- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 15 January 2019 14:49
- Hits: 711
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้มองดัชนี SET แกว่งทรงตัว และทั้งสัปดาห์นี้มองดัชนีแกว่งขึ้นต่อ วันนี้มีแนวรับ 1,580 จุด และแนวต้าน 1,595 จุด โดยมีแรงหนุนจากดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market บวกกับ ปัจจัยจากต่างประเทศมีสัญญาณดีขึ้นจากค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นบ่งชี้คลายความกังวลด้านสงครามการค้า
Market Factors
• (-) ช่วงสั้นมองตลาดมีความกังวลต่อการชะลอของทั้งยอดส่งออกและนำเข้าของจีนในเดือน ธ.ค. ซึ่งหดตัว YoY และน้อยกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนถึงกิจกรรมทาง ศก. ในจีนที่ชะลอตัวลง ขณะที่ภาพระยะกลาง-ยาว เรายังคงให้น้ำหนักกับพัฒนาการที่ดีขึ้นของการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีนที่ดีขึ้นมากกว่า และคาดจะช่วยหนุนให้ภาพรวมของ ศก. โลก กลับมาฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ
• (Watch) วันนี้แนะนำนักลงทุนจับตาการลงมติ BREXIT ของสภาผู้แทนอังกฤษ โดยหากนางเทเรซ่า เมย์ ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนมากพอ อังกฤษจะต้องกลับไปเจรจาเงื่อนไขกับ EU อีกครั้ง และทำให้อังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ตาม Timeline ของกระบวนการ BREXIT ในวันที่ 29 มี.ค. ซึ่งจะส่งผลให้อังกฤษต้องออกจากการเป็นสมาชิก EU โดยไร้ข้อตกลง
• (+) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดทำดัชนีราคาห้องชุดใหม่รายไตรมาส โดยทำการสำรวจราคาขายของโครงการอาคารชุดสร้างใหม่ที่ยังอยู่ระหว่าง การขาย (มีหน่วยเหลือขายตั้งแต่ 6 หน่วยขึ้นไป) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 2 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี และสมุทรปราการ ทั้งนี้ไม่นับรวมห้องชุดมือสอง สรุปช่วงผล 4Q61 ภาพรวมดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลมีค่าเท่ากับ 147.4 จุด ค่าดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 11.8%YoY และปรับเพิ่มขึ้น 3.1%QoQ ผลจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล (กรุงเทพธุรกิจ)
• (+) นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าลงทุนในตราสารทุนไทยมากขึ้น โดยเมื่อวานนี้เป็นการซื้อติดต่อกันเป็นวันที่สาม รวมซื้อสุทธิสามวัน 3,063.7 ล้านบาท
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เราคาด SET Index จะสามารถยืนในแดนบวก มีแนวต้านที่ 1,595 จุด (Fwd PE 13.9x) โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติ เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 16.7x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.7x และ ไทยเทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.5x ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นโตเด่น + 1 กลุ่มกองทุนที่คาดหวังเงินปันผลจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอดังนี้
1. กลุ่มดิจิตอลทีวี: คาดได้รับ Sentiment บวก หลังเข้าสู่ช่วงการประชุมบอร์ดวาระพิเศษ กสทช. เพื่อพิจารณาเยียวยาผู้ประกอบการดิจิตอลทีวี (สนับสนุนค่า MUX และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินตามหลัก Must Carry) และแนวทางจัดประมูลคลื่น 700 MHz บวกกับเม็ดเงินโฆษณาเดือน ต.ค.-ธ.ค. โต 29.8%YoY แนะนำ WORK (คาดเริ่มเห็นกำไรฟื้นตัว YoY ในปี 62 จากฐานที่ต่ำในปีก่อนจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และจุดเด่นด้านความรวดเร็วในการปรับรูปแบบรายการให้ตอบสนองต่อความนิยมของผู้บริโภค นอกจากนี้บริษัทยังฐานะการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ) และ RS (คาดกำไรกลับมาโตเด่นในช่วง 4Q61 หลังปัจจัยลบจากกรณี Magic Skin บรรเทาลง และมีการอัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีแนวโน้มลดลงจากนโยบายคุมต้นทุนรายการของช่อง 8)
2. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขตEEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่),WHA (ปี62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า1,000 ไร่พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1 แสนตรม.),EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่ GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และAMATA (รับรู้รายได้ปี 64)
3. หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่นบวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), SKN (ช่วง 4Q61 คาดกำไรโตเด่นจากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่จากเครื่องจักรไลน์ที่ 2 เพื่อรองรับคำสั่งซื้อส่วนเกินจากลูกค้าเดิม และตอบสนองความต้องการจากลูกค้ากลุ่มใหม่ในต่างประเทศ)
4. กองทุนที่มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ: ได้แก่ TFFIF (ประมาณการเงินที่สามารถปันส่วนแบ่งให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนสำหรับปี 61/62 ราว 0.475 บาท/หน่วย+ความเสี่ยง 7/8)(ที่มา:Filing), POPF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 7.55%+ความเสี่ยง 6/8) QHPF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.46%+ความเสี่ยง 6/8), BTSGIF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.82%+ความเสี่ยง 7/8), CPNCG (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.31%+ความเสี่ยง 7/8), CPTGF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.03%+ความเสี่ยง 6/8)
14-Jan-19 Change (pts.) 11-Jan-19
SET Index 1,582.57 -14.47 1,597.04
SET50 Index 1,058.27 -11.15 1,069.42
SET100 Index 2,322.79 -24.85 2,347.64
High 1,594.06 Gainers 359
Low 1,580.56 Unchanged 363
Value (Bt m) 41,570.09 Losers 934
Volume (*000) 12,264,664
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 13.8 12.7 No Data
EPS Growth (%) 13.9 9.3 No Data
EV/EBITDA (x) 9.7 9.2 No Data
FWD PBV (x) 1.7 1.6 No Data
Dividend Yield (%) 3.4 3.7 No Data
ROE 12.0 12.1 No Data
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 14-Jan-19 WTD MTD YTD
Institution (2,725.49) (2,725.49) 5,562.95 5,562.95
Proprietary (191.10) (191.10) (1,316.14) (1,316.14)
Foreign 1,205.22 1,205.22 (4,454.16) (4,454.16)
Individual 1,711.37 1,711.37 207.34 207.34
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary