WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
ภาพตลาดและแนวโน้ม
 
Black Friday (นอกจากสินค้าลดราคา หุ้นไทยก็ลดราคาให้ช้อปด้วย)
          เมื่อวาน หุ้น High growth/ High PE ตัวกลาง-เล็ก ลงแรงอีกครั้ง นำลงโดย BEAUTY TKN ส่วนหุ้น Defensive low beta ตลอดจนหุ้น NAV play ยัง Outperform ดัชนีฯ  
          ภาพตลาดช่วงนี้ ยังคงเป็นตามที่เรา ประเมิน คือ
          i) อย่าเพิ่งรีบซื้อสวน หรือ Buy on dips หุ้น High growth/PE ตลอดจนหุ้นที่มี Overhang, 
          ii) การเพิ่มพอร์ตควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นไปที่หุ้น NAV play การซื้อต้องเหมาะกับคนเงินเย็น ซื้อแล้วอาจไม่ขึ้นเร็วต้องทนถือหน่อย,
          และ iii) ใครที่ต้องการเล่นรอบ ให้รอ ดูแนวรับ 1,600 จุด ว่าจะรับอยู่หรือไม่ ต้องระวังแรงขาย Panic sell จากการ stop loss ทางเทคนิค และ การล้างสถานะอนุพันธ์ต่างๆ
          กลยุทธ์ แนะเพิ่มพอร์ต อย่างระวัง โดยเริ่มจากหุ้นที่เราแนะนำ ตาม NAV play หรือ หุ้นตามประเด็นลงทุน ในรายงาน Weekly ทั้ง 10 ตัวไปก่อน เช่น AOT CENTEL DDD CPALL CPN BEM GFPT CPF TU PTTEP เป็นต้น
 
What to watch:
          (+) ต่างชาติขายหุ้นไทยหนัก บจ. สบช่องราคาลงแรง แห่ซื้อหุ้นคืน Treasury stock
          (+) ดีเดย์ ช้อปช่วยชาติ เริ่ม 15 ธค. สรรพากร สศค. เร่งสรุปภายใน 2 วัน แต่รอบนี้เบรกสินค้าฟุมเฟอย
 
หุ้นแนะนำ 
          ROBINS ดูรายงานวันนี้
 
รายงานวันนี้
 
ROBINS: Slow but cheap
          การเติบโตจะยังไม่น่าตื่นเต้น เพราะธุรกิจห้างโรบินสันนั้น SSS ยังคงหดตัวลงในเดือน ต.ค. และเราคาดในช่วงที่เหลือของปีจะยังไม่น่าตื่นเต้น และในปีหน้าการเปิด Central ปาตอง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรบินสันจังซีลอน น่าจะกระทบยอดขายพอสมควรเพราะสาขานี้เป็น top 3 ของบริษัท อย่างไรก็ดีด้วย valuation ที่น่าสนใจด้วย PE เพียง 24.2 และ 21.3x ในปี 2018-19 ตามลำดับ เราแนะนำ ซื้อ ราคาเปาหมาย 80 บาท   
 
MAJOR: Is Netflix killing MAJOR?
          การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Streaming platform อย่าง Netflix ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าธุรกิจนี้จะเข้ามา Disrupt ธุรกิจโรงหนังเหมือนหลายๆธุรกิจหรือไม่ แต่จากข้อมูลที่เราศึกษามาพบว่า รายได้ Box office ในโลกยังคงทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี และกลุ่มคนที่ดูหนังในโรงภาพยนตร์จำนวนหลายครั้งต่อปี เป็นคนกลุ่มเดียวกับที่ดูหนังผ่าน Streaming นั่นหมายความว่าคนที่ชอบดูหนังก็ยังเลือกที่จะดูหนังในทุกแพลตฟอร์ม กลับมาที่ MAJOR เองเราพบว่าทั้งในด้านของยอดขายตั๋วหนังและจำนวนคนที่เข้าโรงหนังก็ยังเติบโตได้ทุกปี เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่า Streaming platform จะยังไม่สามารถเข้ามา Disrupt ได้ในระยะสั้น-กลาง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร จากคาดการณ์กำไรใน 4Q18 ที่จะเติบโตแข็งแกร่ง   
 
Soybean: Another bearish USDA report in Nov
          USDA รายงานตัวเลขเชิงลบอีกครั้ง เพราะตัวเลข stock ของทั้ง US และทั่วโลกทำจุดสูงสุดอีกครั้ง และโอกาส El Ni-o ที่สูง 80-84% น่าจะทำให้ผลผลิตจากอเมริกาใต้ออกมาจำนวนมาก และมีโดยปรับลดการนำเข้าถั่วของจีนลงอีก 4 ล้านตัน เป็น 90 ล้านตัน ซึ่งเท่ากับปริมาณที่ US ปรับลดการส่งออก เรามองภาพของ TVO น่าจะมีมารืจิ้นที่ลดลงไปจนถึงปีหน้า แนะนำ ถือ
 
Quantitative Strategy: Alpha Detector
          ในรายงานฉบับไตรมาสที่แล้ว 24 สค. หุ้นที่เราเลือกให้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ย 10.7% (เทียบกับตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 3.7%) ตลาดรอบนี้เรามองว่าหุ้นไทยจะรีบาวด์ได้ตามตลาดต่างประเทศในเดือน ธ.ค. โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มักปรับตัวขึ้นได้ดีในเดือนดังกล่าว คือ CONMAT, ENERGY & UTILITIES, FOOD, PETRO, TRANS สำหรับหุ้นเด่นในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม โปรดติดตามได้ในรายงานฉบับเต็ม 
 
หุ้นมีข่าว
          (+) BR  อนุมัติ ซื้อหุ้นคืน 43 ล้านหุ้น วงเงิน 200 ล้านบาท (ที่มา ตลท.)
          (+) WHA  "พาณิชย์" เผยบริษัทตั้งใหม่ในพื้นที่อีอีซี 10 เดือนพุ่ง 6,095 ราย เพิ่ม 8.22% ทุนจดทะเบียนรวม 1.64 หมื่นล้านบาท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาแรงยอดสูงสุด ตามด้วยก่อสร้าง ภัตตาคารและร้านอาหาร ส่วนบริษัทที่จัดตั้งและมีต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49.99% พบเป็นชาวญี่ปุนมากสุด รองลงมา เป็นสิงคโปร์ และจีน (ที่มา ผู้จัดการ) 
          (+) CBG  ลดงบหนุน ทีม เชลซี ตัดค่าใช้จ่าย IC UK รุกเจาะตลาด ใหม่ ออสเตรเลีย (ที่มา ทันหุ้น)
          (+) นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยว่า โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะ 3 เป็นหนึ่งใน 5 โครงการหลักของรัฐบาลในการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่จะเริ่มมีการพัฒนาก่อสร้างในปี 2563 โดยโครงการดังกล่าว กนอ.ได้เริ่มเปิดขายเอกสารการคัดเลือก Request for Proposal (RFP) ตั้งแต่วันที่ 9-21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดขายซองทีโออาร์ เป็นตามแผนที่กำหนดไว้ (ที่มา แนวหน้า) 
          (+) BJC WG  เข้าซื้อ หุ้นบริษัท ไว้ท์กรุ๊ป จากัด (มหาชน) ("WG") ซึ่งประกอบธุรกิจนาเข้าและจาหน่ายเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม จานวนรวมทั้งสิ้น 8,967,818 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 50.24 ของหุ้นที่ออกจาหน่ายแล้วทั้งหมดของ WG ในราคาหุ้นละ 180 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ตกลงกันระหว่าง BRH และผู้ขาย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,614.2 ล้านบาท โดยรับซื้อหุ้นจากผู้ขายซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้ (1) บริษัท โอสถสภา จากัด (มหาชน) จานวน 4,171,118 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.37 ของหุ้นที่ออกจาหน่ายแล้วทั้งหมดของ WG) (2) บริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ แอสเซท จากัด จานวน 1,570,200 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.80 ของหุ้นที่ออกจาหน่ายแล้วทั้งหมดของ WG) และ (3) ผู้ถือหุ้นรายย่อยซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา รวมจานวน 5 ราย รวมจานวนหุ้นทั้งหมด 3,226,500 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.08 ของหุ้นที่ออกจาหน่ายแล้วทั้งหมดของ WG) ในราคา หุ้นละ 180 บาท รวมมูลค่าที่เสนอซื้อทั้งสิ้นประมาณ 1,614.2 ล้านบาท (ที่มา ตลท.) 
 
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
          ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
 
Trend Forecasting
 
SET Index ปิด 1604.40 (-0.8%) มูลค่าการซื้อขาย 4.5 หมื่นล้านบาท
 
SET dividend yield & SET Index
          เงินปันผลของตลาดสูงแค่ไหนถึงจะดึงดูดให้กระแสเงินลงทุนไหลกลับ
          แนวโน้มตลาด: ตลาดหุ้นโลกกำลังเผชิญกับภาวะตื่นตระหนก Panic sell โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่พบกระแสเงินลงทุนไหลออก ค่าเงินเอเชียอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่เงินลงทุนบางส่วนขยับเข้าหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเรากำลังเผชิญกับตลาดหุ้นขาลง แต่ในด้านเทคนิคเราสามารถหาจุดแนวรับสำคัญเพื่อประเมินความเสี่ยงของตลาด เช่น กรณีดัชนีปรับตัวลงแรง RSI ปรับตัวลงต่ำมากอยู่ในภาวะ Oversold พร้อมกับวอลุ่มตลาดลงลงอย่างมีนัยสำคัญ ดัชนีก็อาจเริ่มสร้างฐานและฟนตัวกลับขึ้นไปได้ ในอีกแง่มุมนึงเราสามารถใช้ค่า Dividend yield เงินปันผลของตลาดมาใช้ประกอบพิจารณาหาจุดกลับตัวหรือโซนที่มีความเสี่ยงต่ำได้เช่นกัน จากชาร์ตด้านบนพบว่า เงินปันผลของตลาดเคยขึ้นไปที่จุดสูงสุด 3.15% ณ.เวลานั้นดัชนีปรับตัวลงไปทำจุดต่ำที่ 1600 จุด เราจึงคาดว่าหากดัชนีปรับตัวลงแรงแต่เงินปันผลของตลาดที่อยู่ในระดับสูงจะสามารถดึงดูดให้เม็ดเงินลงทุนไหลกลับเข้ามาได้ สรุป: เราประเมินความเสี่ยงของตลาดปัจจุบันค่อนข้างต่ำ ทำให้ดัชนีมีแรงสู้ที่แนวรับ 1600 จุด ขณะที่เงินปันผลของตลาดจะขึ้นไปที่ 3.10-3.15% 
          กลยุทธ์การเทรดตลาดส่งสัญญาณรีบาวด์ เราจะเลือกใช้ parameter ที่เหมาะสม ได้แก่ 1. ราคาปรับตัวลงแรงเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป Oversold 2.โครงสร้างบ่งชี้สัญญาณกลับตัวจากกราฟแท่งเทียน เช่น รูปแบบ Hammer หรือ Doji 3.ราคาลงทดสอบแนวรับ Trend support แล้วดีดกลับ 4. ใช้จุด Stop loss เป็นตัวจำกัดความเสี่ยง 
          Technical screen Bull Signal:SCC ,BDMS, THAI
          Technical screen Bear Signal: BEAUTY, TKN , AH
          Port หุ้นคงเหลือ: SCC, CPALL, PTTEP, JMT, TU, BDMS, TOA,TOP, CENTEL, KBANK
          แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,600 แนวต้าน 1,610 / SET100 รับ 2340 ต้าน 2355
          BSET100 รับ 10.15 ต้าน 10.25 / BMSCITH รับ 12.00 ต้าน 12.10
          ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
          [email protected] +662-618-1334
 
Track with Technical
 
          SCC
          แนะนำ:ซื้อ
          เป้าหมาย:460.00
          Stop loss <436.00
          เหตุผล: หุ้นกลับขึ้นมายืนปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะ
          กลางได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนด้วยเครื่องมือวัด
          โมเมนตัม RSI บ่งชี้ความแข็งแกร่งด้านราคา
 
          BDMS
          แนะนำ:ซื้อ
          เป้าหมาย:28.00-29.00
          Stop loss <25.00
          เหตุผล: หุ้นปรับตัวขึ้นโดดเด่นภายหลังจากราคา
          ทะลุเส้นค่าเฉลี่ย "Golden cross ขณะที่เครื่องมือวัด
          โมเมนตัม DI+ บ่งชี้รูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้น 
 
          THAI
          แนะนำ:ซื้อ
          เป้าหมาย:15.00
          Stop loss <13.00
          เหตุผล: หุ้นปรับตัวลงมากกว่า 20% จากจุดยอด
          ปัจจุบันหุ้นส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับ หนุนด้วย
          สัญญาณ RSI เริ่มส่งสัญญาณแข็งแกร่ง 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!