- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 December 2018 16:04
- Hits: 1490
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Events play
เมื่อวานหุ้นไทยปิดลบไป 16 จุด ตามคาด ส่วนการดีดกลับแม้จะทำได้แย่กว่าที่คิด จากแรงขายหุ้น ที่ค่อนข้างกระจายไปใน หุ้นหัวกระทิ ของแต่ละกลุ่ม เช่น PTT PTTEP BANPU HMPRO BDMS AOT ซึ่งเป็นการขายที่ค่อนข้างกระจุก และ เชื่อว่า ถ้าแรงขายไม่ได้กระจายออกไปแบบเป็นวงกว้าง กลยุทธ์แนะนำ กัดฟันถือหุ้น ที่เราแนะนำไปเมื่อเร็วๆนี้ไว้ก่อน (เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะดีดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว กลับไปเล่นเหนือ 1,640 จุด ได้อีกครั้ง ในเร็วๆนี้)
วันนี้คาด แรงขายจะเริ่มเบาลง และ หุ้นจะเลือกขึ้นเน้นไปที่ตัวกลางๆ เล็กๆ ที่จะมีประเด็นสนับสนุนเข้ามาในเร็วๆนี้ หรือ Events play เช่น BEM (19 ธค. รอดูข้อเสนอ กทพ. รอมชอมคดีค่าโง่ทางด่วน โดยคาดจะขยายอายุสัมปทานให้แทน), การประกาศชื่อหุ้นเข้า SET50 เป็นต้น (GULF WHA), หุ้นหลุด Cash balance สัปดาห์นี้, การประกาศงานเน็ตห่างไกล (ITEL) เป็นต้น ส่วนหุ้นใหญ่จะพักเพื่อรอไป เล่นในรอบถัดไป
ระยะสัปดาห์ คาดตลาดหุ้นไทยพร้อมเปลี่ยนกรอบการเล่น จาก 1,640-1,674 จุด ขยับขึ้นเป็น 1,660-1,688 จุด ภายในสัปดาห์นี้ คาดข่าวบวกหนุนหุ้นไทยจะมาจาก กระแสเลือกตั้งในประเทศ และเล่นดัก การเสนอชื่อ นายกฯ ส่วนปัจจัยต่างประเทศ การเจรจาการค้า จีน-สหรัฐฯ ที่มีปัญหาใหม่ฯ เข้ามาแทรก, เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว (Inverted yield curve) ฯลฯ เราเชื่อว่า จะมีอิทธิพล ต่อหุ้นไทยน้อยลง
What to watch:
(+/-) คาดหุ้นเข้า SET50 รอบใหม่ GULF WHA TPIPP ส่วนหุ้นออก คาดได้แก่ DELTA CBG BEAUTY / คาดแรงซื้อปรับพอร์ต ตามดัชนี SET50 จะมีผลบวก/ลบ ต่อหุ้นที่ เข้า/ออก (ส่วน SET100 เราเชื่อว่าไม่มีผล กับราคาหุ้นรายตัว เพราะกองที่อิงกับ SET100 มีน้อย)
(+) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (รู้ผล 20 ธค.)คาดขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง 0.25% เป็น 2.25-2.5%
(+) การประชุม ECB 13 ธค.จะแจ้งยุติ QE คงดอกเบี้ย -0.4% และคาดว่าจะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจและเปาเงินเฟอลง ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ ECB ทำ LTRO (ECB ให้สถาบันการเงินกู้เงิน) + Operation twist ในปีหน้า
(0/+) การประชุม กนง. 19 ธค.นี้ เราคาดว่า จะคงดอกเบี้ยที่ 1.5% และจะสร้าง Positive surprise
(*/+) คาดการประท้วงปิดบ่อน้ำมัน ชารารา ในลิเบีย ที่มีกำลังการผลิต 3.15 แสนบาร์เรลต่อวัน จะมีผลกระทบจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคาน้ำมันดิบ
หุ้นแนะนำ
AOT CENTEL ดูรายงานวันนี้
เก็บหุ้น Event play
รายงานวันนี้
Tourism and Leisure: Thai tourism recovery--believe!
เรามองว่ากลุ่มท่องเที่ยวไทยจะฟืนตัวใน 1Q19 ซึ่งเป็นช่วง High season จากข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะฟืนตัวภายใน 6 เดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้น (เรือล่มที่ภูเก็ตเกิดขึ้นในเดือน ก.ค.) และคาดจะยังได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการภาครัฐ และช่วงตรุษจีนตอนต้นเดือน ก.พ. อีกทั้งปกติราคาหุ้นของกลุ่มจะเทรดในระดับ Premium ในช่วง High season (ปลาย 4Q-1Q) ในระดับ PER ที่ 38-40 เท่า สำหรับ AOT และ 30-35 เท่า สำหรับกลุ่มโรงแรม หุ้นที่เราชอบที่สุดคือ AOT และ CENTEL ตามมาด้วย ERW
TISCO: Expect moderate profit growth in 4Q18
เราคาดกำไร 4Q18 ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY (ทรงตัว QoQ) ซึ่งเราคาดกำไรเติบโต YoY จาก LLPs ที่ลดลง ในขณะที่สินเชื่อคาดปรับตัวลดลง YoY แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ สำหรับปี 2019 เรามุมมองเชิงบวกจาก NIM ที่ขยายตัว ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนโดยการขยายพอร์ต HP และ microfinance และเรายังคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 6.6% ในปี 2018 และ 7% ในปี 2019 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
ITEL กิจการร่วมค้ารับงานเพิ่ม มูลค่า 414 ล้านบาท
กิจการค้าร่วมอินเตอร์ลิ้งค์ และ ไอซีเอ็น (ITEL&ICN) ชนะการประมูล ระบบสื่อสารรองรับงาน DMS กับการไฟฟานครหลวง (กฟน.) ในราคา 414 ล้านบาท เป็นสัดส่วนของ ITEL 276 ล้านบาท และ เป็นของ ICN 138 ล้านบาท คาดจะลงนามสัญญาภายในเดือนนี้ และรับรู้รายได้ทั้งหมดภายใน ปี 2019
งานดังกล่าวเป็น Positive surprise และเราคาดจะมีการปรับกำไรขึ้น ส่งผลให้การเติบโตในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% และหากรวมงานนี้เข้าไปจะส่งผลให้ PE ลดลงเหลือ 19 เท่า เท่านั้น (กรณี Best case หากคุมมาร์จิ้นได้ดี PE จะเหลือ 17 เท่า) แนะนำ ซื้อ
IVLเข้าซื้อกิจการผลิตเส้นใยถุงลมนิรภัย
IVL ประกาศการเข้าซื้อกิจการผลิตเส้นใยถุงลมนิรภัยผ่านบริษัทย่อย PHP Fibers การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1Q19 ซึ่งมีกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 0.7% ของกำลังการผลิตเส้นใยรวมของบริษัทและคาดว่าจะสร้างกำไรประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี และ อัพไซด์ราคาเปาหมาย 0.18 บาทต่อหุ้น เราเชื่อว่ายังคงมีอัพไซด์ต่อแนวโน้มการเติบโตและประมาณการกำไรในระยะยาวของบริษัทจากการซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ (ราคาเปาหมาย ณ สิ้นปี 2019 ที่ 86 บาท)
หุ้นมีข่าว
(+) TICON เพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เป็น 2.93 พันล้านบาท จากเดิมที่ 1.83 พันล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่จำนวน 1.1 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท แบ่งจัดสรรจำนวนไม่เกิน 550.24 ล้านหุ้น (RO) , จำนวนไม่เกิน 366.83 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป (PO) และ จำนวนไม่เกิน 183.41 ล้านหุ้น (PP) และ/หรือ เพื่อชำระคืนหนี้บางส่วนของบริษัท พร้อมทั้งจะเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท และชื่อย่อบริษัท เป็นบมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) และใช้ชื่อย่อว่า "FPT" (set.or.th)
(+) หัวหน้าคสช.ใช้ม.44 ยกเลิกคำสั่ง-ประกาศ เพื่อปลดล็อกให้ปชช.-พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทาง เว็บไซ์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2561 เรื่อง การให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง (เว็บไซ์ราชกิจจานุเบกษา)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1633.62 (-0.99%) มูลค่าการซื้อขาย 4.2 หมื่นล้านบาท
Dollar strength pressure EM markets fall: ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น กดดันค่าเงินเอเชียและตลาดหุ้นเกิดใหม่ให้อ่อนตัวลง
แนวโน้มตลาด: ตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์ส่งสัญญาณแข็งค่าขึ้น เนื่องจากสาเหตุปัญหาการเมืองในประเทศอังกฤษ Brexit และโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค. แนวโน้มภาพ SET Index อาจต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นเนื่องจากดัชนี SET Index หลุดแนวรับสำคัญ 1650 จุด (25-days EMA) นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ากดดันสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวลดลง คำถาม:แนวรับดัชนีจะอยู่บริเวณใด? จุดที่น่าสนใจคือหากปรับตัวลงมาบริเวณ 1600-1620 จุด จะส่งผลให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำและตรงกับบริเวณเส้นแนวโน้ม ซึ่งน่าจะทำให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับ Oversold เหตุการณ์ในอดีตชี้ว่ารอบการปรับฐานปรกติจะปรับลดลงโดยเฉลี่ย 3-5% ซึ่งปัจจุบันตลาดปรับตัวลงมาแล้วทั้งสิ้น 2 %
คำแนะนำ: ระมัดระวังหุ้นที่ปรับตัวลงต่ำกว่าแนวรับหรือหุ้นที่มี ค่า RSI > 70 บ่งชี้ถึงความผันผวนอาจลงแรงได้และใช้จุด Stop loss หากหุ้นไม่เป็นไปตามคาด
กรณีตลาดปรับลงเราจะเลือกซื้อหุ้นอะไร? เราคาดว่าหุ้นที่น่าสนใจอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1. สัญญาณแข็งแกร่งกว่าตลาด เช่น ตลาดปรับลง หุ้นที่มีโครงสร้างแข็งแกร่งด้านราคาจะมีโอกาสสร้างกำไรได้ดีกว่า 2. หุ้นที่สามารถยืนปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยกลางเลือกใช้ 5&25-days EMA 3.Indicator ยังขึ้นไม่มาก ค่า RSI ไม่ควรสูงกว่า 70 4.ใช้จุด Stop loss หากไม่เป็นไปตามคาด
Technical screen Bull Signal: BCH, VGI, COM7
Technical screen Bear Signal: TOA, SVI, SPALI, OSP
Port หุ้นคงเหลือ: CPALL, CENTEL, PSL, BANPU, COM7 ,RS, SCB, BCH, WHA
แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,620 แนวต้าน 1,640 / SET100 รับ 2385 ต้าน 2410
BSET100 รับ 10.35 ต้าน 10.45 / BMSCITH รับ 12.23 ต้าน 12.34
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
BCH
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:20.20
Stop loss < 18.90
เหตุผล: ราคาทะลุปิดเหนือเส้นกลาง Bollinger band ได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับค่า Bull MACD แสดงรูปแบบขาขึ้นระยะกลาง
VGI
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:8.50
Stop loss < 7.70
เหตุผล: โครงสร้างระยะกลางแกว่งตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมใหญ่ Symmetrical Triangle กรณีทะลุกรอบบนขึ้นไปจะทำให้หุ้นเปลี่ยนรูปแบบเป็นขาขึ้นระยะกลาง หนุนด้วย RSI บ่งชี้ความแข็งแกร่งด้านราคา
COM7
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:20.5-21.00
Stop loss < 19.20
เหตุผล: หุ้นส่งสัญญาณฟืนตัวบริเวณแนวรับสำคัญ ภายหลังจากการปรับตัวลงมากกว่า 15% ขณะที่โมเมนตัมเกิดสัญญาณดีดกลับจากค่า RSI