WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
“ล่าสุด...ปฏิเสธข่าวสหรัฐกำลังลดภาษีให้จีน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้รีบาวด์ +2.89 จุด ปิดที่ 1580.30 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางที่ 41.8 พันล้านบาท สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ที่Sideways กลับมามีแรงซื้อจากความคาดหวังการเลือกตั้งเลื่อนไม่ไกลเป็น 24 มี.ค.62 และระยะนี้เงินบาทแข็งค่าเร็ว มี Flow เข้า อีกทั้งต้นเดือนถึงปัจจุบัน ต่างชาติซื้อสุทธิ 510 ล้านบาทแล้ว วานนี้ผู้ซื้อสุทธิคือ สถาบัน 0.6 พันลบ. และนักลงทุนต่างประเทศ 0.5 พันลบ. ผู้ขายสุทธิเป็น รายย่อย 0.8 พันลบ. และพอร์ตโบรกเกอร์0.3 พันลบ. ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาดว่า SET จะ Sideways ในเชิงบวก ดาวโจนส์ปรับขึ้นหลังมีข่าวทีมงานทรัมป์กำลังพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าให้จีน แต่ล่าสุดมีการปฏิเสธข่าวแล้วตัวเลขขอรับสวัสดิการครั้งแรกลดลง เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่เลวร้าย ดัชนีความกลัว (VIX) ลดลง ส่วนปัจจัยในประเทศดีคือ เงินบาทยังอยู่ในเกณฑ์แข็งค่า แม้ดอลลาร์ก็แข็งค่า รองนายกฯคาดเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 ถือว่าเลื่อนไม่ไกล
# เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ปรับขึ้น และดาวโจนส์ล่วงหน้าอยู่แดนบวก แต่ปัจจัยลบคือ ราคาน้ำมันลดเล็กน้อย, Shutdown, Brexit
# กลยุทธ์ คือ ระยะสั้น หากมีการรีบาวด์ เก็งกำไรรอบสั้นแนวต้านเป็น 1590-1600 จุด ด้านการซื้อลงทุนระยะกลาง รออ่อนตัว แนวรับที่ 1560-1550 จุด ส่วนดัชนีฯเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2562 ยังเป็น 1780 จุด (+0.5 SD) ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 61-62 ที่ +8%/+6% ตามลำดับ แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีหุ้น Top Pick ในงวด 1Q62 คือ AOT,BBL,CPALL,HANA,PTT และ WHA
# หุ้นเด่น BTS : วันนี้ XD ปันผลระหว่างกาลรอบ 1H61-62 ที่ 0.17 บาท ราคาหุ้นจะปรับลง และไปจ่ายปันผล 1 ก.พ.62 คาดว่าเงินปันผลงวดสุดท้ายปีนี้จะเร่งตัวขึ้นเป็น 0.24 บาท ตามผลการดำเนินงานที่คาดว่าครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะรายได้บริหารเดินรถจะมากขึ้น จากสายสีเขียวใต้ เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปลายปี 61รวมทั้งบริษัทย่อย VGI มีรายได้เพิ่มจากการไปซื้อกิจการกลุ่มทรานส์แอด และรับรู้กำไรจากบริษัทร่วม Kerry ได้อย่างเต็มที่ คงคำแนะนำ ซื้อ BTS ราคาพื้นฐานเป็น 11.00 บาท ประเมินด้วยวิธี SOP
 
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนจะเป็นบวก แต่ก็ไม่ชัด {“ปิดบวก”เล็กน้อย, ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มีOversoldในกราฟรายนาที“หนุน”ต่อ) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1590 (หรือ 1600) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1575” จุด}
ส่วนหุ้นเข้ามาใหม่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคหรือมีโอกาสทำ New High ได้ คือ THCOM,BANPU,SAT,ROBINS ด้านหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ CPALL, ASIAN, AOT, VIBHA สำหรับหุ้นที่หลุด List คือ ไม่มี และหุ้นอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit BTS,KTB,MAKRO,SCC
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
 
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BDMS (ถือ -ราคาพื้นฐาน 25.00)
Flash Note : LH (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 9.60)
SCB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 160.00)
SVI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.20)
In The News : KBANK : กำไรสุทธิ 4Q61 ต่ำกว่าคาด 5%
Turnover List Watch : คาดว่าไม่มีหลักทรัพย์ใดติด Cash Balance สัปดาห์หน้า
 
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ: ตอนแรกมีข่าวคณะทำงานทรัมป์พิจารณาลดภาษีให้จีน แต่ต่อมามีการปฏิเสธ
# หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งหล่าวว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์กำลังหารือกันเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งอาจจะเป็นการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทหรืออาจจะยกเลิกทั้งหมด รายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเป็นผู้เสนอแนวทางดังกล่าวโดยมีเป้าหมายที่จะโน้มน้าวให้จีนยอมทำข้อตกลงการค้าทวิภาคี และเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน
# แต่ต่อมาได้มีข่าวว่าทางการสหรัฐได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว
 
+ สหรัฐ: ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วลดลง
# มีข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ220,000 ราย
 
-สหรัฐ&อังกฤษ: ปัญหา Shut Down และ Brexit ยังไม่คลี่คลาย
# นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐที่ล่วงเข้าสู่วันที่ 28 แล้ว ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งสถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งภาคธุรกิจของอังกฤษ ต่างออกมาเรียกร้องให้มีการจัดการลงประชามติ Brexit ครั้งใหม่ โดยจะใช้ชื่อว่า "People's Vote"
 
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปรับขึ้นต่อ สะท้อนข่าวสหรัฐเล็งผ่อนคลายภาษีให้จีน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,370.10 จุด เพิ่มขึ้น 162.94 จุด หรือ +0.67% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่7,084.46 จุด เพิ่มขึ้น 49.77 จุด หรือ +0.71% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,635.96 จุด เพิ่มขึ้น 19.86 จุด หรือ +0.76%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหารือกันเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยมีเป้าหมายที่จดลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวลงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
 
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ปรับลง EIA เผยสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่ม
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 52.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 61.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกปรับตัวลดลงในเดือนธ.ค.
 
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปิดปรับลง หันเข้าหาตลาดหุ้น และดอลลาร์แข็งค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่1,292.30 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อทองคำเช่นกัน
 
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจประจำสัปดาห์นี้
# นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในคืนนี้ ซึ่งได้แก่ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
 
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ การเมืองไทย: รองนายกฯมอง 24 มี.ค.62 เหมาะเป็นวันเลือกตั้ง
# นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มองว่าวันที่ 24 มี.ค.62 เหมาะสมที่สุดในการจัดการเลือกตั้งหลังจากพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งน่าจะมีการประกาศได้ภายในสัปดาห์หน้าตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุไว้ (Aspen)
# ผลกระทบ: เป็นบวก การเลื่อนเลือกตั้งไม่ไกลจากเดิมปลาย ก.พ.62 มาเป็นปลาย มี.ค.62 จะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวังนัก และไม่กระทบต่อพระราชพีธีฯช่วงต้น พ.ค.62 ไม่เกินเส้นตาย 5 พ.ค.62 และเนื่องจากพระราชพีธีจะยาวนานไปอีกหลายเดือน จึงคาดว่าจะทำให้การเลือกตั้งและฟอร์มทีมรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่น่ามีปัญหา
 
+ การเลือกตั้งทำให้มีเงินสะพัดกว่า 80,000 ล้านบาท
# อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 62 จะขยายตัวได้ราว 4.0-4.2% โดยมีสมมติฐานสำคัญว่าปีนี้มีการเลือกตั้งระดับประเทศ และระดับท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลให้มีเงินสะพัดในช่วงการเลือกตั้งกว่า 80,000 ล้านบาท (Aspen)
# ผลกระทบ: คาดว่ากลุ่มหลักทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์คือ พาณิชย์ แนะนำ ซื้อ CPALL และ HMPRO รวมทั้งกลุ่ม สื่อแนะนำ ซื้อ สำหรับ VGI (เป็นบริษัทแม่ MACO ที่ทำโฆษณาป้ายดิจิทัลขนาดใหญ่ ตามท้องถนน ในทำเลที่ดี)
 
+ EEC: แผนการดำเนินงานในปี 62 ได้ตั้งเป้าหมายมีการลงทุนในพื้นที่อีอีซีได้ประมาณ 6 แสนล้านบาท
# สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 62 ได้ตั้งเป้าหมายมีการลงทุนในพื้นที่อีอีซีได้ประมาณ 6 แสนล้านบาท เป็นไปตามตัวเลขการขอรับส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ในปี 61 ที่มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมในพื้นที่อีอีซี จำนวน 422โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 6.83 แสนล้านบาท ขณะที่ตัวเลขขอส่งเสริมการลงทุนปี 62 ของอีอีซีเอง คาดว่าจะอยู่ที่ 1แสนล้านบาท รวมกับตัวเลขขอส่งเสริมของบีโอไอ อีก 2 แสนล้านบาท รวมเป็น 3 แสนล้านบาท ซึ่งการลงทุนในอีอีซีจะมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเพิ่มได้ 1% (Aspen)
# ผลกระทบ: คาดว่าหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์คือ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม การขายที่ดินจะดีขึ้น ขณะที่มีต้นทุนต่ำ แนะนำซื้อ AMATA, ROJNA และ WHA 
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!