- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 20 December 2018 15:35
- Hits: 6502
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ลด GDP ปีหน้าขึ้นอีก 2 ครั้ง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ดีดตัวขึ้นถึง +17.93 จุด ปิดที่ 1601.12 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 45.2 พันล้านบาท ในที่สุดวานนี้ กนง.ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.75% และปรับลดคาดการณ์ จีดีพีไทย ปีนี้และปีหน้า แต่ตลาดกลับตอบรับในทางบวก เพราะที่ผ่านมาดัชนีฯได้ตอบรับทางลบไปล่วงหน้า ตอนนี้มีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นแล้ว หุ้นกล่มหลักที่ปรับขึ้นคือ ธนาคาร เพราะจะได้รับประโยชน์ช่วงดอกเบี้ยขึ้น แม้ว่าในทางปฏิบัติอาจยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามทันที สถาบันซื้อสุทธิรายเดียว 890 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 740 ล้านบาท ด้านบัญชีหลักทรัพย์และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิเล็กน้อย สำหรับแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์วันนี้คือ
# ระยะสั้นคาดว่า SET จะผันผวนสูง หากเฟดเพียงปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดที่ 0.25% เป็น 2.25-2.5% SET วันนี้ก็น่าจะบวก เหมือนตอน ที่โล่งอกกนง. วานนี้ดัชนีฯจึงขึ้นแรง แต่เฟดมีการลดคาดการณ์ GDP และปีหน้ายังจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง แม้จะน้อยกว่าเดิมที่ 3 ครั้ง แต่นักลงทุนก็ยังไม่ถูกใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเศรษฐกิจจะด้อยลง ควรจะปรับขึ้นน้อยกว่านี้ จึงอาจทำให้ SET วันนี้กลับมาปรับลงได้
# ส่วน กนง. คาดว่าปีหน้าจะไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่รอดูพัฒนาการก่อน กลุ่มแบงค์วันนี้โฟกัสไปที่การควบรวม TMB กับ ธนชาติ ส่วนราคาน้ำมันปรับดีขึ้นจากสต็อกที่ลดลง ตลาดเพื่อนบ้านส่วนใหญ่เช้านี้ปรับลง ดัชนีความกลัวทรงตัวระดับสูง ดาวโจนส์ล่วงหน้า +84 จุด
# หุ้นเด่นเดือนธ.ค.61 เน้นไปยังหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ที่กองทุนในและต่างประเทศให้ความสนใจ หาจังหวะลงทุนได้แก่ ADVANC, AEONTS, BBL, KKP,TISCO, BEM, CPALL, PTTEP, TOP และหุ้นที่ราคาอ่อนลงมากแต่กำไรยังเติบโตดีในปี 62 คือ GOLD, SVI SET เป้าหมาย SET ปี 62 เป็น 1,780 จุด ใช้ประมาณการ EPS เติบโตปี 61 เป็น 8% และปี 62 ที่ 6% ประเมินด้วย P/E Median+0.5 SD
# หุ้นเด่น: HMPRO:- ก่อนหน้าทริสเรทติ้ง ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร HMPRO เป็น AA- จากเดิม A+ แนวโน้ม Stable สะท้อนความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นของบริษัท การสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแข็งแกร่ง สถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าบ้านในประเทศ ปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะต่อไป คือ 1) การขยาย HomePro S ทดแทนร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิม ,2 (Mega Home และโครงการที่มาเลเซียถึงจุดคุ้มทุนและทำกำไรได้ดีขึ้นในอนาคต ทาง DBSVTH ประมาณการกำไรสุทธิปี 61/62 เติบโต 16%/14% ตามลำดับ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 17.บาท 50
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นค่าบวกทั้งราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1605-1610, 1620 จุด, แนวรับคือ 1580,1570, 1560 จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) คือ 1595
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
In The News : กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.75%
TMB & TCAP : ยังไม่ได้ข้อสรุป...แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงมองว่า Win-Win
ข่าวเด่นวันนี้
New Listing : TQM
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-/• เฟด : ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ปรับลด GDP แต่ปีหน้าลดการขึ้นเป็น 2 ครั้ง
# คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25%สู่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้ ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าลงเหลือ 2 ครั้ง จากเดิมที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
# ในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 3.0% จากเดิมที่3.1% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 2.3% จากเดิมที่ 2.5% ส่วนการขยายตัวในปี 2563 ยังคงอยู่ที่ระดับ2% ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวในปี 2564 ที่ระดับ 1.8% และปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวในระยะยาว สู่ระดับ 1.9%
# สำหรับเงินเฟ้อนั้น เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ และปีหน้าสู่ระดับ 1.9% ขณะที่คงตัวเลขเงินเฟ้อในปี2563 และ 2564 ที่ระดับ 2.1% และคงตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวที่ระดับ 2.0%
- สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 5.32 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. โดยเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปิดลบ ตอบรับข่าวเฟดขึ้นดอกเบี้ย ลดคาดการณ์ GDP
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,323.66 จุด ร่วงลง 351.98 จุด หรือ -1.49% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,506.96 จุด ลดลง 39.20 จุด หรือ -1.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,636.83 จุด ลดลง 147.08 จุด หรือ -2.17%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐทั้งในปีนี้และปีหน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศษฐกิจและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันปรับเพิ่ม สต็อคน้ำมันดิบลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 47.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 57.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
• ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้น ก่อนทราบผลประชุมเฟด
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่1,256.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ปีนี้
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงผลการประชุมประจำเดือนธ.ค. นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย.และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ
•/- เศรษฐกิจไทย: กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ปรับลดคาดการณ์ GDP
# ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 19 ธ.ค.61 ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของปีนี้ มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% มาที่ 1.75% โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งเพื่อสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินสำหรับอนาคต
# การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 54 เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามแรงส่งขออุปสงค์ในประเทศ แม้อุปสงค์ต่างประเทศจะชะลอตัวลง จะเห็นจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศสูงกว่า 4% ติดต่อกัน 3 ปี (60-62) จึงไม่มีความจำเป็นในการพึ่งพาการเงินที่ผ่อนคลายมากอย่างที่ผ่านมา
# อย่างไรก็ดี กนง.ได้ปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจในปี 61 มาอยู่ที่ 4.2% จาก 4.4% และปี 62 ที่ 4.0% จาก 4.2% จากการส่งออกและการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด
# ผลกระทบ: วานนี้ SET ตอบรับข่าวในทางบวก เพราะที่ผ่านมาได้รับข่าวลบไปก่อนหน้าแล้ว และถือว่าจากนี้ไปมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมคือ
(+) กลุ่มธนาคาร โดยปกติแล้วจะเป็นบวก ส่วนต่างดอกเบี้ยดีขึ้น แต่ขึ้นกับสถานะสภาพคล่องของแต่ละธนาคารระยะแรกอาจยังไม่ปรับขึ้นตามดอกเบี้ยนโยบาย
(-) กลุ่มเช่าซื้อ ต้นทุนทางการเงินเพิ่ม ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ตกลงไว้กับลูกค้ายังไม่ปรับขึ้นตาม
(-) อสังหาฯ: ภาระการเงินลูกค้ามากขึ้นในการผ่อนเงินกู้ แต่ราคาหุ้นที่ปรับลงมาก สะท้อนข่าวไปบางส่วนแล้ว
• ธพว.ยังตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ย รอทบทวนอีกครั้ง ก.พ.62
# ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.หรือเอสเอ็มอีแบงก์) ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร MLR ไว้เท่าเดิมที่ 6.875% ต่อปี อย่างน้อยจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จากนั้น จึงทบทวนความเหมาะสมอีกครั้ง
-/+ ค่าเงินบาท : นักวิชาการคาดจะแข็งค่ามากในปี 62 มีโอกาสแข็งสุดในรอบ 5 ปี
# นักวิชาการและนายแบงก์มองไปทิศทางเดียวกัน ชี้ผลดอกเบี้ยแพง-เลือกตั้ง ส่งผลให้ค่าบาทปี 62 มีโอกาสแข็งค่าสุดในรอบ 5 ปี ห่วงกระทบส่งออก ที่ยังเป็นเรื่อง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้โตได้เกิน 4% นับจากนี้
+ AOT: รายงานบอร์ดยันการก่อสร้างเทอร์มินอล 2 เหมาะสม
# รายงานข่าวจาก บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หรือ AOT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท. มีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าแนวทางดำเนินงานโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)ตามที่ฝ่ายบริหาร ทอท.เสนอ และให้เสนอคณะกรรมการ Airport Consultative Committee (ACC) ซึ่งประกอบด้วย สายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการการบินร่วมเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของขนาดโครงการก่อสร้างเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางในการก่อสร้างให้สอดคล้องกับความต้องการของสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
# ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.61 ทอท.ได้มีหนังสือเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดิน บริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A(Concourse A) ถึง ICAO เพื่อสอบถามขอความคิดเห็นจาก ICAO ในฐานะผู้จัดทำรายงานผลการศึกษาแผนแม่บท
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]