- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 September 2014 18:04
- Hits: 1994
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังผันผวน แต่ก็ลุ้นเข้าใกล้ 1600 จุดให้ทยอยขายลดพอร์ตได้!
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังมีจังหวะแกว่งผันผวนอยู่ แต่คาดว่าสามารถลุ้นโอกาสขยับบวกขึ้นไปเข้าใกล้ระดับดัชนีเป้าหมายแถว 1600 จุด(+/-) ตามคาดเดิมได้ก่อนที่จะจบรอบขาขึ้นและกลับไปแกว่งตัวลงในระดับ 100-200 จุดในช่วงถัดไป ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้ชะลอการซื้อเทรดดิ้ง และเน้นทยอยขายลดพอร์ตในช่วงตลาดบวก เพื่อถือเงินสดไว้ก่อนเช่นเดิม
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AQUA, CPF, CENTEL(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET สามารถพลิกกลับมาแกว่งตัวด้านบวกได้อีกครั้ง ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคพอควร เพราะตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังปิดลบ โดยคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาหนุน จึงทำให้นักลงทุนยังมีความมั่นใจต่อทิศทางของ SET อยู่ อย่างไรก็ตามเช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังเปิดทำการด้วยการเคลื่อนไหวในด้านลบต่อเนื่อง หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่กลับมาปิดเป็นลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังมีรายงานว่ายอดขายบ้านมือสองร่วงลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากการที่ทางการจีนส่งสัญญาณว่ายังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงนี้ด้วย อย่างไรก็ตามกรอบการปรับตัวลงของตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ถือว่าไม่ได้รุนแรงมากนัก และยังมีบางแห่งมีจังหวะสลับบวกให้เห็นด้วย รวมทั้ง SET ยังคงมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศต่อเนื่อง ทำให้แม้ว่า SET อาจจะแกว่งตัวผันผวนบ้าง แต่ก็ยังสามารถลุ้นจังหวะสลับบวกขึ้นไปให้ได้ขายลดพอร์ตช่วงบวกตามที่ FSS คาดไว้เดิมอยู่
แนวรับ 1587-1585 , 1583-1580 จุด แนวต้าน 1591-1593 , 1595-1600 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 ในปริมาณที่เบาบาง ส่วนใหญ่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$496.2 ล้าน เกาหลีใต้ US$31.5 ล้าน แต่ซื้อในตลาดหุ้นไทย US$21.1 ล้าน อินโดนีเชีย US$2.2 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$1.7 ล้าน และเวียดนาม US$6.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าตามยูโร Flow น่าจะยังเบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) จับตาวาระสำคัญการประชุมครม. วันนี้ 1) กระทรวงคมนาคมขออนุมัติโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าสายสีชมพูมูลค่า 5 หมื่นล้านบาทและรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต 2)กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะใช้งบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทที่เหลืออยู่จากโครงการไทยเข้มแข็งที่เบิกจ่ายไม่ทันในช่วงก่อนหน้านี้มาใช้ในโครงการปรับปรุงถนน และระบบชลประทาน นอกจากนี้จะมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2014 และงบเหลื่อมปีที่ค้างอยู่ โดยเร็วที่สุด ตลอดจนงบประมาณปี 2015 ที่ดำเนินการได้ง่าย ก็จะให้เร่งรัดการเบิกจ่ายทันที ขณะเดียวกัน จะมีมาตรการเร่งรัดให้แบงก์รัฐ เร่งปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ให้เร็วขึ้น เราเชื่อว่ารัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศพร้อมกับมีงบประมาณเข้ามาช่วยเศรษฐกิจทำให้นโยบายการคลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ขณะที่ปัจจุบันนโยบายการเงินถือว่ามีความผ่อนคลายและเพียงพอในการเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแล้วทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่องและเร็วขึ้น กลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (KBANK ซื้อ เป้า 255 บาท และ KTB ซื้อ เป้า 33 บาท ) กลุ่มรับเหมา (CK ซื้อ เป้า 30 บาท) และกลุ่มท่องเที่ยว (MINT ซื้อ เป้า 42 บาท)
(+) ธปท.- คลัง เล็งปรับการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้ "กรอบเงินเฟ้อทั่วไป แทน "เงินเฟ้อพื้นฐาน" เพื่อให้สะท้อนพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีกว่าและรอบด้านมากขึ้น ปัจจุบัน ธปท. ดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสที่ระดับ 0.5-3.0% ซึ่งใช้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2009 แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะนับรวมราคาอาหารสด และพลังงานเข้าไปใช้ในการคำนวณด้วยซึ่งจะเคลื่อนไหวผันผวนมากกว่าและสู่งกว่าอัตราเงินเฟ้อฟื้นฐาน แต่ภาวะเงินเฟ้อปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.21% ไม่ได้น่าห่วงเพราะเศรษฐกิจยังไม่ได้ฟื้นตัว 100% ดังนั้นจึงคาดว่ากนง. น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ กลุ่มที่จะได้ประโยชน์ : กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (TOP Pick; QH เป้า 4.90 บาท) กลุ่มค้าปลีก (CPALL ซื้อ เป้า 58 บาท และ HMPRO ซื้อ เป้า 12 บาท)
(0) DTAC คาดกำไรปกติ 3Q14 ยังไม่โดดเด่น ลดลงอีก 5.5% Q-Q (แม้ Flat Y-Y) จากการแข่งขันในตลาดมากขึ้น ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2014 ลง 4% แม้มองแนวโน้มกำไรใน 4Q14 ดีขึ้น และกำไรปี 2015 ปรับลด 5% แต่ยังเป็นกำไรโต 13% จากผลประโยชน์การประหยัดต้นทุนการกำกับดูแล (จากค่าใบอนุญาต 3G 2.1 GHz ที่มีอัตราต่ำกว่าค่าสัมปทานเดิมมาก) เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมา มีส่วนลดมากขึ้นเป็น 12.4% จากเป้าหมายใหม่ที่ 113 บาท จากเดิม 118 บาท (DCF) และคงเป็นหุ้นปันผลค่อนข้างดี ที่ระดับ 5.4–6.1% ในปี 2014-15 จึงปรับคำแนะนำขึ้น เป็น ‘ซื้อสะสม” จากเดิม ถือ
(+) SPALI: Presales 2 เดือนแรกของ 3Q14 อยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท ดีขึ้น Q-Q โดยเฉพาะคอนโดที่เปิดใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1.78 พันล้านบาท ขายเฉลี่ยได้ถึง 81% และคาดว่า Presales ในเดือนก.ย.จะอยู่ในระดับดีต่อเนืองจากการเปิดขายคอนโดศุภาลัย เอลีท @ พญาไท มุลค่า 1.89 พันล้านบาท ซึ่งได้ยอดขายแล้ว 70% จากการเปิดขายที่ไม่ได้เป็นทางการเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนกำไรปกติ 3Q14 คาดว่าจะดีขึ้น Q-Q และจะมีกำไรปกติสูงสุดใน 4Q14 แนะนำ “ซื้อ” เก็งกำไร ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 28 บาท PE 11 โดยแนวโน้มกำไรปกติปี 2014 สูงถึง 34.4% Y-Y และปี 2015 โตอีก 11.1% Y-Y
(0) PTTEP เข้าซื้อสัดส่วน 20% ในแปลงสัมปทานสำรวจปิโตรเลียม BM-ES-23 สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล จากบริษัท Shell ซึ่งแปลงสัมปทานนี้อยู่บริเวณแอ่ง Esprito Santo นอกชายฝั่งน้ำลึกของบราซิลครอบคลุมพื้นที่ 550 ตารางกิโลเมตร ขณะนี้รอการอนุมัติจากรัฐบาลบราซิล ส่วนวงเงินลงทุนอยู่ระหว่างการประเมิน แต่เชื่อเป็นแหล่งที่มีศักยภาพดีมากเป็นแหล่งผลิตน้ำมันอันดับที่ 11 ของโลก อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าการลงทุนจะเป็นไปตามแผนระยะยาวของ PTTEP ส่วนระยะสั้นยังไม่มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท ยังแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 190 บาท (DCF @WACC 8.9%) จากแนวโน้มกำไรในช่วง 2H14 จะดีขึ้นจากแหล่ง M9 ที่จะเริ่มผลิตเต็มกำลังผลิต
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงกว่า 100 จุดหลังตัวเลขยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลงสวนทางกับที่ตลาดคาด รวมถึงแรงกดดันหลังจีนส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเช่นกันหลังราคาสินค้า Commodity ปรับตัวลดลง รวมถึงคาดการณ์ผลการดำเนินงานของ Tesco ที่อาจออกมาแย่
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นโดยไร้ซึ่งปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด
ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.14-32.30 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.89 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 91.52 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดกังวลต่ออุปทานที่ยังคงมากขณะที่จีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกกำลังเผชิญกับการชะลอตัว
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,217.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดขายบ้านมือสองที่ต่ำกว่าคาด แต่ราคาทองคำปรับขึ้นจำกัดเนื่องจากยังถูกกดดันจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในอนาคต
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ส.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
- ไทย: ธนาคารรายงานสินเชื่อ (ส.ค.)
23 ก.ย. - จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ก.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.ย.)
24 ก.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.)
25 ก.ย. - สหรัฐ: Durable goods order (ส.ค.)
26 ก.ย. - สหรัฐ: 2Q14 GDP (ตัวเลขสุดท้าย),
29 ก.ย. - สหรัฐ: Pending home sales (ส.ค.)
- ไทย: ธปท. ทบทวนประมาณการจีดีพีและเป้าส่งออกใหม่
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852