำ SAWAD (คาดปี 62 กำไรโต 32.1%YoY จากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%YoY สอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของ Yield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%YoY ทำNew High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมีNPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และAMANAH (ปี62คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)

2.    กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า1,000 ไร่พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1 แสน ตรม.), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64) 

3.    กลุ่มโรงไฟฟ้า: ลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และเราเลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า ได้แก่ BGRIM ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 682MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.77GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 3.13GW, BPP ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 312MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.48GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 68 ที่ 4.3GW, GUNKUL ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าโซลาร์อีก 105MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 401MW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 543MW.

4.    หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่น บวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), HARN (อานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หนุนธุรกิจสินค้านำเข้ามีมาร์จิ้นดีขึ้น บวกกับ เป้าการเติบโตปี 61 ที่ 10.7%YoY และ ปี 62 ที่ 8.2%YoY Backlog ณ สิ้น 3Q61 ที่ 414 ลบ.)

  

    22-Jan-19    Change (pts.)    21-Jan-19

SET Index    1,601.77    13.39    1,588.38

SET50 Index    1,073.73    9.16    1,064.57

SET100 Index    2,354.34    22.63    2,331.71

  

High    1,601.80    Gainers   840 

Low    1,586.19    Unchanged    433

Value (Bt m)    49,265.90    Losers   486 

Volume (*000)    12,678,179          

 

SET Data    2018F    2019F    Long Term

Fwd PER (x)    14.1    13.1    No Data

EPS Growth (%)    13.9    9.3    No Data

EV/EBITDA (x)    9.7    9.2    No Data

FWD PBV (x)    1.7    1.6    No Data

Dividend Yield (%)    3.4    3.6    No Data

ROE    11.8    11.9    No Data

 

Unit : M Bt    22-Jan-19    WTD    MTD    YTD

Institution    1,293.88    4,155.13    145.54    145.54

Proprietary    22.89    (530.37)    (1,420.53)    (1,420.53)

Foreign     (1,244.47)    (2,390.22)    1,021.77    1,021.77

Individual    (72.30)    (1,234.54)    253.23    253.23