- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 11 December 2018 15:45
- Hits: 2060
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
SET ต้องกลับไปยืนเหนือ 1640 ให้ได้เพื่อเล่นกลับขึ้นไปใหม่
วันนี้คาดหุ้นไทยจะเปิดลงก่อน ประมาณ 16 จุด (ราว 1%) และดีดกลับ 5-6 จุด ก่อนจะลงอีกทีช่วงบ่าย จากคาด มีคำสั่งขายจากต่างชาติ ค้างอยู่จากเมื่อวานที่เราหยุด
ระยะสัปดาห์ คาดตลาดหุ้นไทยพร้อมเปลี่ยนกรอบการเล่น จาก 1,640-1,674 จุด ขยับขึ้นเป็น 1,660-1,688 จุด ภายในสัปดาห์นี้ คาดข่าวบวกหนุนหุ้นไทยจะมาจาก กระแสเลือกตั้งในประเทศ หลัง พรป.กฎหมายเลือกตั้งมีผลตั้งแต่ 11 ธค. นี้เป็นต้นไป หลังจากนี้ กกต.จะยกร่าง พรฎ.เลือกตั้ง ก่อนส่งให้ ครม.นำขึ้นทูลเกล้าฯ และจะประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ (ตอนนี้ยังคงไทม์ไลน์เดิม 24 กพ. 62) หลังจาก พรฎ.เลือกตั้ง โปรดเกล้าฯ ลงมา
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ทั้งความกังวลการเจรจาการค้า จีน-สหรัฐฯ ยังไม่จบ, เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว (Inverted yield curve) ฯลฯ เราเชื่อว่า จะมีอิทธิพล ต่อหุ้นไทยน้อยลง
What to watch:
(+/-) คาดหุ้นเข้า SET50 รอบใหม่ GULF WHA TPIPP ส่วนหุ้นออก คาดได้แก่ DELTA CBG BEAUTY / คาดแรงซื้อปรับพอร์ต ตามดัชนี SET50 จะมีผลบวก/ลบ ต่อหุ้นที่ เข้า/ออก (ส่วน SET100 เราเชื่อว่าไม่มีผล กับราคาหุ้นรายตัว เพราะกองที่อิงกับ SET100 มีน้อย)
(+) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (รู้ผล 20 ธค.)คาดขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง 0.25% เป็น 2.25-2.5% (+) การประชุม ECB 13 ธค.จะแจ้งยุติ QE คงดอกเบี้ย -0.4% และคาดว่าจะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจและเปาเงินเฟอลง ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ ECB ทำ LTRO (ECB ให้สถาบันการเงินกู้เงิน) + Operation twist ในปีหน้า
(0/+) การประชุม กนง. 19 ธค.นี้ เราคาดว่า จะคงดอกเบี้ยที่ 1.5% และจะสร้าง Positive surprise
(*/+) สำคัญกว่าเลือกตั้ง คือ รายชื่อบุคคล ที่จะถูกเสนอขึ้นเป็น นายกฯ 14-18 มค.นี้ (ถ้าชื่อที่เสนอ ยังคงเป็น นายกประยุทธ์ (หรือชื่อใกล้เคียงทีมรัฐบาลเดิม) คาดว่าตลาดหุ้นจะบวกรับข่าว เพราะเชื่อว่าทีมเศรษฐกิจ และนโยบายจะสานต่อได้เร็ว ลดความเสี่ยงสูญญากาศทางการเมือง)
หุ้นแนะนำ
GULF WHA คาดติด SET50
รายงานวันนี้
Retail: Two themes to play in 2019
หุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศจะเป็น safe havens ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนกับเศรษฐกิจโลก เรามองการลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกในปี 2019 เป็น 2 กลุ่มหลัก 1) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาอาหารที่เพิ่มขึ้น (CPALL และ GLOBAL เป็น top pick) และ 2) กลุ่มที่ฟืนตัวจากฐานต่ำในปี 2018 คาดจะให้ alpha return ได้ดี เพราะราคาหุ้นเทรดให้ส่วนลดจากมูลค่าพื้นฐานมาก (BEAUTY และ CPALL เป็น top pick)
RS: Stock to invest in if you believe in two arguments
ราคาหุ้น RS ปรับตัวลงมากว่า 40% ในปีนี้ เรามองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ หากคุณเชื่อใน 2 เรื่อง 1) ประเด็นปัญหาเครื่องสำอางค์ผิดกฏหมายจะไม่เกิดขึ้นซ้ำในปีหน้า และจะหนุนให้ยอดขายธุรกิจ MPC ของ RS กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเราคาดจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟืนตัวกลับมาอยู่ในระดับปกติตั้งแต่ใน 4Q18 และ 2) ธุรกิจสื่อผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จากมุมมองของทั้งมีเดียเอเจนซี่และผู้ใช้งบโฆษณาต่างมองว่าปีหน้าเม็ดเงินโฆษณาจะมีการฟืนตัว อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงอนุรักษ์นิยมโดยคาดธุรกิจดิจิตอลทีวีของ RS จะยังคงขาดทุนอยู่ในปีหน้า แต่ขาดทุนน้อยลงจากปีนี้ ซึ่งหากเราเชื่อ 2 ประเด็นดังกล่าว เรามองว่าสมมุติฐานการเติบโตของกำไรปีหน้าที่ 45% จะเป็นไปตามคาด เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเปาหมาย 22 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) ของขวัญปีใหม่ให้คน จน 11.4 ล้านคน "กรม บัญชีกลาง"พร้อมโอน 500 บาทใช้จ่ายอะไรก็ได้ เริ่ม8-10 ธ.ค. ส่วนบัตรคนจนรอบเก็บตกกว่า 3 ล้านคนได้รับบัตรปลายเดือนธ.ค. และรับเงิน 500 บาท 5 ม.ค. หน้า
(+) OPEC+ ที่ลดกำลังการผลิตมีรายละเอียดคร่าวๆดังนี้
ประเทศในกลุ่ม OPEC ที่ได้รับการยกเว้นครั้งนี้มี 3 ประเทศ คือ อิหร่าน เวเนซุเอล่า ลิเบีย
ให้ยึดตัวเลขของ October Production เป็นเกณฑ์ จากนั้น ประเทศในกลุ่ม
OPEC ลด 2.5% ประเทศ
non-OPEC ที่เข้าร่วมลด 2% (เช่น รัสเซีย และ former USSR State เช่น อาเซอร์ไบจัน เป็นต้น) ดังนั้นคร่าวๆคือ OPEC ลด 820,000 Non-OPEC 380,000 (รัสเซีย 228,000, ส่วนที่เหลือเป็นของ non-OPEC ประเทศอื่น)
(Source: CNBC)
(*) กลุ่มรับเหมาฯ
วันนี้... จับตาการเปิดซองราคาโครงการรถไฟความเร็วสูง หลังจากทั้งกลุ่ม CP (CP, BEM, CK, ITD) และกลุ่ม BTS (BTS, STEC, RATCH) ผ่านการประเมินด้านเทคนิคไปตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค
ผู้รับเหมาจะได้ประโยชน์ก่อนคนอื่นเนื่องจากมีรายได้เข้ามาตั้งแต่ช่วงก่อสร้าง ส่วน BEM หรือ BTS ก็ต้องใช้ไม่ต่ำกว่า 5 ปีจากนี้กว่าจะเริ่มมีรายได้จากโครงการนี้เข้ามา
แต่ไม่ว่าใครชนะโครงการนี้ ผลของโครงการนี้จะยังไม่ส่งผลต่อประมาณการปีหน้ามากนัก เนื่องจากการก่อสร้างน่าจะเริ่มได้ปลายปี 62 เป็นอย่างเร็ว และในช่วงแรกเป็นการเตรียมงานมากกว่า
สิ่งที่สำคัญคือหลังประมูลโครงการนี้แล้ว เราอาจจะไม่ได้เห็นการประมูลโครงการใหญ่อื่นๆอีกพักใหญ่ เนื่องจากโครงการทั้งหมดที่จะประมูลในลำดับถัดไป ยังไม่ได้ขายซองเลย ดังนั้นไม่น่าจะสามารถประมูลได้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง เราจึงมองว่าตรงนี้น่าจะเป็นจุดสูงสุดของกลุ่มรับเหมาในรอบนี้ แนะนำขายแล้วค่อยกลับมาเล่นหลังเลือกตั้งอีกที
Comment เพิ่มเติมสำหรับ BEM / BTS:
- พันธมิตรในกลุ่มผู้ชนะการประมูลน่าจะมีโอกาสได้รับค่าจ้างในส่วนของงานระบบรถไฟฟา (M&E Works) ในช่วงระหว่างการก่อสร้างโครงการ (~ปีที่ 3-5 ของการก่อสร้าง)
- จากนั้นจึงจะเป็นการรับรู้รายได้ค่าโดยสาร & ค่าจ้างเดินรถและบำรุงรักษา (O&M Works) นับตั้งแต่ปีที่เปิดให้บริการ (คาดเปิดให้บริการประมาณกลางปี 2567) เป็นต้นไป
- การประกาศผู้ชนะน่าจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้นในระยะสั้น แต่จะยังไม่ส่งผลบวกต่อกำไรในระยะสั้น
- BEM เป็น preferred pick ของเรา เนื่องจากน่าจะมี near-term catalyst จาก: 1) โอกาสในการได้รับการต่อสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ซึ่งสัมปทานจะหมดอายุในปี 2563 (จากการที่ BEM ชนะคดีพิพาทกับ กทพ. มา 2 คดีติดต่อกันเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เราเชื่อว่าบริษัทน่ามีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น) และ 2) การเปิดให้บริการรถไฟฟาสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-บางแค) ในไตรมาส 3/62
(Source: Company data, ความเห็น BLS Research)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1649.99 (-0.23%) มูลค่าการซื้อขาย 3.5 หมื่นล้านบาท
Fund flow & SET target price...
หากกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับ ดัชนีจะขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน...
แนวโน้มตลาด: ดัชนีสู้บริเวณจุดรับเส้นค่าเฉลี่ย 1650 จุด (25-days EMA) ขณะที่ความกดดันจากแรงเทขายจากต่างชาติเริ่มคลี่คลายลง อาจเพราะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาคาดการณ์ PER อยู่ที่ 15 เท่าทำให้ตลาดกลับมาน่าสนใจ นอกจากนี้สัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ แนะจับตาประเด็นสำคัญอาทิเช่น นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจผ่อนคลายมากกว่าคาด, เศรษฐกิจในประเทศฟืนตัว, การปลดล๊อคกิจกรรมทางการเมืองและการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ตลาดมีอัพไซด์ขึ้นได้ นอกจากนี้การแข็งค่าเงินสหรัฐฯอิ่มตัวก่อนที่จะกลับมาเป็นแนวโน้มเชิงลบจะกระตุ้นให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับมาสู่ตลาดหุ้นเอเซีย คำถาม:ดัชนีจะขึ้นไปได้อีกไกลแค่ไหน? ตัวเลข Fibonacci ratio 50% และ 61.8% จะแสดงจุดต้านไว้ที่ 1680 จุดและ 1700 จุดตามลำดับ เราคาดว่าหากดัชนีเคลื่อนที่สูงกว่าระดับ 1680 จุด หุ้นขนาดเล็ก-กลาง หรือหุ้นที่ราคาขึ้นช้าอาจกลับมาโดดเด่นขึ้นได้อีกครั้ง
กลยุทธ์การเลือกหุ้น: ในภาวะตลาดมีแนวโน้มปรับขึ้นเราแนะนำการเลือกหุ้นที่มีสัญญาณโดดเด่น โดยใช้ parameter หลักได้แก่ 1.วอลุ่มสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ 2.ราคาปิดฟืนตัวจากแนวรับ 3.หุ้นที่เริ่มแสดงความแข็งแกร่งจากค่า RSI ฟืนตัว 4.สัญญาณซื้อจากเครื่องมือ Stochastic MACD และ เส้นค่าเฉลี่ย 5. ใช้จุด Stop loss หากไม่เป็นไปตามคาด
Technical screen Bull Signal: CPALL,WHA,COM7
Technical screen Bear Signal: INTUCH,EA,SPALI
Port หุ้นคงเหลือ: CPALL, PTTEP, CENTEL, PSL, BANPU, CPN, COM7 ,RS, SCB, BCH
แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,645 แนวต้าน 1,655 / SET100 รับ 2420 ต้าน 2440
BSET100 รับ 10.46 ต้าน 10.56 / BMSCITH รับ 12.35 ต้าน 12.50
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
CPALL
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:77.00
Stop loss <70.00
เหตุผล: หุ้นปรับตัวทะลุแนวต้านหรือเส้น Neck line ภายหลังจากฟอร์มตัวรูปแบบ Head & Shoulder bottom บ่งชี้การเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้นระยะกลาง
WHA
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:4.50-4.60
Stop loss <4.20
เหตุผล: ราคาทะลุปิดเหนือเส้นกลาง Bollinger band ได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับค่า Bull MACD แสดงรูปแบบขาขึ้นระยะกลาง
COM7
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:21.00
Stop loss <19.40
เหตุผล: หุ้นส่งสัญญาณฟืนตัวบริเวณแนวรับสำคัญ ภายหลังจากการปรับตัวลงมากกว่า 15% ขณะที่โมเมนตัมเกิดสัญญาณดีดกลับจากค่า RSI