WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BAYบล.กรุงศรี : Money Wizard
 
Daily Strategy
"ติดตาม 2 การประชุม"
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index วานนี้ทรุดตัวลงทำ Low ของปี -18.29 จุด (-1.14%) ปิดที่ 1,583 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.25 หมื่นล้านบาท จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวที่ได้ผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้า ประกอบกับราคาน้ามันดิบที่ปรับตัวลงแรงตามความกังวล Demand ที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม ENERG, PETRO และ PROP กดดันดัชนี ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 335 ล้านบาท และซื้อในตลาดพันธบัตร 1,566 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX 6,571 สัญญา 
          แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: คาด SET Index อ่อนตัวลงทดสอบ 1,575 จุด+/- ก่อนจะสลับตัวรีบาวด์ จากแรงกดดันราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงต่ำสุดในรอบ 15 เดือนตามความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวซึ่งกระทบต่อ Demand การใช้น้ำมัน รวมถึง Supply ที่มากขึ้นหลังสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะเป็นตัวถ่วงต่อผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงานในช่วง 4Q18 นอกจากนี้คาดว่านักลงทุนจะรอความชัดเจนผล 2 การประชุมสำคัญในวันนี้ ได้แก่ การประชุม FOMC (คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.5%) และการประชุมกนง. (คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.75%) เพื่อประเมินสถานการณ์การลงทุนในระยะถัดไป ซึ่งจะส่งผลให้ภาวะตลาดผันผวนสูง
 
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy เน้น Domestic play 
          - กลุ่มสายการบิน (AAV, THAI, BA) ได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง 
          - หุ้น Defensive Stock ในช่วงตลาดผันผวน BDMS, BCH และ TTW 
          - กลุ่มค้าปลีก (HMPRO, ROBINS, CPALL) ยอดใช้จ่ายเพิ่มในช่วงปลายปีและนโยบายกระตุ้นภาครัฐ 
          - กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD) คาดงบ 4Q18 เติบโตต่อเนื่องจากการขยายสินเชื่อและสาขาเพิ่มขึ้น 
 
          หุ้นแนะนำวันนี้:AAV (ปิด 4.14 ซื้อเก็งกำไร/เป้า Consensus 4.83) ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงส่งผลบวกต่อต้นทุนการดำเนินงานลดลง (น้ำมันคิดเป็น 30% ของต้นทุนรวม) ธุรกิจสายการบินมอง AAV ได้ผลบวกมากสุด เนื่องจากเป็นสายการบินที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าราคาน้ำมันไว้น้อยที่สุด (4% ของปริมาณที่ต้องการใช้), CPALL (ปิด 70.25 ซื้อ/เป้า 80) ตัวแทนกลุ่มค้าปลีก โดยสถิติเลือกตั้ง 5 ครั้งหลังสุดของไทย กลุ่มค้าปลีกเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีสุดทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง, SVI (5.10 ซื้อ/เป้า 6.3) ตลาดกังวลกำไร 4Q18 ชะลอตัวจากการตัดจำหน่าย Goodwill มากเกินไป ซึ่งเรามองผลกระทบดังกล่าวมีความเป็นไปได้น้อยมาก ทำให้แนวโน้มกำไรยังเติบโตได้ดี ราคาที่ลดลงจึงเป็นโอกาสเข้าซื้อ และเราเลือก SVI เป็น Top Pick ของกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ 
          Top picks ปี 2019 : BGRIM, CPALL, EA, EPG, JMT และ ROBINS 
          KSS report วันนี้ : SPA (ปิด 11.6 ถือ/เป้าใหม่ 12.3 จาก 12)
 
ประเด็นสำคัญวันนี้ :
          (-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 7.3% ปิดที่ระดับ 46.24 $/bbl ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ปัจจัยลบยังเป็นเรื่องเดิมกังวลดีมานด์หดและซัพพลายล้น : เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบต่างเร่งการผลิตก่อนที่ข้อตกลงร่วมของกลุ่ม OPEC + Non OPEC ในการลดกำลังการผลิตจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงปีใหม่นี้ โดยล่าสุดมีรายงานว่ารัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของกลุ่ม Non OPEC มีการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11.42 ล้านบาร์เรลในเดือนนี้ ซึ่งเป็นยอดการผลิตที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ปัจจัยนี้จะยังเป็นปัจจัยลบกดดันหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันต่อเนื่องไปอีก อาทิ PTT, PTTEP และกลุ่มโรงกลั่น TOP, ESSO, SPRC
          (+) กลุ่มค้าปลีก - ครม.อนุมัติมาตรการช็อปช่วงตรุษจีน ด้วยการคืน VAT ให้ 5% มูลค่าซื้อสินค้าสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท เริ่มบังคับใช้ 1-15 ก.พ.62: วานนี้ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้ประชาชนที่ซื้อสินค้าผ่านบัตรเดบิต ในช่วงเทศกาลตรุษจีนในอัตรา 5% ทุกรายการ ยกเว้นเหล้า เบียร์ บุหรี่ กำหนดวงเงินซื้อสินค้าได้สูงสุด 20,000 บาท หรือ คืนภาษีสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท เริ่มมีผล 1-15 กุมภาพันธ์ 2562 คาดกระตุ้นยอดซื้อกลุ่มค้าปลีก อาทิ MAKRO, CPALL
          (+/-) ประชุม เฟด ประเด็นสำคัญอยู่ที่ถ้อยแถลงหลังการประชุม และ Dot plot ว่าจำนวนครั้งของการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าจะลดลงหรือไม่ซึ่งจะมีผลต่อทิศทาง Fund Flow : เราคงมุมมองเดิมโดยคาดเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.5% สอดคล้องกับ Bloomberg Consensus ซึ่งคาดความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.อยู่ที่ 64.9% (ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 74%) แต่ประเด็นสำคัญของการประชุมครั้งนี้อยู่ที่ถ้อยแถลงหลังการประชุม รวมถึง Dot plot ของคณะกรรมการเฟดว่าจะมีการส่งสัญญาณหรือเปลี่ยนแปลงจำนวนครั้งในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าหรือไม่ โดย CME Group คาดจำนวนครั้งของการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าจะลดลงเป็น 1 ครั้ง จาก 2 ครั้งซึ่งจะส่งผลบวกต่อทิศทาง Fund Flow ที่จะชะลอการไหลออกและอาจพลิกเป็นไหลเข้าในตลาดเกิดใหม่
          (+/-) ประชุม กนง.มีลุ้นขึ้นดอกเบี้ย 0.25% นับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 7 ปี : เหตุผลที่แบงก์ชาติจะขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้มาจากความร้อนแรงของเศรษฐกิจหรือเงินเฟ้อที่พุ่งสูง แต่เป็นการขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคตซึ่งเกิดจากการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (Search for yield) เบื้องต้นแบงก์กรุงศรีฯยังคาดการณ์ว่าการประชุมของแบงก์ชาติในวันที่ 19 ธ.ค.จะมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.75% นับเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เป็นบวกต่อ Sentiment ของหุ้นในกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ อาทิ BBL, KBANK, SCB และ KTB      
          
          นักวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน :
          อาทิตย์ จันทร์สว่าง Registration No.16475 
 
          นักวิเคราะห์ เทคนิค และ นักกลยุทธ์:
          ชัยยศ จิวางกูร Registration No. 15942
          ผู้ช่วยนักวิเคราะห์:
          ยุภาวณี เล้าตระกูลชัย
          ณัฐกานต์ โพธิ์ศรี 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!