ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้น 13.39 จุด (+0.84%) ปิดที่ 1,602 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท จากความคาดหวังกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนภายในเร็ววันนี้ ประกอบกับแรงซื้อกลุ่ม Health หลังครม.เห็นชอบค่ายาและค่าบริการทางการแพทย์เป็นสินค้าควบคุมแต่ใช้แนวทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลให้ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นแรงสวนทางทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคได้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 1,244 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,487 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 9,464 สัญญา 

          แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: คาด SET Index แกว่งตัว 1,595 - 1,610 จุด โดยภาวะตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคาดหวังกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนในระยะเวลาอันใกล้นี้ รวมถึงจีนเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ด้วยนโยบายการเงินและการคลัง อย่างไรก็ตามความกังวลการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกกลับมากดดันภาวะตลาดอีกครั้งหลัง IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้าลงเหลือ 3.5% และ 3.6% ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีแรงฉุดจากความไม่แน่นอนในการเจรจาการค้าหลังสหรัฐปฏิเสธการเจรจาการค้ากับจีนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องกฏระเบียบเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ประกอบกับราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจะเป็นตัวถ่วงต่อกลุ่มพลังงานและดัชนีให้มีความผันผวนด้วยเช่นกัน

 

          - กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และคาดจำนวนนทท.จีนขยายตัวขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน 

          - กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ยอดใช้จ่ายเพิ่มในช่วงปลายปีและนโยบายกระตุ้นภาครัฐ หุ้น Defensive Stock ในช่วงตลาดผันผวน (BEM, BGRIM, TPIPP และ TTW) 

          - กลุ่มอาหาร (TU , ASIAN) EU ปลดธงเหลืองต่อการนำเข้าสินค้าประมงของไทย (CPF, GFPT) อานิสงส์ราคาไก่และ By product ปรับตัวขึ้น STEC AMATA WHA ได้ประโยชน์จากกรอบเวลาการเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้น 

          หุ้นแนะนำวันนี้:BGRIM (ปิด 29 ซื้อ/เป้า 33) เก็งกำไร กพช.ประชุมเรื่องต่อสัญญาอายุโรงไฟฟ้าเดิมที่จะหมดอายุในวันพรุ่งนี้เป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ขณะที่ระยะกลางถึงยาว BGRIM มี Growth story จากเมกะวัตต์ที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม, BEM (ปิด 9.95 ซื้อ/เป้า 11.5) ยังมั่นใจได้ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนอีก 37 ปี เพิ่ม Valuation ให้ BEM 2.9 บาทต่อหุ้น อีกทั้งยังปลดล็อก Overhang ของสัญญาสัมปทานเดิมที่จะหมดอายุในปี 2020, SCB (ปิด 127 ซื้อเก็งกำไร/เป้า 140 บาท) ราคาหุ้นลดลงแรงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วง 4Q18 ไปแล้ว แนะนำเก็งกำไรคาดหวังเกิด Technical rebound ในช่วงสั้น 

          Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS 

          KSS report วันนี้ : GPSC (ปิด 58.25 ถือ/เป้า 62), SPALI  (ปิด 18.6 ซื้อ/เป้า 20.5), TMB  (ปิด 2.18 ถือ/เป้า 2.5)

 

          (-) เจรจา จีน- สหรัฐ เริ่มติดขัด ล่าสุดมีข่าวสหรัฐยกเลิกการประชุมที่จะมีขึ้นกับเจ้าหน้าจีนในสัปดาห์นี้จากความเห็นขัดแย้งในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา : เจรจายุติข้อพิพาทระหว่างจีนและสหรัฐเริ่มติดขัด จาก 1) มีข่าวสหรัฐยกเลิกการประชุมระหว่าง นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR กับ ตัวแทนการค้าของจีนซึ่งเป็นระดับรัฐมนตรีช่วย 2 ราย เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นขัดแย้งกันในเรื่องกฏระเบียบและกฏเกณฑ์ทรัพย์สินทางปัญญา 2) สหรัฐจะยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการเพื่อขอให้แคนาดาส่งตัวนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี กลับมาดำเนินคดีในสหรัฐนั้น สร้างความกังวลว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นผลลบต่อการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศ

          (-) ดาวโจนส์ร่วง 300 จุด, น้ำมันดิบลดลง 2.3% กังวลเจรจา จีน- สหรัฐ หยุดชะงัก และ กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว : ตลาดหุ้นดาวโจนส์ และ ราคาน้ำมันดิบ WTI ตอบรับในทางลบจากการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐที่เริ่มติดขัด โดยดาวโจนส์ลดลง 301.87 จุด หรือ -1.22% ปิดที่ 24,404.48 จุด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 52.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจาก IMF ปรับลดคาดการณ์ Word GDP ในปีนี้เป็นขยายตัว 3.5% จากเดิม 3.7% และจีนประกาศ GDP ไตรมาส 4/18 ขยายตัว 6.4% ส่งผลให้รวมทั้งปีขยายตัว 6.6% ต่ำสุดในรอบ 28 ปี

          (+) กลุ่มโรงพยาบาล - คลายกังวลรัฐแค่ประกาศให้ยาและบริการทางการแพทย์เป็นสินค้าควบคุม ไม่ได้แทรกแซงหรือควบคุมเพดานราคา : วานนี้ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบกำหนดให้ ยา เวชภัณฑ์ และ บริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุมตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เป็นผู้เสนอ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดของมาตรการ โดยจากนี้จะตั้งคณะอนุกรรมการที่มีตัวแทนจาก รัฐ, รพ.เอกชน รวมถึงภาคประชาชน มาออกมาตรการที่เป็นธรรมร่วมกัน ซึ่งการประกาศครั้งนี้รัฐไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเข้ามาแทรกแซงหรือคุมเพดานราคา เพียงแค่ต้องการเปิดช่องให้ภาครัฐสามารถเข้าตรวจสอบและออกมาตรการที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายเหมือนกับรายการสินค้าควบคุมอื่นๆที่เคยประกาศมาเท่านั้น

          (+/-) พรุ่งนี้ติดตามการประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0% ตามเดิม และติดตามการประชุม กพช.  ลุ้นต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าที่จะหมดอายุเป็นบวกกับกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP