- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 24 December 2018 15:38
- Hits: 9946
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• คืนวันศุกร์ SET Index ปิดที่ 1,595.33 จุด -0.77 จุด (-0.05%) มูลค่าซื้อขายราว 4.7 หมื่น ลบ. โดยมีแรงขายจากกลุ่มค้าปลีกกดดันระหว่างวัน ส่วนวันนี้คาด SET Index มีโอกาส ย่อตัวต่อเนื่อง ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และภูมิภาค จากปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศ 2 เรื่องหลัก ได้แก่ ยอดการส่งออกไทยเดือน พ.ย. หดตัว 0.95% YoY, ความกังวลจากประเด็น Government Shut Down (Short Run) และแนวโน้ม ศก. ที่ชะลอตัวลง (Long Run) ของประเทศขนาดใหญ่ ทำให้เราคาดดัชนีจะแกว่งผันผวนในกรอบ 1,578-1,600 จุด (ระดับแนวรับ Previous Low –แนวต้านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 วัน)
Market Factors
• (-) Sentiment ในตลาดหุ้นต่างประเทศถูกกดดันด้วยปัจจัยลบทางการเมืองในสหรัฐฯ จากการเข้าสู่ภาวะปิดหน่วยงานราชการชั่วคราวแต่จากข้อมูลในอดีตพบว่าปัจจัยดังกล่าวจะมีผลต่อตลาดหุ้นไม่มากนักโดยในช่วง10ปีที่ผ่านมามีเพียงปี 2564 ซึ่งสหรัฐฯ ปิดหน่วยงาน รัฐฯ 20 วันที่ดัชนี DJIA ปรับตัวลงไปราว 1.7% ทำให้เรามองว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบเพียงในกรอบที่จำกัดเท่านั้น
• (-) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่องหลังมีรายงานจาก Baker Hughes ที่ระบุว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 10 แท่นสร้างความกังวลต่อกำลังการผลิตของสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
• (-) สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน พ.ย.61 โดยภาพรวมการส่งออกลดลง 0.95% มูลค่า 21,237.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากผลกระทบหลักของความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ส่งผลต่อไทยมากขึ้น ซึ่งกระทบต่อการส่งออกไทยไปจีน โดยเฉพาะในสินค้าซัพพลายเชน อีกทั้งส่งผลต่อการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ทั้งเกาหลีและไต้หวัน ส่วนการนำเข้า พ.ย. 61 ขยายตัว 14.66% มูลค่า 22,415 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,177.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
Investment Strategy
• ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ 1,577–1,626 จุด (Bollinger Band Daily, N=20: -2SD to Average) โดยมีปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศ ประกอบไปด้วยความกังวลของตลาดส่งออกไทยที่อาจจะหดตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า, แนวโน้ม ดบ. ขาขึ้นของทั้ง FED และ BOT บวกกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงต่อเนื่องจาก Demand ที่ลดลงสวนทางกับ Supply ที่เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เรายังมองดัชนีจะยืนเหนือแนวรับในโซน 1,575-1,580 จุดจนถึงสิ้นปีนี้ ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน ดังนั้นเราแนะนำทยอยสะสมหุ้น Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่ 3 กลุ่มหลักที่ยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะกลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มสื่อ ซึ่งมีฐานต่ำในปีก่อน จากได้รับผลกระทบจากการขึ้นป้ายไว้อาลัยบวกกับคาดเม็ดเงินโฆษณามีทิศทางสดใสขึ้นรับผลบวกในช่วงเม็ดเงินโฆษณาภาคเอกชนยังโตต่อเนื่อง แนะนำPLANB (แผนขยาย Media Capacity 15-20%YoY และสร้างจุดเด่นด้วยEngagement Marketing), VGI (รับรู้รายได้ป้ายโฆษณาบนสถานี BTS ที่เพิ่มขึ้นตามการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ ส่วน MACO ยังมีผลดำเนินงานดีต่อเนื่องจากแผนปรับปรุงจอโฆษณาจาก Static เป็น Digital ในหลายพื้นที่ บวกกับคาดมีแรงหนุนจากSynergy ในกลุ่มธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น พร้อมแผน M&A อีก 2-3 บริษัทในปีหน้าเพื่อก้าวสู่การเป็น Marketing Solution), และ MAJOR (รายได้ธุรกิจโรงหนังที่มีแนวโน้มปรับตัวดีตามไลน์หนังฟอร์มยักษ์มีความน่าสนใจมากขึ้น สะท้อนได้ด้วยรายได้ Box Office เดือน ต.ค. โต 28.8%YoY บวกกับมีหนังไทยที่ทำเงินดีอย่าง นาคี 2 (441.2 ลบ.) ขณะที่ธุรกิจสื่อคาดได้แรงหนุนจากการเซ็นสัญญาให้บริการลูกค้าใหม่ที่เลื่อนมาจากช่วง 3Q61)
2. กลุ่มค้าปลีก มองช่วง 4Q61 กำลังซื้อจะดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าที่อยู่ในช่วงไว้อาลัยนอกจากนี้ปีหน้ายังมีอานิสงส์บวกจากมาตรการคืน VAT 5% ให้ประชาชนทุกคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตผูกบัญชีพร้อมเพย์ ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. 62 เพื่อกระตุ้นนโยบาย E-Payment เลือก ROBINS (คาดโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะเปิดสาขาใหม่ และกลยุทธ์ปรับ Product Mixed มาเน้นขายสินค้าในกลุ่ม Private Brand มากขึ้น) และ CPN (คาดโตจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ และการปรับปรุงศูนย์การค้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ควบคู่กับการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน โดยปัจจุบัน CPN บริหารจัดการศูนย์การค้า 33 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.7 ล้าน ตร.ม. เพิ่มจาก 1.6 ล้าน ตร.ม. ณ สิ้นช่วง 3Q60)
3. กลุ่มนิคม มองได้อานิสงส์บวกจากการเลือกตั้งที่มีความคืบหน้าชัดเจนขึ้นคาดหนุนทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคม ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 แสน ตรม.)
21-Dec-18 Change (pts.) 20-Dec-18
SET Index 1,595.33 -0.77 1,596.10
SET50 Index 1,067.01 0.79 1,066.22
SET100 Index 2,345.91 0.03 2,345.88
High 1,601.58 Gainers 493
Low 1,586.35 Unchanged 507
Value (Bt m) 46,997.44 Losers 762
Volume (*000) 12,791,233
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 14.9 13.8 13.8
EPS Growth (%) 13.9 9.3 5.1
EV/EBITDA (x) 10.2 9.5 9.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.2 3.5 3.7
ROE 13.1 12.2 12.3
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 21-Dec-18 WTD MTD YTD
Institution 528.75 (3,286.56) (1,844.43) 176,748.45
Proprietary (91.84) (142.58) (1,385.16) (8,744.86)
Foreign 1,084.46 170.83 1,693.43 (285,472.56)
Individual (1,521.37) 3,258.31 1,536.15 117,468.97
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary