- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 January 2019 14:45
- Hits: 1822
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open
Market summary
เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งบวกเล็กน้อย โดยแรงแรงหนุนสำคัญมาจากการซื้อหุ้น Global Play นำโดยกลุ่มพลังงานทั้ง PTT, PTTEP และ PTTGC รวมถึง AOT แต่ดัชนียังถูกจำกัดช่วงบวกจากแรงขายหุ้นกลุ่มการเงินนำโดยธนาคารใหญ่ทั้ง SCB KTB และ BBL กดดันจากกังวลงบ 4Q61 โดย ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,583.77 จุด (+3.47 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.82 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.18 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 ที่ 2,902.08 ล้านบาท องทุนพลิกกลับมาขายสุทธิ 2,737.16 ล้านบาท) และเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิที่ 9,925 สัญญา
Investment theme
ยังคงต้องระมัดระวังกลุ่ม BANK ขณะที่ปัจจัยภายนอกดูดีขึ้น : ภาพรวมการรายงานผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าออกมาไม่ค่อยดีนัก โดยปัจจุบันรายงานออกมาแล้ว 6 แห่งพบว่า ต่ำกว่าตลาดคาด 3 แห่ง คือ SCB, KKP และ BBL ต่ำกว่าคาด -29%, -12% และ -11% ตามลำดับ ในขณะที่อีก 3 แห่งที่เหลือคือ KBANK TISCO และ BAY ทำได้เพียงใกล้เคียงกับตลาดคาดเท่านั้น ทำให้ภาพรวมการลงทุนโดยรวมในกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดยังเป็นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ดังนั้นโดยรวมเรายังคงแนะหลีกเลี่ยงกลุ่มนี้ไปก่อน อย่างไรก็ดีตลาดยังคงมีปัจจัยบวกมาสนับสนุนเพิ่มเติม จากความคาดหวังเชิงบวกต่อการผ่อนคลายของประเด็นสงครามการค้าโลก โดยคาดด้าน US มีโอกาสผ่อนคลายการเรียกเก็บภาษีจากจีน ขณะที่ในฝั่งจีนเองก็มีโอกาสที่จะนำเข้าสินค้าจากทางด้าน US เพิ่มมากขึ้น กว่า 1 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งหากเป็นไปดังนี้จริงก็จะเพิ่มแรงหนุนต่อาภาพสินทรัพย์เสี่ยงโลกได้ ส่วนด้านปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้ แนะ 21-22 มค. ติดตามที่ประชุม กทพ.พิจารณาคดีความและการต่อสัมปทานทางด่วน BEM / 22 มค. จับตา ครม.พิจารณา คุมค่ารักษาพยาบาล / 24 มีค. กพช. เปิดรายละเอียดแผน PDP
ฉบับใหม่ / 25 มค. ถกรอบสอง ข้อเสนอรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ของกลุ่ม CP และพันธมิตร
Investment Theme: เราประเมินเป้าหมาย SET สิ้นปีที่ 1,743 จุด อย่างไรก็ตามใน 1Q19 มองว่าจะเป็นช่วงที่มีความผันผวนสูงไม่ต่างจากไตรมาสที่ผ่านมา มองกรอบการแกว่งตัวบริเวณ 1,540-1,645 จุด คงคำแนะนำถือหุ้น BEM, EGCO, VGI, CPALL, BJC และทยอยสะสม AOT
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา : การรายงานกำไร บ.จดทะเบียน 4Q61 วานนี้ พบว่า BBL ต่ำกว่าตลาดคาด -11% และ KKP ต่ำกว่าตลาดคาด -12%
แบ่งผลเจรจาการค้า 3 Cases
แบ่งผลเจรจาการค้าเป็น 3 Cases : ภายหลังการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจบลง เราคาดเร็วๆนี้ จะมีการแถลงผลการเจรจาอย่างเป็นทางการ โดยเราแบ่งผลลัพธ์เป็น 3 Cases นำโดย 1) Best case กล่าวคือยืนยันไม่ขึ้นอัตราภาษี 25% , ยกเลิกการขึ้นรอบใหม่ 2.67แสนล้านเหรียญ, ยกเลิกวงเงิน 2.5 แสนล้าน ที่มีอยู่ในปัจจุบันออก คาด SET ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้าน 1,645 จุด แนะซื้อ PTTEP, PSL, WICE และ 2) Base case กล่าวคือ ยืนยันไม่ขึ้นอัตราภาษี 25%, ยกเลิกการขึ้นรอบใหม่ 2.67 แสนล้านเหรียญ, แต่ยังคงภาษีวงเงินเดิม 2.5 แสนล้านเหรียญ คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,585-1,620 จุด แนะซื้อ AOT, TU และ 3) Worst case กล่าวคือขึ้นอัตราภาษี 25%, ขึ้นวงเงินภาษีอีก 2.67 แสนล้าน รวมเป็น 5.1 แสนล้านเหรียญ คาด SET เปิด Downside 1,540- จุด ซึ่งถือเป็นภาพจะส่งผลเสียต่อทั้งปัจจัยเศรษฐกิจโลก, การเมืองโลก
Trading idea - วันนี้แนะย่อตั้งรับกลุ่ม Big Caps ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี (AOT BEM EGCO CPF CPALL) และ กลุ่มปันผลสูง (LH, SCCC, RATCH, MAJOR)
Technical View
ระยะสั้นย่อตัวไม่หลุด 1580 มองว่ามีโอกาสทดสอบแนวต้าน 1600: ดัชนีโดนแรงขายกดดันอย่างหนักในกลุ่มธนาคาร แต่มีแรงซื้อช่วยพยุงจากกลุ่มพลังงาน ทำให้โดยรวมดัชนียังแกว่งออกข้างในกรอบ 1580-1590 จากแรงหนุนของราคาน้ำมัน Brent ที่ปิด +2.48% ทำให้คาดว่าวันนี้ดัชนีจะปรับตัวขึ้นต่อ ตามกรอบ Uptrend ย่อย โดยภาขยในวันหากอ่อนตัวไม่หลุด 1580 มองเป็นโอกาสเล่น Rebound สั้น เพื่อทดสอบแนวต้านที่ 1595 และ 1605 ที่แนวต้านทั้งสองยังแนะนำขายทำกำไรเล่นรอบ
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: หากหลุด 1580 มองเป็นโอกาสซื้อหุ้นเพื่อเล่น Rebound ไปขายตามแนวต้าน 1595 และ 1605 โดยหากหลุด 1580 แนะนำ Lock Profit เช่นกัน 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวหากไม่หลุดแนวรับ 1580 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่น Rebound
แนวรับ : 1570, 1580 แนวต้าน : 1595, 1605
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ : แถลง Trade war / การปลดล็อก Gov Shutdown
ปัจจัยในประเทศ : จับตารัฐบาลแถลงประเด็นการเลื่อนการเลือกตั้ง, จับตา กพช.หารือ 24 ม.ค. / แหล่งข่าวระบุ กกต.เตรียมประกาศวันเลือกตั้งไม่เกิน 26 ม.ค.
หุ้นเทคนิค:
BEM (B 9.70-9.90, Tp 10.40//11.00, Cut 9.60)
GPSC (55.00-57.00, Tp 59.00//62.00, Cut 54.00)
ข่าวเด่นเช้านี้
ดีล'ไฮสปีด'ยืดเยื้อปัด8ข้อเสนอ'ซีพี' (กรุงเทพธุรกิจ)
คณะกรรมการคัดเลือกประมูล รถไฟเร็วสูง 3 สนามบิน พิจารณา 11 ข้อเสนอของ "ซีพี" รับแค่ 3 ไม่รับ 8 ข้อเสนอ เผย "ซีพี" ห่วงต้องหาสินเชื่อเอง กังวลดอกเบี้ยสูง โครงการไปไม่รอด ชงแผนลดความเสี่ยงคาดส่งผลโครงการยืดเยื้อเสนอ ครม.ไม่ทันภายใน 31 ม.ค.นี้ เล็งเปิดรอบเจรจาใหม่สัปดาห์หน้า
ความเห็น : รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน การเจรจาในเงื่อนไขซอง 4 (ข้อเสนอเพิ่มเติม) ซึ่งทางกลุ่มซีพีเสนอ ยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยคณะกรรมการคัดเลือกจะนัดเจรจาใหม่วันที่ 25 ม.ค. ทำให้การลงนามจะไม่ทันวันที่ 31 ม.ค. เราแบ่งเป็น 3 กรณี คือ 1.) มีการเจรจา แล้วกลุ่ม CP ยอมลดเงื่อนไข และ ตกลงกันได้ 2.) กรณีมีการเจรจา และ ตกลงกันไม่ได้ ทาง รฟท. ก็จะเจรจากับกลุ่มที่เสนอราคาอันดับสอง คือ กลุ่ม BTS 3.) กรณีที่เจรจากับกลุ่ม CP และ BTS ล้มเหลว ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ กรณีนี้จะส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในพื้นที่ EEC
แผ่นดินทองรุกบ้านเดี่ยวเล็งทำเลอีอีซี (ไทยโพสต์)
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ โกลเด้นแลนด์ (GOLD) เปิดเผยว่า ในปี 2562 บริษัทได้ตั้งเป้าให้เป็นปีแห่ง "การเก็บเกี่ยวความสำเร็จ" ซึ่งบริษัทจะมีการเดินหน้าพัฒนานีโอโฮม โดยมีแนวคิดมาจากความต้องการบ้านของคนเมือง เป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 7-10 ล้านบาท รวมถึงการขยายตลาดและเพิ่มโครงการทาวน์โฮม พร้อมบุกทำเลใหม่ๆ อย่างไรก็ ตามบริษัทได้ปรับเป้ารับรู้รายได้ของบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 25% เป็น 5,000 ล้านบาท
ความเห็น : เรายังชอบและคงคำแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 13.60 บาท/หุ้น โดย GOLD โดดเด่นทั้งรายได้และกำไรสุทธิที่เป็น New Record High ขณะที่ Presales แม้การเติบโตจะก้าวกระโดดมาหลายปีและในปีนี้ตั้งเป้าทรงตัวซึ่งเรามองว่าเนื่องจาก GOLD เพิ่มความกังวลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้แต่เราเชื่อว่าจะไม่กระทบกับประมาณการเนื่องมี Secured Revenue สูง เราคงประมาณการรายได้ของปี 2562 ที่ 19,357 ล้านบาท (+23% YoY) คาดกำไรสุทธิเท่ากับ 2,505 ล้านบาท (+19.3% YoY)
LPN รายได้ปีนี้พุ่ง 1.35 หมื่นล้าน เล็งเปิด 16 โครงการ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท (ข่าวหุ้น)
"แอลพีเอ็น" ปักธงปี 62 ปั๊มรายได้รวมพุ่ง 1.35 หมื่นล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อกรอบุ๊ก 9 พันล้านบาท และมีสินค้าพร้อมอยู่อีกกว่า 7 พันล้านบาท เล็งเปิดโครงการใหม่ 15-16 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปี 62 โกยยอดขาย 1.6 หมื่นล้านบาท จ่อออกหุ้นกู้ 4 พันล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยจ่าย 50-60 ล้านบาท/ปี
ความเห็น : เราคงคำแนะนำ HOLD สำหรับ LPN ระยะสั้นคือผลประกอบการของ 4Q61 ที่เด่นและมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลของ 2H61 ที่ 5% อย่างไรก็ตามปี 2562 เป็นต้นไป LPN จะปรับกลยุทธ์เป็นเน้นพัฒนาบ้านเดี่ยวในทุกระดับตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากแนวราบขั้นต่ำ 25% เรามองว่าควรลดระดับเป้า PER ลงจากเดิมที่มี Premium เนื่องจากคาดหวังรายได้ได้ชัดเจนจากการเป็นธุรกิจคอนโดมิเนียม ดังนั้นเราให้ PER ที่ 7.6 เท่าหรือเท่ากับ -1SD และมีราคาเป้าหมายในปีนี้ที่ 8.00 บาท/หุ้น
แลนด์ซุ่มขึ้นคอนโด 4 แท่งรับรัฐสภาใหม่ (ประชาชาติธุรกิจ)
เปิดแผนปีหมูค่ายแลนด์ฯ ตั้งเป้า 3.3 หมื่นล้าน ขอโต 10% ลุยหนักแนวราบ ชี้อสังหาฯ ขาลง เผย "ขายโครงการที่สหรัฐ-โฮมโปร-คิวเฮ้าส์" ทำกำไร จ่อขายโรงแรมเข้ากองทุน REIT ออกหุ้นกู้อีกหมื่นล้าน ซุ่มซื้อที่โรงไม้เก่าย่านสามเสน ขึ้นคอนโดฯแนวใหม่ 4 แท่ง ริมเจ้าพระยา รับรัฐสภาใหม่ เจาะลูกค้าราชการ
ความเห็น : แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมายที่ 11.40 บาท/หุ้น โดยมองว่า LH ในปีนี้ยังสามารถปรับตัวและบริหารความเสี่ยงได้ดี โดยเน้นการเติบโตจากธุรกิจเช่า การขายสินทรัพย์เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนและสร้างกำไรพิเศษ รวมทั้งการหยุดเปิดโครงการคอนโดมิเนีย LH เป็นหุ้นที่มี Payout เงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 7.5%+/- ต่อปี เราจึงแนะนำเป็น Dividend Stock สำหรับนักลงทุนระยะยาว
เอกชนลุ้นร่างพีดีพีชง 'กพช.' 24 ม.ค. หวังก.พลังงานจะปรับปรุงแก้ไขใหม่ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา)
ภาคเอกชนลุ้นแผนพีดีพีใหม่ชง "กพช." 24 ม.ค.นี้จะมีการปรับปรุงแก้ไขตามที่หลายฝ่ายเสนอ โดยสมาคมอุตฯเซลล์แสงอาทิตย์ไทยหวังบรรจุแผนส่งเสริม IPS ไว้ประกอบด้วยเพื่อให้ระบบซื้อขายไฟฟ้ากันเอง ไมโครกริด Blockchain มีหน่วยงานดูแลติดตาม ขณะที่ "ส.อ.ท." เผยรัฐเคลียร์ข้อสงสัยแล้วแต่ก็ยังมีบางข้อที่เห็นว่าควรปรับปรุง
ความเห็น : เรามีมุมมองบวกต่อแผน PDP ใหม่ที่จะหนุนความน่าสนใจของกลุ่ม IPP จากโอกาสประมูลโรงไฟฟ้าภาคตะวันตก 2 โรง ทั้งนี้หากร่าง PDP ผ่านความเห็นชอบจาก กพช. ในวันที่ 24 ม.ค. 2562 ด้วยรายละเอียดที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิม โอกาสเก็งกำไรกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ EGCO GULF GPSC และ RATCH จะกลับมาอีกครั้ง ขณะที่หากมีความชัดเจนประเด็นการต่ออายุ SPP จะเป็นประเด็นบวกต่อ BGRIM EGCO และ GPSC (ผ่าน GLOW) เราเลือก EGCO เป็น Top Pick เป้าหมาย 273 บาท (รวมมูลค่าโรงไฟฟ้า Paju 14 บาทต่อหุ้น แล้ว) ส่วนกลุ่มพลังงานทดแทนเรามองว่ายังมีความไม่ชัดเจนในแง่แผนการรับซื้อและอัตรารับซื้อที่อาจจะไม่จูงใจ ส่งผลต่อ Outlook การเติบโตข้างหน้า แนะนำชะลอลงทุนไปก่อน
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000