- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 November 2018 15:58
- Hits: 1391
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Sideways
เมื่อวาน ดัชนีหุ้นไทย ไม่สามารถกลับขึ้นไปปิดยืนเหนือ Down trend line ทางเทคนิค บริเวณ 1,644/1,648 จุด ได้ ทำให้แนวโน้มวันนี้ คาด ยังคงแกว่งในกรอบแคบ แนวต้าน 1,644/1,648 จุด (คาดว่าจะผ่านไปได้ ช่วงวันจันทร์-อังคารหน้า) ส่วนแนวรับ คาด 1,630 จุด
คาดปัจจัยลบระยะสั้น จากแรงขายหุ้นที่อิง DW บางตัวเริ่มไม่ฮิต-โบรกเกอร์ไม่ออกต่อ เมื่อหมดอายุลง อาจทำให้พอร์ตโบรกเกอร์มีการขายหุ้นแม่ออก ส่งผลลบ ระยะสั้นต่อราคาหุ้น ที่เชื่อมโยง (เริ่มเห็นแรงขายจากฝั่งพอร์ตโบรกเกอร์เมื่อวาน) ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจโลกช่วงนี้ คาดยังคง Slightly positive เช่น US core PCE ต่ำคาด และเมื่อวาน รายงานการประชุมเฟด (FED minute) ส่งสัญญาณเปิดโอกาสหยุดขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า, PMI ภาคการผลิตจีน 50 จุด ต่ำกว่าคาดที่ 50.2 (ตลาดเริ่มคาดการว่า จีนจะลดดอกเบี้ย Benchmark rate)
ระยะสัปดาห์ คาดหุ้นไทยยังมีความหวังในการฟนตัว เมื่อไม่หลุด 1,600 จุด แนวรับจิตวิทยาสำคัญ และ Fibonacci 50% (คลื่นใหญ่ของดัชนีฯ) กลยุทธ์แนะสะสม / Let profit run หุ้น NAV play (ดูชื่อหุ้นในรายงาน Daily รอบด้านฯ 20 พย.) และเลือกลงทุนรายตัวเน้นหุ้น ตามที่เราจัดพอร์ตตามธีมการลงทุน
What to watch:
(+) MS ออกรายงาน Outlook 2019
1) ลดน้ำหนักลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯลงเหลือ Underweight
2) เพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นเกิดใหม่ (รวมไทย) ขึ้น 2 ขั้น เป็น Overweight
3) คาดราคาน้ำมันดิบเบรนท์ จะกลับขึ้นไปที่ $80/bbl (การแรลรี่ มาก/น้อย ขึ้นอยู่กับผลประชุม OPEC เดือน ธค.)
4) คาดค่าเงินดอลลสหรัฐฯ ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และจะอ่อนค่าลง เมื่อเทียบตะกร้าเงินสกุลหลักอื่นๆ
5) คาดอัตราผลตอบแทนพันบัตรสหรัฐฯ 10 ปี จะลดลงมาอยู่ที่ 2.75%
6) คาดราคาทองคำ จะกลับสู่ภาวะกระทิง อีกครั้ง
7) เศรษฐกิจสหรัฐฯจะโตเหลือ 2.3% จากปีนี้ 2.9%, ยุโรป เหลือ +1.6% จาก 1.9% สวนทางกับ GDP ฝั่งเอเชีย ที่คาดว่าจะรักษาระดับการเติบโตได้ดีกว่า เช่น จีน +6.3% (จาก 6.6%) อินเดีย +7.6% จาก 7.7% และ EM เฉลี่ย +4.7% จาก 4.8%
ส่วนไทย คาดเศรษฐกิจขยายตัว ในปี 2019-2020 (จากปีนี้ ที่ 4.1%) เป็น 3.9% และ 3.8% โดยไทยจะไม่มีความเสี่ยงลักษณะ Stagflation (GDP โต เงินเฟอยืนแค่ 1% ดอกเบี้ย 2% ซึ่งดูดีกว่าตลาดอื่นๆในภูมิภาค)
8) คาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า แค่ 2 ครั้ง และไม่ขึ้นตลอดครึ่งปีหลัง (2H19)
(+) ผลประชุม G20 30 พย.-1 ธค.และการพบกันนอกรอบของ ปธน.จีน สหรัฐฯ ตลาดคาดหวังสัญญาณเชิงบวก จาก ทวีตเตอร์ ของ ปธน.ทรัมป / ผลประชุม โอเปก 6 ธค. คาดลดกำลังการผลิต
(+) เมื่อวาน US Core PCE +0.1% m-m ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +0.2% / โอกาสที่ปีหน้า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย เหลือแค่ 2 ครั้ง เพิ่มมากขึ้น จากตัวเลขเงินเฟอ และ เศรษฐกิจที่ไม่รองรับ การเร่งขึ้นดอกเบี้ย
(*/-) ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.75%
(+/-) 30 พย. MSCI รอบใหม่ จะมีผลบังคับใช้: GULF MTC ติด Standard index ส่วน Small Cap index เพิ่ม CBG MBK ถอด CCET DDD ICHI MONO VNG MTC
หุ้นแนะนำ
BEM เร่งเปิดให้บริการเดินรถสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-หลักสอง) สร้างเสร็จเร็วกว่ากำหนด
BCH ดูรายงานวันนี้
รายงานวันนี้
AOT: 4Q18 result was as expected; exciting 1Q19 outlook
รายงานกำไรหลัก 4Q18 (ก.ค.-ก.ย. 2018) ที่ 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY แต่ลดลง 19% QoQ กำไรสุทธิอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% YoY (ฐานต่ำในปีที่แล้วจากค่าใช้จ่ายพิเศษ) กำไรที่ออกมาเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด มุมมอง 1Q19 (ต.ค.-ธ.ค. 2018) คาดกำไรเติบโต YoY และ QoQ หนุนโดยปัจจัยด้านฤดูกาลและการฟนตัวของนักท่องเที่ยวจีน (เริ่มเห็นการฟนตัวตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.) QTD ตัวเลขผู้โดยสารปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับ single digit YoY และคาดจะฟนตวแรงในเดือน ธ.ค. จากมาตรการหนุนของทางภาครัฐ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเปาหมาย 80 บาท
ORI: Pull the plug
เรามีมุมมอง Bearish ต่อกลุ่มอสังหาฯ (ที่อยู่อาศัย) เพราะเรามองว่าภาพอุตสาหกรรมที่ตึงตัวจากมาตรการของ ธปท. รวมถึงกฏหมายภาษีที่ดินฯ ฉบับใหม่ จะส่งผลให้เกิดการเร่งระบาย inventory ของผู้ประกอบการ ส่งผลให้มาร์จิ้นลดลง ซึ่งเราได้ศึกษาและเปรียบเทียบจากเหตุการณ์ในอดีต พบว่าในที่สุดก็จะเกิดการปรับลดกำไรลง และการพลาดเปาจากเปาหมายธุรกิจ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเรามองว่าระยะสั้นหุ้นมีโอกาสรีบาวน์ได้จากกำไร 4Q18 ที่น่าจะออกมาแข็งแกร่งและเงินปันผลที่สูง แต่เราคาดจะไปได้ไม่ไกล จึงแนะนำเพียง ซื้อเก็งกำไร ไปกับการรีบาวน์รอบนี้ และหาจังหวะลด position ก่อนที่จะถึงช่วงที่มาตรการของ ธปท. จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เม.ย. 2019
BCH Key takeaways from analyst meeting
ตลาดมีมุมมองเชิงบวกจากแนวโน้มการฟนตัวของจำนวนผู้ปวยประกันสังคมในปี 2019 รวมถึงแนวโน้มอัพไซด์จากอุปสงค์ผู้ปวยต่างชาติของโรงพยาบาล World Medical Center (WMC) และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง นอกจากนี้ความล่าช้าของโรงพยาบาล 2 แห่งใหม่ถือเป็นข่าวดีเนื่องจากไม่มีความกังวลในด้านภาระต้นทุนไปอีกสองปีข้างหน้า ข้อมูลเชิงบวกจากที่ประชุมเหล่านี้จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไป เราแนะนำนักลงทุนสะสมหุ้น BCH เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจและแนวโน้มกำไรเติบโตสูงสุดของกลุ่มในปี 2019 เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเปาหมายปี 2019 ที่ 22 บาท
Quantitative Strategy: กระทิงพร้อมกลับมาคำราม
ตลาดหุ้นไทยปรับดีดตัวขึ้น 2% ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ปรับลงไปแตะระดับแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1600 จุดอีกครั้งหนึ่ง สำหรับช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าเราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงปรับขึ้นได้ต่อ เนื่องจาก 1) แบบจำลองความผันผวนของเราชี้ว่าความผันผวนของตลาดหุ้นไทยทำจุดสูงสุดไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา และความผันผวนจะค่อยๆปรับลดลงในเดือนธันวาคม ดังนั้นรูปแบบการแกว่งของตลาดที่ผันผวนคาดว่าจะหมดไปในช่วงสี่สัปดาห์ข้างหน้า 2) ดัชนี Volume Flow ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากระดับ Neutral และดัชนีชี้วัดโมเมนตัมระยะสั้น (Short-term Momentum Strength Index) ส่งสัญญาณว่าตลาดกำลังสร้างโมเมนตัม 3) ทั้งดัชนี Short-term Bull2Bear และ Medium-term Bull2Bear ฟนตัวจากกรอบล่าง 4) ดัชนีชี้วัดความต้องการรับความเสี่ยง (Risk Demand Index) รีบาวด์จากระดับมองตลาดในแง่ร้ายเกินไป (Over-pessimistic) และบารอมิเตอร์วัดความเสี่ยง (Risk Barometer) ไม่ปรับลดลงแล้ว ดังนั้นเราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้ต่อและคาดว่าโมเมนตัมของราคาจะทำให้ตลาดปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งหลังจากที่ดัชนีชี้วัดโมเมนตัมระยะสั้น (Short-term Momentum Strength Index) ปรับขึ้นกลับสู่แดนบวก ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนธันวาคม
หุ้นมีข่าว
(+) BEM 'ไพรินทร์' ลั่น เปิดเดินรถไฟฟาสายสีน้ำเงิน 'หัวลำโพง-หลักสอง' เร็วกว่าเปา เสร็จก่อนกำหนด ก.ย.62 เตรียมเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี เหมือนสายสีเขียว แบริ่ง-ปากน้ำ ตามด้วยช่วง 'เตาปูน-ท่าพระ' จะเปิดให้บริการปี 2563 (ที่มา ข่าวสด)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1636.49 (-0.25%) มูลค่าการซื้อขาย 3.6 หมื่นล้านบาท
Bullish SET & Bearish Dollar...
ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นขณะที่ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงได้หรือไม่..
แนวโน้มตลาด: ตลาดหุ้นภูมิภาคยังคงเผชิญกับภาวะความผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯ-จีนในวันนี้ หากสามารถเจรจาแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากันได้จะเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์สินทรัพย์ ในส่วนของชาร์ตขอหยิบวิธีการลากเส้น Trend line เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มตลาด SET Index และ Dollar Index จะมีทิศทางเป็นอย่างไร? โครงสร้างตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปี 2018 จนถึงปัจจุบัน ดัชนีปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดที่ 1850 จุด ในขณะเดียวกันค่าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันดัชนีดอลลาร์กำลังทดสอบจุดต้านสำคัญ หากส่งสัญญาณอ่อนค่าลง จะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ไม่ยาก ล่าสุดเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายทางการเงินส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
สรุป: ทิศทางตลาดมีโอกาสฟนตัวและยังมองเป็นจุดน่าสนใจในการเข้าซื้อ
วิธีการเลือกหุ้น: เราแนะนำหุ้นที่มีสัญญาณแข็งแกร่งโดยใช้ parameter หลักได้แก่ 1.วอลุ่มสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 สัปดาห์ 2.ราคาปิดฟนตัวจากแนวรับ 3.หุ้นที่เริ่มแสดงความแข็งแกร่งจากค่า RSI ฟนตัว 4.สัญญาณซื้อจากเครื่องมือ Stochastic ,MACD ,Moving average
Technical screen Bull Signal:TOP,THAI, VGI
Technical screen Bear Signal: TU, SAT, BWG
Port หุ้นคงเหลือ: CPALL, PTTEP,TOP, CENTEL, KBANK, THAI, OSP, IRPC, KKP, ADVANC
แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,630 แนวต้าน 1,645 / SET100 รับ 2400 ต้าน 2425 BSET100 รับ 10.40 ต้าน 10.50 / BMSCITH รับ 12.20 ต้าน 12.35
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
TOP
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:81.00
Stop loss <74.00
เหตุผล: ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลง 15% ปัจจุบันหุ้นสามารถยืนสร้างฐานได้แข็งแกร่ง ขณะที่เครื่องมือ Stochastic บ่งชี้สัญญาณกลับตัว
THAI
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:16.50-17.00
Stop loss <14.30
เหตุผล: หุ้นปรับตัวขึ้นได้ตามคาด ขณะที่โซนราคา 13-13.5 บ่งชี้แนวรับที่แข็งแกร่ง หนุนด้วยสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นระยะกลาง MACD > 0
VGI
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:8.50
Stop loss <7.70
เหตุผล: หุ้นกลับขึ้นมายืนปิดเหนือเส้นกลาง Bollinger band ได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนด้วยเครื่องมือวัดโมเมนตัม RSI บ่งชี้ความแข็งแกร่งด้านราคา