- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 22 September 2014 16:30
- Hits: 1896
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดยังมีความผันผวนสูงตราบที่มีค่า Current P/E สูงถึง 16.5 เท่า แนะนำขายหุ้นที่แพง (EA, BMCL, ANAN, HEMRAJ, TPIPL) สลับมาซื้อหุ้นที่มี upside/laggard (RS, BTS, STPI) วันนี้เลือก TUF(FV@B76) เป็น Top pick หลังซื้อกิจการต่างประเทศ และสหรัฐไม่คว่ำบาตรสินค้าประมงไทย
สหรัฐไม่คว่ำบาตรสินค้าประมงส่งออก ดีต่อ TUF
ขณะนี้ครบกำหนด 90 วันนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่สหรัฐประกาศว่าจะคว่ำบาตรการค้ากับประเทศที่เข้าข่ายค้ามนุษย์ 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และเวเนซุเอลา (สหรัฐได้ปรับลดอันดับการค้ามนุษย์ สู่ระดับ Tier 3 ซึ่งเป็นอันดับต่ำสุด) ปรากฏว่าล่าสุดสหรัฐ เปลี่ยนใจจะไม่คว่ำบาตรต่อประเทศเหล่านี้ เนื่องจากคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ประเทศที่เข้าข่ายค้ามนุษย์ ต้องชี้แจงข้อมูลเพื่อให้พ้นผิด ซึ่งสหรัฐจะมีการพิจารณาทบทวนว่าจะหลุดพ้นจาก Tier 3 อีกครั้ง มี.ค. 2558 และรายงานอย่างเป็นทางการเดือน มิ.ย 2558
เชื่อว่าประเด็นนี้น่าส่งผลบวกต่อแนวโน้มเชิงจิตวิทยาในกลุ่มอาหาร และกลุ่มประมง และช่วยให้ไทยยังสามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆ ได้ แต่อย่างไรก็ตามที่ผ่านมานักวิเคราะห์กลุ่มอาหารและเกษตรของ ASP มิได้ปรับเพิ่มต้นทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หากมีการคว่ำบาตรทางการค้าเกิดขึ้น (หากมีการคว่ำบาตรทางการค้านั้น ผู้นำสหรัฐสามารถสั่งระงับความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ รวมทั้งยกเลิกความช่วยเหลือด้านการเงินจากธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แก่รัฐบาลของประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีดำ รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรที่ไม่ใช่ทางการค้า เช่น ตัดความช่วยเหลือในด้านการศึกษา หรือวัฒนธรรม) นอกจากนี้ TUF ยังมีประเด็นบวกหนุนระยะสั้น หลังจากที่เข้าซื้อกิจการต่างประเทศ 2 แห่ง คือ
King Oscar สัญชาตินอร์เวย์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตปลาบรรจุกระป๋องที่มีประสบการณ์ยาวนาน 140 ปี และ
MerAlliance สัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตแซลมอนรมควันชั้นนำในยุโรป
โดยนักวิเคราะห์ของ ASP มีมุมมองบวกต่อการเข้าซื้อกิจการทั้งสองแห่ง เพราะนอกจากช่วยสร้างขลุมพลังทางธุรกิจ (Business synergy) แล้ว ยังเป็นการขยายฐานส่งออกเพิ่มเติมในระยะยาวกล่าวคือ ขณะที่การเข้าซื้อ MerAlliance จะเน้นในด้านการพัฒนาธุรกิจแบรนด์ร่วมกับ MWB รวมถึงผลประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด อาทิ การรวมกันจัดหาวัตถุดิบ และการบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ทั้งนี้ ขณะที่การซื้อกิจการ “King Oscar” ซึ่งเป็นแบรนด์ ที่แข็งแกร่งมากในแถบประเทศสแกนดิเนเวีย ทำให้สามารถขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ โดยใช้เครือข่ายของ TUF ที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก
ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการทั้งสองแห่งน่าจะอยู่ที่ 5 พันล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับกระแสเงินสดจากภายในกิจการทั้งหมด เนื่องจาก TUF มีเงินสดคงเหลือ ณ สิ้นงวด 2Q57 ที่สูงถึง 8.4 พันล้านบาท อีกทั้งคาดว่าภายหลังการควบรวมกิจการทั้งสองแห่งแล้ว จะส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิ และ Fair value ปี 2558 ปรับตัวสูงขึ้นราว 6% จากเดิมเป็นหุ้นละ 86 บาท เป็น 91.16 บาท ขณะที่ Fair Value ปี 2557 อยู่ที่ 76 บาท อาจจะมี upside จำกัด จึงแนะนำซื้อลงทุนข้ามปี
ต่างชาติขายหุ้นภูมิภาคต่อเนื่อง แต่สลับมาซื้อไทย
วันศุกร์ที่ผ่านมา ต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นในภูมิภาค และ ขายติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ราว 219 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 14% จากวันก่อนหน้า ทั้งนี้ได้ขายสุทธิสูงสุดยังคงเป็นเกาหลีใต้ และขายสุทธิเป็นวันที่ 2 สูงถึงราว 218 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากวันก่อนหน้า ตามมาด้วยไต้หวันขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ราว 80 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 67% จากวันก่อนหน้า สวนทางกับ ไทยสลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งราว 56 ล้านเหรียญฯ (1.8 พันล้านบาท) เช่นเดียวกับอินโดนีเซียที่พลิกมาซื้อสุทธิราว 24 ล้านเหรียญฯ (ขายสุทธิติดต่อกัน 8 วันก่อนหน้า) ขณะที่ตลาดในฟิลิปปินส์ปิดทำการเนื่องจากพายุเข้า
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยขายหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่อง ใน 2 สัปดาห์หลังสุด แต่กลับเลือกเข้าซื้อไทยต่อเนื่องถึง 12 จาก 15 วันหลังสุดรวม 1.5 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ต่างชาติได้เทขายสุทธิตลาดหุ้นอย่างหนักในช่วงต้นปีนี้เป็นต้นมา ทำให้มีขายตั้งแต่ต้นปีเป็นขายสุทธิ ราว 9.8 พันล้านบาท นับว่าเป็นประเทศเดียวในภูมิภาค (เพราะประเทศอื่น ๆ เช่น TIP ต่างชาติล้วนซื้อสุทธิ) ขณะที่ในตลาดตราสารหนี้ของไทยนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิออกมาเพิ่มเติมอีก 3.3 พันล้านบาท เป็นการขายสุทธิ 6 จาก 8 วันหลังสุด รวม 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจัยหลังนับว่ามีอิทธิพลต่อเงินบาทอ่อนค่า
แนะนำขายหุ้นรายตัวที่ราคาตลาดเกิน Fair Value ปีนี้
ดังที่ได้นำเสนอไปใน Market Talk เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า SET Index ให้ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันสูงถึง 22% โดยกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนชนะตลาด คือ โรงพยาบาล (57.3%), รับเหมาฯ (47.8%), โรงแรม (37.8%), ธ.พ. (37.8%), อสังหาฯ (35.2%), ขนส่ง (32.3%), หลักทรัพย์ (30.9%), ชิ้นส่วนฯ (29.5%) ตรงกันข้ามกับกลุ่มที่ขึ้นน้อยกว่าตลาด คือ ปิโตรฯ (-7.5%), สื่อ-บันเทิง (4.3%), พลังงาน (13.4%), ไอซีที (14.6%), ส่งออกอาหาร (14.8%), ค้าปลีก (16.5%) ฝ่ายวิจัยแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรหุ้นที่เกิน Fair Value ปี 2557 เช่น EA, BMCL, ANAN, TPIPL, VNG, HEMRAJ, SAWAD เป็นต้น
ขณะที่ยังมีหุ้นที่ upside ค่อนข้างมาก และยัง laggard ตลาดอีกหลายบริษัท นอกจากนี้ ยังมีค่า PER ต่ำ และ Div. Yield สูง ฝ่ายวิจัยแนะนำ RS (FV@B 10), BTS (FV@B 12), STPI (FV@B 28.46)
ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล