- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 11 January 2019 15:04
- Hits: 2051
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วานนี้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,587.63 จุด -2.87 จุด (-0.18%) มูลค่าซื้อขายราว 5.3 หมื่น ลบ.โดยถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและสื่อสารเป็นหลัก สำหรับวันนี้เรามอง ลุ้นดัชนีรีบาวด์ หนุนด้วย Sentiment บวกต่างประเทศจาก 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1) Trade War สหรัฐฯ-จีน มีความคืบหน้าเชิงบวก 2) ท่าทีของ FED ที่เริ่มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย และ 3) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวในรอบสัปดาห์
Market Factors
• (+) นายเจอโรม พาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ที่งานประชุมสมาคม ศก. ยืนยันมุมมองของเฟดที่มองว่าอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังไม่น่ากังวล และจะใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้กระทบต่ออัตราโตของ ศก. สหรัฐฯ มากเกินไป
• (-) นายโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินในสหรัฐฯ เพื่อผ่านร่างกฏหมายงบประมาณที่รวมงบกำแพงชายแดนเขตเม็กซิโก สร้างความขัดแย้งระหว่างวุฒสภาและสภาผู้แทนซึ่งคาดทำให้ปัญหาดังกล่าวยังคงยืดเยื้อ
• (-) FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ม.ค.62 ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สาม 5.25% อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวจากความเสี่ยงเจรจาการค้าฟันด์โฟลว์การปรับลดจีดีพีโลกปี 62 ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุดส่วนการเมือง กำไร บจ.จากช่วงที่สำรวจยังเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน (ประชาชาติธุรกิจ)
• (+) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เตรียมยกระดับพื้นที่นิคมฯ แหลมฉบัง 3.5 พันไร่เป็นเขตส่งเสริมพิเศษหวังได้สิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.อีอีซี จูงใจผู้ประกอบการ145 ราย (เป็นผู้ผลิต EV/ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 41.66%) ขยายกิจการซึ่งมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเตรียมลงทุนกว่า 7.2 หมื่น ลบ. เพื่อเป็นศูนย์กลางผลิตรถ EV ของโลก (ฐานเศรษฐกิจ)
• (+) วานนี้นักลงทุนต่างชาติ Switch ออกจากตราสารหนี้เพื่อเข้าลงทุนในตราสารทุนจากการขายทำกำไรในค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึง 9 ม.ค. 62 ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้นราว 1.12%YTD และต่างชาติซื้อสุทธิในตราสารหนี้ราว 8,216.1 ลบ. ขณะที่ขายสุทธิในตลาดหุ้น 7,517.8 ลบ. แต่เมื่อวานนี้ (10 ม.ค. 62) ต่างชาติขายสุทธิในตราสารหนี้ราว 2,311.6 ลบ. ขณะที่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 902.4 ลบ. อย่างไรก็ดีเมื่อวานนี้เป็นวันแรกที่เริ่มเห็นสัญญาณ Switch ดังนั้นยังคงต้องจับตาดูกระแสเงินในสัปดาห์หน้า
Investment Strategy
• เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาด โดยคาดวันนี้จนถึงสัปดาห์หน้า SET Index จะสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,578 จุด (Fwd PE 13.7x) เพื่อตั้งหลักในแดนบวกโดยมีแนวต้านที่ 1,612 จุด (Fwd PE 14.0x) โดยมีแรงหนุนจากประเด็น Trade Wars ของสหรัฐฯ-จีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น บวกกับเฟดยังมีแนวโน้มการชะลอขึ้นดอกเบี้ยในปี 62 อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มกลับตัวขึ้นมาติดต่อกัน ดังนั้นเรายังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นโตเด่น + 1 กลุ่มกองทุนที่คาดหวังเงินปันผลจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอดังนี้
1. กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1 แสน ตรม.), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขตEEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยล่าสุดเซ็นสัญญาให้บริการแก่ GULF (รับรู้รายได้ ปี63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)
2. กลุ่มโรงไฟฟ้า: ลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และเราเลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า ได้แก่ BGRIM ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 682MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.77 GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 3.13GW, BPP ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 312MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม2.48GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 68 ที่ 4.3GW, GUNKUL ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าโซลาร์อีก 105MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 401MW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 543MW.
3. กองทุนที่มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ: ได้แก่ TFFIF (ประมาณการเงินที่สามารถปันส่วนแบ่งให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนสำหรับปี 61/62 ราว 0.475 บาท/หน่วย+ความเสี่ยง 7/8) (ที่มา:Filing), POPF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 7.61%+ความเสี่ยง 6/8) QHPF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.41%+ความเสี่ยง 6/8), BTSGIF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.76%+ความเสี่ยง 7/8), CPNCG (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.23%+ความเสี่ยง 7/8), CPTGF (อัตราเงินปันผลในอดีตที่ 6.03%+ความเสี่ยง 6/8)
4. หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่นบวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), SKN (ช่วง 4Q61 คาดกำไรโตเด่นจากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่จากเครื่องจักรไลน์ที่ 2 เพื่อรองรับคำสั่งซื้อส่วนเกินจากลูกค้าเดิม และตอบสนองความต้องการจากลูกค้ากลุ่มใหม่ในต่างประเทศ), SSP (ปี 62 รับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าโซลาร์และโซลาร์รูฟท็อปในมือ 87MW และยังมีโรงไฟฟ้าในมืออีก 141MW ที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งจะทยอย COD ในปี 63 เป็นต้นไป)
10-Jan-19 Change (pts.) 9-Jan-19
SET Index 1,587.63 -2.87 1,590.50
SET50 Index 1,063.19 -1.63 1,064.82
SET100 Index 2,333.95 -4.18 2,338.13
High 1,599.10 Gainers 428
Low 1,579.20 Unchanged 459
Value (Bt m) 53,524.26 Losers 779
Volume (*000) 14,417,523
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 13.8 12.7 No Data
EPS Growth (%) 13.9 9.3 No Data
EV/EBITDA (x) 9.7 9.1 No Data
FWD PBV (x) 1.7 1.6 No Data
Dividend Yield (%) 3.4 3.7 No Data
ROE 12.1 12.2 No Data
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 10-Jan-19 WTD MTD YTD
Institution (2,023.50) 4,073.49 7,771.50 7,771.50
Proprietary 632.58 (203.89) (1,039.11) (1,039.11)
Foreign 902.47 (2,413.33) (6,615.40) (6,615.40)
Individual 488.45 (1,456.27) (116.99) (116.99)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary