- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 November 2018 15:56
- Hits: 1516
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Wait & See ผลการพบปะผู้นำสหรัฐกับจีน• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET เมื่อวานนี้ผันผวน ระหว่างวันขึ้นไปสูงสุด 1650.69 จุด (+10.06 จุด) แล้วถอยลงมาปิดที่ 1636.49 (-4.14 จุด) โดยมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นในกลุ่มแบงค์, โรงกลั่น และหุ้นใหญ่ที่ปรับขึ้นในช่วงก่อน เช่น SCC, ADVANC, INTUCH, DTAC, AMATA เป็นต้น นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิต่อแต่น้อยลงเป็น 1.7 พันล้านบาท อีก 3 กลุ่มที่เหลือยังคงขายสุทธิ
# นักลงทุนยังระวังการซื้อขายก่อนผู้นำสหรัฐกับจีนจะพบปะกันในวันเสาร์นี้ และการที่นายนาวาร์โร (ที่ปรึกษานโยบายการค้าของทรัมป์ ซึ่งมีจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีน) เข้าร่วมประชุมด้วย ทำให้ตลาดกังวลว่าทั้งสองฝ่ายอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า Asia เช้าวันนี้บวก/ลบกรอบแคบๆ
# ส่วนที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้น คือ 1) รายงานการประชุมเฟด 7-8 พ.ย.ที่ส่งสัญญาณไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยกรรมการเฟดส่วนใหญ่ได้แสดงความเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปน่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้, 2) ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ หลังผู้นำรัสเซียมีแนวโน้มจะร่วมมือกับกลุ่มโอเปกลดการผลิตลง ซึ่งกลุ่มโอเปกจะมีการประชุมกันวันที่ 6 ธ.ค.นี้ และอาจมีมติลดการผลิต 1.0-1.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า และ 3) แรงซื้อ LTF จะคึกคักขึ้นในเดือนธ.ค.
Update หุ้นเด่น : AEONTS – บริษัทปรับกลยุทธ์ธุรกิจ โดยเน้นลูกค้าระดับกลาง-บนมากขึ้น มีการจับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจบัตรเครดิต ขยายวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลให้กับลูกค้าชั้นดี ปิดจุดบริการที่ไม่ทำกำไร ทำให้ผลกำไรเติบโตได้ทั้งในปี 61-62 ธุรกิจในต่างประเทศจะทำกำไรได้ดีขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 3% ของกำไรทั้งหมด จะขยายเป็น 10% ในอีก 5 ปีข้างหน้า แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 250 บาท ส่วนการวิเคราะห์ทางเทคนิค แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวก/หรือเมื่อราคาหุ้นยืนเหนือ 190 บาทได้ โดยมีแนวต้านระยะสั้น 200+/-, 210 บาท ค่าลบให้ Wait & See แนวรับกรณีอ่อนตัว 180+/-,170 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพตลาดเปลี่ยนเป็นลบเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวกราคาหุ้นและดัชนี แนวต้านระยะสั้น 1640-1650, 1660 จุด, SETหลุด 1630 จุดดูไม่ค่อยดี ให้ Stop loss หรือ Wait & see แนวเด้ง (แนวรับย่อย) อยู่ในพื้นที่ 1620-1600, 1580 จุด
สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวกวันนี้เป็น BGRIM (แนวต้าน 28-29 บาท, ต่ำกว่า 26.50 Stop loss) และ VGI (แนวต้าน 8.1-8.2, 8.5 บาท, ต่ำกว่า 7.6 Stop Loss)
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : การใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค.61
# การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือนในเดือนต.ค. โดยเพิ่มขึ้น 0.6% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4% และสูงกว่าตัวเลขการใช้จ่ายในเดือนก.ย.ที่ระดับ 0.2% แรงหนุนมาจากการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพ และด้านสาธารณูปโภค
• ติดตามผลการพบปะระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนวันเสาร์นี้
# ปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิง มีกำหนดหารือและรับประทานอาหารค่ำร่วมกันในวันเสาร์นี้ โดยทรัมป์จะเน้นเจรจาในประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา, กรรมสิทธิ์ของบริษัทสหรัฐในจีน และการตั้งกำแพงการค้าทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับภาษี รวมถึงการอุดหนุนรัฐวิสาหกิจ
# การมีนายนาวาร์โรเข้าร่วมการประชุมพร้อมกับปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ได้ทำให้นักลงทุนวิตกว่าอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในการเจรจา เพราะนายนาวาร์โรนับเป็นที่ปรึกษานโยบายการค้าที่มีจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีน
- ทรัมป์ยกเลิกประชุมสุดยอดกับ"ปูติน"ที่ G20 ท่ามกลางวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความว่าเขาได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินผู้นำรัสเซีย นอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในปลายสัปดาห์นี้ เนื่องจากรัสเซียยังไม่ได้ส่งคืนเรือและลูกเรือกลับสู่ยูเครน
# ทั้งนี้รัสเซียได้ยิงเรือ 3 ลำของยูเครนใกล้กับช่องแคบเคิร์ชในทะเลดำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และได้ยึดเรือดังกล่าวพร้อมกับลูกเรือ โดยอ้างว่ายูเครนได้รุกล้ำน่านน้ำของรัสเซีย
+ สหรัฐ : เฟดส่งสัญญาณไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย
# รายงานการประชุมประจำวันที่ 7-8 พ.ย.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ได้แสดงความเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปน่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ กรรมการเฟดบางคนได้แสดงความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอาจส่งผลให้การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงและสร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ
# กรรมการหลายคนของเฟดแสดงความเห็นว่า ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันข้างหน้า เฟดควรเริ่มเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในแถลงการณ์ที่เคยเน้นย้ำว่าเฟดประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายจากข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำดังกล่าวนั้น จะช่วยสื่อสารให้สาธารณชนได้รับทราบว่า คณะกรรมการ FOMC มีความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีปิดอ่อนตัวลงเล็กน้อย
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 25,338.84 จุด ลดลง 27.59 จุด หรือ -0.11% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,273.08 จุด ลดลง 18.51จุด หรือ -0.25% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,737.76 จุด ลดลง 6.03 จุด หรือ -0.22%
# นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการเจรจาระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G20และขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับขึ้นมาในหลายวันก่อน
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 51.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENTเพิ่มขึ้น 75 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 59.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ปัจจัยหนุน คือ มีแนวโน้มว่ารัสเซียจะร่วมมือกับกลุ่มโอเปกในการปรับลดการผลิต โดยผู้นำรัสเซียกล่าวว่า เขาพอใจกับราคาน้ำมันที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาที่มีความสมดุลและเป็นธรรม
# จับตาการประชุมโอเปกในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยมีการคาดการณ์ว่า โอเปกอาจปรับลดกำลังการผลิต 1.0-1.4 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมดังกล่าว
• ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองคำปิดทรงตัว
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่1,230.40 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนรอผลการพบปะผู้นำสหรัฐและจีนวันเสาร์นี้
ปัจจัยในประเทศ
• ปลัดพลังงาน ยังไม่เคาะเลือกหน่วยงานรัฐเข้าร่วมทุนในแหล่งเอราวัณ-บงกชรอหลังสรุปผลประมูล ธ.ค.
# ที่ประชุมคณะกรรมการปิโตรเลียมเมื่อวานนี้ (29 พ.ย.) หารือในกรอบกว้างสำหรับหน่วยงานรัฐที่จะเข้าร่วมทุนสัดส่วน25% ในแปลง G1/61(แหล่งเอราวัณ) และ G2/61 (แหล่งบงกช) หลังจากได้รายชื่อผู้ชนะการประมูลทั้ง 2 แหล่งแล้ว
# ส่วนการพิจารณาผู้ชนะการประมูลในแหล่งเอราวัณและบงกชนั้นยังไม่มีข้อสรุป โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการปิโตรเลียมอีกครั้งในเดือน ธ.ค.นี้ จากนั้นคาดว่าจะทราบรายชื่อผู้ชนะการประมูล รวมทั้งภาครัฐที่จะเข้าร่วมถือหุ้นด้วย
# ทั้งนี้แหล่งเอราวัณ มีผู้ยื่นประมูล 2 ราย ได้แก่ 1. บริษัท ปตท.สผ.เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้น 60% ร่วมกับบริษัท เอ็มอีจี 2 (ประเทศไทย) จำกัด ในกลุ่มมูบาดาลา ถือหุ้น 40% 2. บริษัท เชฟรอน ไทย แลนด์ แอนด์ โฮลดิ้ง จำกัดถือหุ้น 74% ร่วมกับบริษัท มิตซุย ออยล์ เอ็กซ์โปลเรชั่น คัมปานี ลิมิเต็ด ถือหุ้น 26% ส่วนแหล่งบงกช ได้แก่ 1. บริษัทปตท.สผ.เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้น 100% และ 2. บริษัท เชฟรอน ไทย แลนด์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 74%ร่วมกับบริษัท มิตซุย ออยล์ เอ็กซ์โปลเรชั่น คัมปานี ลิมิเต็ด ถือหุ้น 26%
• ม.หอการค้า ลุ้น GDP 4Q61 โต 3.5-4% และทั้งปี 61 โตได้ 4-4.2%
# นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 61 เติบโต 4-4.2% โดยคาดหวังว่าสัญญาณเศรษฐกิจในเดือน พ.ย.-ธ.ค.น่าจะกระเตื้องขึ้น พร้อมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4/61 จะเติบโตราว 3.5-4%
# มองมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ะมาตรการช็อปช่วยชาติ และมาตรการดูแลราคายางพาราและปาล์มน่าจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจในระยะถัดไปดีขึ้นได้
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]