- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 04 December 2018 15:21
- Hits: 784
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งไม่หลุด 1650 ลุ้นไปต่อได้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET เมื่อวานนี้ปิดพุ่งขึ้น 30.81 จุด ปิดที่ 1672.61 เพราะความกังวลเรื่องสงครามการค้าผ่อนคลายลงหลังสหรัฐเลื่อนการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจากจีน 10% เป็น 25% ออกไปอีก 90 วัน (เดิมจะเริ่มปรับขึ้น 1 ม.ค.62) ทำให้มีเวลาเจรจาข้อตกลงการค้ากันมากขึ้น รวมทั้งคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันมีโอกาสรีบาวด์ถ้ากลุ่มโอเปกมีมติลดการผลิตลง 1.0-1.4 ล้านบาร์เรลในการประชุมวันที่ 6ธ.ค.นี้ หุ้นกลุ่มพลังงานจึงปรับขึ้น Outperform ตลาดชัดเจน....นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 9.5 พันลบ. ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.7 พันลบ.พอร์ตบล.ซื้อขายใกล้เคียงกัน ขณะที่รายย่อยขายสุทธิ 12.3 พันลบ.
# ระยะสั้นมาก Senitiemnt เป็นบวกเล็กๆ แต่การปรับขึ้นแรงของดัชนีเมื่อวานนี้ & จะมีวันหยุดคั่น 1 วัน (5 ธ.ค.) ทำให้มีโอกาสแกว่งจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น อย่างไรก็ดีมองว่าระยะทางของการอ่อนจะยังไม่มากเพราะมีปัจจัยหนุนในระยะสั้น ซึ่งรวมถึงแรงซื้อ LTF โค้งสุดท้ายในเดือนธ.ค.ด้วย
# หุ้นเด่นเดือนธ.ค.61 เน้นไปยังหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ที่กองทุนในและต่างประเทศให้ความสนใจ ได้แก่ ADVANC, AEONTS, BBL,KKP, TISCO, BEM, CPALL, PTTEP, TOP และหุ้นที่ราคาอ่อนลงมากแต่กำไรยังเติบโตดีในปี 62 คือ GOLD, SVI
# Update หุ้นปันผลสูง หุ้นปันผลมีความน่าสนใจทยอยซื้อสะสมในช่วงปลายปี เพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะได้รับเงินปันผลกันแล้ว หุ้นเด่นของเราเป็น TISCO - คาด Dividend Yield 6% จ่ายปีละ 1 ครั้ง, GOLD – คาด Yield 5% จ่ายปีละ 1 ครั้ง (รอบปีสิ้นสุดก.ย.61ประกาศจ่ายปันผล 0.46 บาท/หุ้นขึ้น XD 13 ธ.ค.นี้) , TOP – คาด Yield 6% จ่ายปีละ 2 ครั้ง ครึ่งแรกราว 2% และครึ่งหลัง 4%, KKP –คาด Yield 7% จ่ายปีละ 2 ครั้ง ครึ่งแรกราว 3% และครึ่งหลัง 4%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดเป็นบวก ซื้อใหม่เน้นค่าบวกราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1680-1690, 1700 จุด, SETหลุด 1650 จุดดูไม่ค่อยดี ให้ Stop loss เพื่อรอซื้อช่วงปรับฐาน
สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวกวันนี้เป็น CKP (แนวต้าน 5.5, 5.8-6.0 บาท, ต่ำกว่า 5.0 Stop loss), BEM (แนวต้าน 9.5, 10 บาท, ต่ำกว่า 8.7 Stop Loss)
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
• จีน : จับตาทางการจีนว่าจะมีประกาศเรื่องใหม่ในวันครบรอบ 40 ปีการปฎิรูปเศรษฐกิจหรือไม่
# 18 ธ.ค.61 วันครบรอบ 40 ปีแห่งการปฎิรูปเศรษฐกิจจีน ติดตามดูว่ารัฐบาลจีนจะมีการประกาศคำมั่นเรื่องใหม่หรือไม่หากไม่มีการประกาศ นั่นอาจหมายถึงการตอบโต้ทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐมีสิทธิบานปลายหลังหมดการขยายระยะเวลา 90 วัน
• สหรัฐ : ตัวเลขดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.ยังสูงกว่า 50 แม้ว่าทิศทางไม่ชัดเจน
# ดัชนีภาคการผลิต ISM ของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 59.3 ในเดือนพ.ย. โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ57.8 หลังจากแตะระดับ 57.7 ในเดือนต.ค.อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับตัวเลขของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนจากระดับ 55.7 ในเดือนต.ค.
- สหรัฐ : การใช้จ่ายด้านก่อสร้างอ่อนลงในเดือนต.ค.
การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างปรับตัวลง 0.1% ในเดือนต.ค. ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีปิดพุ่งขึ้น ขานรับสหรัฐ-จีนสงบศึกการค้าชั่วคราว
# นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐขานรับข่าวผู้นำสหรัฐและจีนที่บรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว และจีนยังให้คำมั่นว่าจะสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐ ทั้งผลิตภัณฑ์จากภาคการเกษตร, พลังงาน, สินค้าอุตสาหกรรม และอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก
# ปัจจัยดังกล่าวหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า จีนได้ตกลงที่จะ "ลดและยกเลิก" การเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเกือบ 4%
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 25,826.43 จุด พุ่งขึ้น 287.97 จุด หรือ +1.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,790.37 จุด เพิ่มขึ้น30.20 จุด หรือ +1.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,441.51 จุด พุ่งขึ้น 110.98 จุด หรือ +1.51%
# ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการซื้อขายในวันพุธที่ 5 ธ.ค.นี้ เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่นายจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุชประธานาธิบดีคนที่ 41 ของสหรัฐ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมในวัย 94 ปี เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 30 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ
• การ์ตาจะถอนตัวออกจากกลุ่มโอเปก...กระทบตลาดน้ำมันจำกัด
# นายซาอัด เชอริดา อัล-คาบี รัฐมนตรีพลังงานของกาตาร์ กล่าวในวันนี้ว่ากาตาร์จะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป หลังจากที่กาตาร์เป็นสมาชิกโอเปกนับตั้งแต่ปี 2504 ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียและอีก 3 ชาติอาหรับ ได้ตัดความสัมพันธ์ด้านการค้าและการขนส่งกับกาตาร์ในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว โดยกล่าวหากาตาร์ว่าให้การสนับสนุนอิหร่าน และกลุ่มก่อการร้าย
# กาตาร์จะหันไปให้ความสนใจกับการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในฐานะที่กาตาร์เป็นผู้ส่งออกก๊าซ LNG รายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก ทางด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า การที่กาตาร์ออกจากโอเปกจะไม่มีผลกระทบต่อตลาดน้ำมันมากนักเนื่องจากกาตาร์มีการผลิตน้ำมันเพียง 600,000 บาร์เรล/วัน
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันปิดเพิ่มขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 3.97% ปิดที่ 52.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENTส่งมอบก.พ.61 เพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 3.75% ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ปัจจัยหนุน คือ 1) รัสเซียและซาอุฯ เห็นพ้องที่จะขยายข้อตกลงระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก หรือที่เรียกว่า "โอเปกพลัส" ต่อไปในปี 2562 โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมมือกันในการรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน, 2) มีรายงานข่าวว่ามณฑลอัลเบอร์ตาของแคนาดาจะบังคับให้ผู้ผลิตน้ำมันลดการผลิตราว 8.7% หรือ 325,000 บาร์เรล/วัน เพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณน้ำมันดิบในสต็อกจำนวนมาก และ 3) มีความหวังว่ากลุ่มโอเปกในการประชุมวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ที่กรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย อาจมีมติปรับลดกำลังการผลิต 1.0-1.4 ล้านบาร์เรล/วัน
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาพุ่งขึ้น 1.1%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 13.60 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่1,239.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ปีนี้ หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น
ปัจจัยในประเทศ
เลื่อนเปิดประมูล PPP รถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.4 แสนล้านบาทไปเป็นช่วงก.พ.-มี.ค.62 (จากเดิมธ.ค.61)
# ผู้ว่าการรฟท.คาดว่าจะสามารถเชิญชวนร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มวงเงิน 1.4 แสนล้านบาท รูปแบบ PPP ได้ในเดือนก.พ.-มี.ค.62 (โดยโครงการฯจะเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด PPP ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ จากนั้นจะนำเสนอให้ครม.พิจารณา ถ้าเห็นชอบก็ส่งกลับเข้าบอร์ดรฟม. เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการ มาตรา 35 ที่คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือน ในการออกหลักเกณฑ์การประมูล
# จะสรุปผลประมูลได้ราวไตรมาส 3/62 และใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปี เพราะช่วงเส้นทางตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมเป็นงานใต้ดินส่วนช่วงตลิ่งชัน – มีนบุรีเป็นงานยกระดับ รวมระยะทาง 39.6 กิโลเมตร (เป็นสถานีใต้ดิน 23 สถานี และสถานียกระดับ7 สถานี รวมทั้งหมด 30 สถานี) ทางภาครัฐจะช่วยลงทุนในส่วนงานใต้ดิน
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]