- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 January 2019 14:59
- Hits: 1779
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“คลายกังวลสงครามการค้า น้ำมันปรับขึ้นดี”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ฟื้นตัวอีก +3.47 จุด ปิดที่ 1583.77 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 48.3 พันล้านบาท สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่ปรับขึ้น ความคาดหวังสหรัฐลดภาษีนำเข้าให้จีน การเลือกตั้งไทยเลื่อนไม่ไกลเป็น 24 มี.ค.62 และระยะนี้เงินบาทแข็งค่าเร็ว มี Flow เข้าตลาดหุ้น อีกทั้งต่างชาติซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง 3.4 พันลบ.ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน แม้หลักทรัพย์กลุ่มสถาบันการเงินฉุด SET หลัง SCB กำไรต่ำกว่าคาด และกลุ่มไฟแนนซ์มีความสับสนว่าปล่อยกู้แบบพิโกไฟแนนซ์หรือไม่ ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ ต่างชาติ 2.9 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อเล็กน้อย ส่วนผู้ขายสุทธิเป็น สถาบัน 2.7 พันลบ. และรายย่อย 0.4 พันลบ.ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาดว่า SET จะ Sideways ในเชิงบวก ดาวโจนส์ปรับขึ้นหลังมีข่าวจีนจะนำเข้าสินค้าสหรัฐเพิ่มจนขาดดุลการค้าเป็นศูนย์ ทีมงานทรัมป์กำลังพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าให้จีน ราคาน้ำมันปรับขึ้นดี ตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐดีขึ้น เงินบาทแข็ง หุ้นเพื่อนบ้านปรับขึ้น
# แต่ปัจจัยลบคือ ดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้ากลับปรับลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทยอยปรับตัวเพิ่ม ล่าสุด 2.785%
# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น หากมีการรีบาวด์ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1590-1600 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง รออ่อนตัว แนวรับที่ 1560-1550 จุด ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีหุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น SVI : บรรลุเป้าหมายยอดขาย ล้านดอลลาร์ 482สำเร็จในปี 61 แนวโน้มปี 1 สดใส โดยใน 62Qล้านดอลลาร์ 156 มีคำสั่งซื้อในมือแข็งแกร่งประมาณ 61145 โดยจะส่งมอบล้านดอลลาร์ใน 1Q โดย 62Key growth มาจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาดและยานยนต์ นอกจากนั้นยังได้รับ คำสั่งซื้อใหญ่จากลูกค้าที่ 2ย้ายมาจากจีนหลังเกิดสงครามการค้า ด้านการขยายธุรกิจเป็นไปตามแผน ทั้งโรงงานที่กัมพูชา สโลวาเกีย และเม็กซิโก หนุนการเติบโตในอนาคต คงคำแนะนำซื้อให้ราคาพื้นฐาน 7.20 บาท อิงกับ P/E ปี 61 เท่า โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 16 ที่ 62-66 จะเติบโตแข็งแกร่งมาก 63%/31%/20% ตามลำดับ ฐานะการเงินเป็นเงินสดสุทธิ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนจะเป็นบวกเล็กๆ แต่ก็“ไม่ชัด” {“ปิดบวก”เล็กน้อย, ใต้“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มีOversoldในกราฟรายนาทีเดิม“หนุน”ต่อ) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1590 – 1600 (หรือ 1610) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1580” จุด}
ส่วนหุ้นเข้ามาใหม่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคหรือมีโอกาสทำ New High ได้ คือ S,TOP,GLOW,PTTGC,MINT ด้านหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BANPU,ROBINSสำหรับหุ้นที่หลุด List คือ ASIAN,VIBHA,SAT และหุ้นอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit CPALL,AOT,THCOM
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Stock in Focus : DRT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.50)
Flash Note : CPN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 85.00)
KBANK (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 270.00)
LPN (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.40)
TU (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 19.70)
In The News : ข่าวเด่น
Turnover List Watch : ไม่มีหลักทรัพย์ติด Cash Balance สัปดาห์นี้
New Listing : WIIK-W2
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+จีน: เสนอแผนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่ม ให้ขาดดุลการค้าสหรัฐเป็นศูนย์
# จีนเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีต่อจีนให้เหลือศูนย์ภายในปี 2567จากที่ขาดดุลการค้าต่อจีนจำนวน 3.23 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว รายงานดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ทางการจีนยืนยันว่านายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางเยือนสหรัฐในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อเปิดการเจรจากับสหรัฐรอบใหม่
+ สหรัฐ: คณะทำงานทรัมป์จะพิจารณาลดภาษีให้จีน
# สัปดาห์ที่แล้วหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหารือกันเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งอาจจะเป็นการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทหรืออาจจะยกเลิกทั้งหมด โดยมีเป้าหมายที่จะลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ
# รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเป็นผู้เสนอแนวทางดังกล่าว โดยมีเป้าหมายที่จะโน้มน้าวให้จีนยอมทำข้อตกลงการค้าทวิภาคี และเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน
+/- สหรัฐ: ตัวเลขภาคการผลิตภาคอุตสาหกรรมสดใส แต่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง
# เฟดเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 76.5% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 75.8 ในเดือนพ.ย.
# แต่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 90.7 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2559โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 96.4 หลังจากแตะระดับ 98.3 ในเดือนธ.ค.
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้นสูง สะท้อนข่าวสะท้อนข่าวสงครามการค้าใกล้ปิดฉาก
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,706.35 จุด เพิ่มขึ้น 336.25 จุด หรือ 1.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,670.71จุด เพิ่มขึ้น 34.75 จุด หรือ 1.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,157.23 จุด เพิ่มขึ้น 72.76 จุด หรือ 1.03%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันศุกร์ (18 ม.ค.) โดยภาวะการซื้อขายได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐกำลังพิจารณาที่จะการผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ขณะที่จีนเองก็ได้เสนอเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจได้รับการแก้ไขในเร็ววันนอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยบดบังความกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐที่ยังคงยืดเยื้อ รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่น่าผิดหวัง
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ปรับขึ้นดี สะท้อนโอเปกลดกำลังการผลิตลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.73 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 53.80 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น4.3% ตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 62.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ทั้งสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3.7%
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 3% ในวันศุกร์ (18 ม.ค.) หลังมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้แรงหนุน หลังมีสัญญาณที่ดีว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังจะได้รับการคลี่คลายในเร็ววันนี้ ขณะเดียวกัน เบเกอร์ ฮิวจ์ เผยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ในสหรัฐลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีส่วนสนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปิดปรับลง หันเข้าหาตลาดหุ้น และดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 9.70 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่1,282.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลง 0.5% ในรอบสัปดาห์ ซึ่งเป็นการลดลงสัปดาห์แรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธ.ค.
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงในวันศุกร์ (18 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและดอลลาร์สหรัฐ หลังตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/• หลักทรัพย์ทำสินเชื่อประเภทจำนำป้ายทะเบียนรถปรับลง กังวลเกณฑ์ที่เข้มขึ้น
# กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นควรให้มีการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อดังกล่าวในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมได้รับการบริการจากผู้ประกอบธุรกิจอย่างเป็นธรรม หลังจากมีการประกอบธุรกิจประเภทการให้กู้ยืมเงินโดยมีทะเบียนรถเป็นประกันอย่างแพร่หลาย
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจประเภทนี้ เช่น MTC, SAWAD ปรับลง เพราะกังวลเกณฑ์ที่เข้มขึ้น แต่บริษัทพยายามชี้แจงว่าไม่ได้ทำธุรกิจเป็นสินเชื่อประเภท พิโกไฟแนนซ์ที่ถูกจำกัดให้ปล่อยกู้ได้ไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อราย และเป็นรายจังหวัด แต่ปัจจุบันปล่อยกู้ได้ไม่มีข้อจำกัด และทำได้ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามต้องรอดูประกาศแท้จริงของ ธปท.และกระทรวงการคลัง
+ การเมืองไทย: ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
# นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งว่า ในวันนี้คณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งมีข้อสรุปใน 2 เรื่อง คือ 1.การคัดสรรผู้ลงสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต ครบทั้ง 350 เขตแล้ว ซึ่งมีผู้ที่แจ้งความประสงค์เกินจำนวนทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ และ 2.การจัดทำนโยบายพรรคเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการเปิดตัวผู้สมัครและนโยบายทันทีหลังมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. (Aspen)
• การเตรียมตัวรับเหตุการณ์ Brexist ของอังกฤษ
# กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองของสหราชอาณาจักรอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในส่วนที่จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรป (อียู) เนื่องจากจะมีผลต่อการค้ากับไทยได้ต่างกันในแต่ละกรณี
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]