WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เออีซี : Daily Focus
 
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    คืนวันศุกร์ SET Index ปิดที่ 1,595.33 จุด -0.77 จุด (-0.05%) มูลค่าซื้อขายราว 4.7 หมื่น ลบ. โดยมีแรงขายจากกลุ่มค้าปลีกกดดันระหว่างวัน ส่วนวันนี้คาด SET Index มีโอกาส   ย่อตัวต่อเนื่อง ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และภูมิภาค จากปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศ 2 เรื่องหลัก ได้แก่ ยอดการส่งออกไทยเดือน พ.ย. หดตัว 0.95% YoY, ความกังวลจากประเด็น Government Shut Down (Short Run) และแนวโน้ม ศก. ที่ชะลอตัวลง (Long Run) ของประเทศขนาดใหญ่ ทำให้เราคาดดัชนีจะแกว่งผันผวนในกรอบ 1,578-1,600 จุด (ระดับแนวรับ Previous Low –แนวต้านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5 วัน)
Market Factors
•    (-) Sentiment ในตลาดหุ้นต่างประเทศถูกกดดันด้วยปัจจัยลบทางการเมืองในสหรัฐฯ จากการเข้าสู่ภาวะปิดหน่วยงานราชการชั่วคราวแต่จากข้อมูลในอดีตพบว่าปัจจัยดังกล่าวจะมีผลต่อตลาดหุ้นไม่มากนักโดยในช่วง10ปีที่ผ่านมามีเพียงปี 2564 ซึ่งสหรัฐฯ ปิดหน่วยงาน รัฐฯ 20 วันที่ดัชนี DJIA ปรับตัวลงไปราว 1.7% ทำให้เรามองว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบเพียงในกรอบที่จำกัดเท่านั้น
•    (-) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่องหลังมีรายงานจาก Baker Hughes ที่ระบุว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 10 แท่นสร้างความกังวลต่อกำลังการผลิตของสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
•    (-) สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน พ.ย.61 โดยภาพรวมการส่งออกลดลง 0.95% มูลค่า 21,237.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากผลกระทบหลักของความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ส่งผลต่อไทยมากขึ้น ซึ่งกระทบต่อการส่งออกไทยไปจีน โดยเฉพาะในสินค้าซัพพลายเชน อีกทั้งส่งผลต่อการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ทั้งเกาหลีและไต้หวัน ส่วนการนำเข้า พ.ย. 61 ขยายตัว 14.66% มูลค่า 22,415 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,177.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
Investment Strategy
•    ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ 1,577–1,626 จุด (Bollinger Band Daily, N=20: -2SD to Average) โดยมีปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศ ประกอบไปด้วยความกังวลของตลาดส่งออกไทยที่อาจจะหดตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า, แนวโน้ม ดบ. ขาขึ้นของทั้ง FED และ BOT บวกกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงต่อเนื่องจาก Demand ที่ลดลงสวนทางกับ Supply ที่เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เรายังมองดัชนีจะยืนเหนือแนวรับในโซน 1,575-1,580 จุดจนถึงสิ้นปีนี้ ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน ดังนั้นเราแนะนำทยอยสะสมหุ้น Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่ 3 กลุ่มหลักที่ยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะกลุ่ม ดังนี้
1.    กลุ่มสื่อ ซึ่งมีฐานต่ำในปีก่อน จากได้รับผลกระทบจากการขึ้นป้ายไว้อาลัยบวกกับคาดเม็ดเงินโฆษณามีทิศทางสดใสขึ้นรับผลบวกในช่วงเม็ดเงินโฆษณาภาคเอกชนยังโตต่อเนื่อง แนะนำPLANB (แผนขยาย Media Capacity 15-20%YoY และสร้างจุดเด่นด้วยEngagement Marketing), VGI (รับรู้รายได้ป้ายโฆษณาบนสถานี BTS ที่เพิ่มขึ้นตามการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ ส่วน MACO ยังมีผลดำเนินงานดีต่อเนื่องจากแผนปรับปรุงจอโฆษณาจาก Static เป็น Digital ในหลายพื้นที่ บวกกับคาดมีแรงหนุนจากSynergy ในกลุ่มธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น พร้อมแผน M&A อีก 2-3 บริษัทในปีหน้าเพื่อก้าวสู่การเป็น Marketing Solution), และ MAJOR (รายได้ธุรกิจโรงหนังที่มีแนวโน้มปรับตัวดีตามไลน์หนังฟอร์มยักษ์มีความน่าสนใจมากขึ้น สะท้อนได้ด้วยรายได้ Box Office เดือน ต.ค. โต 28.8%YoY บวกกับมีหนังไทยที่ทำเงินดีอย่าง นาคี 2 (441.2 ลบ.) ขณะที่ธุรกิจสื่อคาดได้แรงหนุนจากการเซ็นสัญญาให้บริการลูกค้าใหม่ที่เลื่อนมาจากช่วง 3Q61)
2.    กลุ่มค้าปลีก มองช่วง 4Q61 กำลังซื้อจะดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าที่อยู่ในช่วงไว้อาลัยนอกจากนี้ปีหน้ายังมีอานิสงส์บวกจากมาตรการคืน VAT 5% ให้ประชาชนทุกคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตผูกบัญชีพร้อมเพย์ ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. 62 เพื่อกระตุ้นนโยบาย                E-Payment เลือก ROBINS (คาดโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะเปิดสาขาใหม่ และกลยุทธ์ปรับ Product Mixed มาเน้นขายสินค้าในกลุ่ม Private Brand มากขึ้น) และ CPN (คาดโตจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ และการปรับปรุงศูนย์การค้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ควบคู่กับการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน โดยปัจจุบัน CPN บริหารจัดการศูนย์การค้า 33 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.7 ล้าน ตร.ม. เพิ่มจาก 1.6 ล้าน ตร.ม. ณ สิ้นช่วง 3Q60)
3.    กลุ่มนิคม มองได้อานิสงส์บวกจากการเลือกตั้งที่มีความคืบหน้าชัดเจนขึ้นคาดหนุนทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำ AMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคม    ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 แสน ตรม.)
 
21-Dec-18    Change (pts.)    20-Dec-18
SET Index    1,595.33    -0.77    1,596.10
SET50 Index    1,067.01    0.79    1,066.22
SET100 Index    2,345.91    0.03    2,345.88
 
 
 
High    1,601.58    Gainers         493 
Low    1,586.35    Unchanged    507
Value (Bt m)    46,997.44    Losers   762 
Volume (*000)    12,791,233          
 
Market Valuation
SET Data    2018F    2019F    Long Term
Fwd PER (x)    14.9    13.8    13.8
EPS Growth (%)    13.9    9.3    5.1
EV/EBITDA (x)    10.2    9.5    9.0
FWD PBV (x)    1.8    1.7    1.6
Dividend Yield (%)    3.2    3.5    3.7
ROE    13.1    12.2    12.3
 
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    21-Dec-18    WTD    MTD    YTD
Institution    528.75    (3,286.56)    (1,844.43)    176,748.45
Proprietary    (91.84)    (142.58)    (1,385.16)    (8,744.86)
Foreign     1,084.46    170.83    1,693.43    (285,472.56)
Individual    (1,521.37)    3,258.31    1,536.15    117,468.97
 
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432)    [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364)    [email protected]
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!