WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
รอบด้านตลาดหุ้น
 
ภาพตลาดและแนวโน้ม 
 
SET ฟื้นตัวได้ต่อโดยไม่สนตลาดต่างประเทศ
          เมื่อวานหุ้นไทย ฟื้นตัวต่อเนื่อง นำขึ้นโดยหุ้นโรงกลั่น+ Hard Commodity ที่ลงแรงก่อนหน้านี้ เช่น ESSO TOP PTTGC PTT BANPU ด้วยปริมาณการซื้อขายที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง 
          โดยกองทุนฯไล่ซื้อสุทธิ 5.1 พันล้านบาท ส่วนต่างชาติขายน้อยลง และ กลับมา Long Index futures 1.5 หมื่นสัญญา สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ด้านรายงาน MS ระบุสัปดาห์ล่าสุด กองทุนต่างชาติ เข้าซื้อหุ้นไทย ต่อเนื่อง เกิน 2 เดือนติดต่อกัน และ เงินไหลออกจาก ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (DM) แต่ยังเข้า ตลาดเกิดใหม่ (EM) ไม่มาก      
          วันนี้ คาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นต่อ โดยไม่สนภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ ปัจจัยหนุนหุ้นไทยหลักๆช่วงนี้จะมาจาก แรงซื้อหุ้นดักปันผล โดยตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลเด่นสุดเทียบภูมิภาค.    
          ระยะสัปดาห์นี้ คาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยหนุน 1) ความชัดเจนการประกาศวันเลือกตั้งในประเทศ โดยตลาดคาด เลื่อนจากเดิมไม่ไกล 2) คาดการเจรจาการค้า จีน-สหรัฐฯ จะมีข่าวเชิงบวก 3) ถ้อยแถลง เฟด ในรายงานการประชุม วันพุธ คาดว่าจะผ่อนคลาย (Dovish) กว่าที่ผ่านมา 
 
What to watch: 
          (+) ติดตาม รายงานการประชุม เฟด วันพุธนี้ หลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานเฟด และสาขา ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ โดยระบุว่า เฟดไม่มีการวางเปาหมายในการขึ้นดอกเบี้ยล่วงหน้า แต่จะพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ได้รับมาล่าสุด และค่อยนำมาปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้อง ซึ่งตลาดเริ่มคาดว่า เฟดจะกลับมาเพิ่มงบดุลอีกครั้ง (รับซื้อพันธบัตร) และ มีโอกาสไม่ถึง 10% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ (Figure 1) โดยตัวเลข Core CPI ในวันศุกร์นี้ คาดทรงตัว 2.2% y-y, 0.2% m-m คาดว่าจะสนับสนุนความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ ต่อการยุติการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้    
          (+) วันที่ 7 มค.นี้ การเจรจาการค้า จีน-สหรัฐฯจะเริ่มต้นตามกำหนด คณะผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะเดินทางเยือน จีน เพื่อเจรจาการค้า เราคงคาด ว่าจะเป็น จุดเปลี่ยนตลาดหุ้นไทย-โลก ให้ฟืนตัวขึ้นจากความวิตก เศรษฐกิจชะลอตัวเพราะความตึงเครียดการค้า จีน-สหรัฐฯ     
          (+) สภาครองเกรส อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์แล้ว โดยไม่ได้บรรจุงบประมาณสร้างกำแพงสหรัฐ-เม็กซิโก สะท้อนแนวโน้มการทำงานจากนี้ไปของ ปธน.ทรัมป ว่าการออกมาตรการสุดโต่งต่างๆ จะไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา/สัปดาห์นี้จะประชุมร่างงบประมาณที่จะยุติปัญหาชัตดาวน์ อย่างแท้จริง ต่อไป  
 
หุ้นแนะนำ 
          KKP TISCO ดูรายงาน กลยุทธ์ วันนี้ (และ เพิ่มเข้าพอร์ต Weekly) 
          WHA  ประชาพิจารณ์ผ่านไปเมื่อวาน เรื่องการขยายพื้นที่ทำนิคมเพิ่มอีก 3 แสนไร่ คาดเตรียมเสนอ ครม. อนุมัติ ในนัดถัดไป 
          Weekly port  เพิ่ม KKP TISCO WHA ถอด OSP
 
รายงานวันนี้   
 
Energy & Chemical: Yield play-hunting 
          โดยปกติแล้วหุ้นในกลุ่ม Energy & Chemical จะให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลต่อปีที่มากกว่าตลาดโดยรวม ซึ่งจากข้อมูลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมากลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยมากกว่า SET อย่างมาก (2015 8.2% เทียบ SET ที่ 3.3%; 2016 5.1% เทียบ SET ที่ 3.4%; และ 2017 5.0% เทียบ SET ที่ 3.1%) หากเราอิงอัตราการจ่ายเงินปันผลที่เท่ากับปีที่แล้ว เราคาดผลตอบแทนเงินปันผลของกลุ่มสำหรับปี 2018 อยู่ที่ 4.6% เทียบกับ SET ที่ 3.2% โดยเราคาดบริษัทที่ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงที่สุดสำหรับ 2H18 ประกอบด้วย PTTGC, PTTEP, SPRC, PTT, BANPU และ TOP ตามลำดับ
 
Tactical Strategy: หุ้นปันผล   
          คาดว่า หุ้นประเภท ปันผลดี-ปันผลสูง จะเป็นกลุ่มที่ Outperform ตลาดในช่วงที่ตลาดยังมีความเสี่ยงในการลงทุน อยู่ในระดับสูง ทั้งจากปัญหา เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ตลอดจนการเมืองทั้งใน และ ต่างประเทศ ซึ่งมีผลต่อ ความไม่แน่นอนของประมาณการณ์กำไร บจ.  โดยคาดหุ้นปันผลที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลดีกว่าเงินเฟอ และเงินฝาก จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกระแสเคลื่อนย้ายเงินทุน ทั้งจาก เงินฝากในสถาบันการเงิน และพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอน (ทั้ง การลงทุนโดยตรง หรือ การลงทุนผ่านกองทุนรวมประเภทหุ้นปันผล) และโดยเฉพาะหุ้นที่มีปันผลระหว่างกาลเหลืออยู่สูง  หุ้นปันผลแนะนำ TISCO WHA SCCC KKP BEM ส่วนหุ้นปันผลสูง แนะนำ เก็งกำไร AP QH SC SPALI PSH LPN   
 
Flow Tracker: ต่างชาติขายหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา
          นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 130 ล้านเหรียญสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต่อเนื่องจากการขายสุทธิ 61 ล้านเหรียญสหรัฐในสัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับกระแสเงินลงทุนในภูมิภาค 5 ประเทศที่เราดู พบว่ากระแสเงินจากต่างชาติรวมเป็นยอดขายสุทธิ 697 ล้านเหรียญ ซึ่งกลับจากยอดซื้อสุทธิ 278 ล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า สำหรับตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี Volume Flow ของตลาดหุ้นไทยส่งสัญญาณถึงแรงซื้อในหุ้นทุกกลุ่มปิโตรเคมีและเคมี ขนส่งและโลจิสติกส์ ธนาคาร อสังหาฯ และ ICT โดยดัชนี Volume Flow ของหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาฯ และ ICT มีสัญญาณการฟื้นตัวจากแดน Oversold  
 
หุ้นมีข่าว  
          (*)ธนาชาติแบงก์ เล็งขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25% (ที่มา โพสต์ทูเดย์) 
          (*/-) LOXLEY  ชงแก้ พรบ.10 มค.นี้ ปัดขายหวยออนไลน์ (ที่มา โพสต์ทูเดย์) 
          (+) ตลท.ชี้ ต่างชาติ จ่อเข้าหุ้นไทย หลังจากที่ไปพักที่ ตราสารหนี้ (ที่มา โพสต์ทูเดย์) 
          SIRI ข่าว: บริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (กองทุนรวม) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) ขอซื้ออาคารสิริภิญโญจากทางกองทุนรวม และต่อสัญญาเช่าอีกเป็นระยะเวลา 1 ปี. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากล่าสุด SIRI ซึ่งเป็นผู้เช่ารายหลัก 65% ของพื้นที่เช่าทั้งหมดได้ส่งคืนพื้นทีไป 8.5% ในเดือน มี.ค นี้ และส่วนที่เหลือจะหมดอายุสัญญาเช่า มี.ค 2563...ด้วยเหตุนี้ทำให้กองมีความเสี่ยงผู้เช่าหลักอาจย้ายออก จึงมีการเจรจาต่อกันว่า siri สนใจจะซื้อตึกหรือไม่ ในขณะเดียวกันทางกองเองต้องติดต่อหา agent เพื่อเตรียมตัวหาผู้เช่าใหม่มา
          ดังนั้นสรุป 1) siri ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อตึกคืนจากกองทุน แต่มีแนวโน้มย้ายไปที่อื่นแน่นอนถึงได้ต่ออายุเพียง 1 ปี ผิดวิสัยที่ต้อง 3 ปี, 2) ต้องใข้เวลาในการเจรจาอีกซักพักเดาว่าเป็นหลายเดือน แต่ไม่เกิน สิ้นปีนี้แน่นอน ไม่งั้นกองลำบาก 3) กองเองก็ต้องติดต่อ agent เช่น CBRE เพื่อหาผู้เช่าใหมา และ 4) ถ้า siri จะซื้อตึกคืนมาก็ต้องใช้เวลาพิจารณาเรื่องราคาซื้อคืน เทียบกับตอนขายไปหลายปีก่อนประมาณ 1.7พันลบ. แต่เรามีความกังวลเรื่องแหล่งเงินเนื่องจาก siri มี net gearing ratio สูงสุดที่กลุ่มที่เราให้คำแนะนำที่ 1.2x. เราคงคำแนะนำ หลีกเลี่ยง siri จากความเสี่ยงกำไรปรับลด
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336 
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค 
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน  
 
Trend Forecasting 
 
SET Index ปิด 1592.72 (+1.12%) มูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นล้านบาท 
          
Topic: When dollar trend reversal  
          ดัชนีดอลลาร์กำลังทดสอบจุดต้านสำคัญ ขณะที่เครื่องมือวัดโมเมนตัม RSI ส่งสัญญาณเตือนการอ่อนตัวลง
          บทวิเคราะห์แนวโน้มตลาดหุ้นเดือนมกราคม 2562 ได้พูดถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่ทีโอกาสอ่อนค่าลง เนื่องจากดัชนีดอลลาร์กำทดสอบจุดต้านสำคัญ ขณะที่เครื่องมือวัดโมเมนตัม MACD ส่งสัญญาณเตือนการอ่อนตัว นอกจากนี้เฟดส่งสัญญาณยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลงได้ เรายังมองปัจจัยเสริมที่จะส่งผลให้ดัชนีมีโอกาสดีดตัวขึ้นดังต่อไปนี้: 
          1. Blue-chip stock หุ้นขนาดใหญ่เริ่มส่งสัญญาณการฟืนตัว ภายหลังจากการปรับตัวลงแรง 
          2. เงินปันผลของตลาดสูง ก็อาจเป็นสิ่งจูงใจหรือดึงดูดให้เม็ดเงินกลับเข้ามาลงทุนได้ คาดไว้ที่ 3.20% 
          3. Forward P/E ตลาดจะลงมาที่ 14.6x หรือค่า SD = 0.5 ไม่แพงมากและมองเป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ 
          4. เม็ดเงินจากกองทุนในประเทศและต่างชาตืเริ่มกลับเข้าซื้อ 
          5. ความผันผวนของตลาดหุ้นลดลง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ส่งสัญญาณเชิงบวกในวงกว้าง 
          สรุป: ทิศทางตลาดมีโอกาสฟืนตัวและยังมองเป็นจุดน่าสนใจในการเข้าซื้อ 
          Technical screen Bull Signal: AU,SGP,SAWAD  
          Technical screen Bear Signal: GLOBAL,BEAUTY,BJC 
          Port หุ้นคงเหลือ: ADVANC, CPALL, WHA, PLANB, BGRIM, LPN,TOP, PTTEP, COM7 (แนะนำถือต่อ) 
          แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,585 แนวต้าน 1,605 / SET100 รับ 2330 ต้าน 2355 BSET100 รับ 10.12 ต้าน 10.25 / BMSCITH รับ 12.06 ต้าน 12.20 
          ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค                                                                      
          [email protected] +662-618-1334 
 
Track with Technical 
 
          AU 
          แนะนำ:ซื้อ 
          แนวต้าน:8.00-8.50 
          แนวรับ:6.70 
          เหตุผล: ราคาปิดทะลุเส้นแนวโน้ม ยืนยันสัญญาณกลับตัวด้วยวอลุ่มเพิ่มสูงขึ้น พร้อมกับเครื่องมือวัดโมเมนตัม DI+ 
 
          SGP 
          แนะนำ:ซื้อ 
          แนวต้าน:10.50 
          แนวรับ:8.90 
          เหตุผล: ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง ปัจจุบันส่งสัญญาณกลับตัวจากเส้นค่าเฉลี่ย Moving cross และ  Bull MACD คล้ายรูปแบบในอดีต 
 
          SAWAD 
          แนะนำ:ซื้อ 
          แนวต้าน:55.00 
          แนวรับ:47.00 
          เหตุผล: โครงสร้างหลักยังคงรูปแบบขาขึ้น ขณะที่ราคาปิดทะลุเส้นกลาง Bollinger band  นอกจากนี้ Stochastic ส่งสัญญาณดีดตัวขึ้นจากกรอบล่าง 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!