- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 November 2018 15:41
- Hits: 8337
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ภาพตลาดและแนวโน้ม
SET Decoupling
เมื่อวาน หุ้นที่ลงแรงอย่างอสังหาฯ และหุ้นอื่นๆที่ดิ่งลงในช่วงก่อนหน้านี้ เริ่มรีบาวด์กลับ หนุนให้ตลาดหุ้นไทยยังมีลุ้น ไม่หลุด 1,600 จุด
วันนี้คาด หุ้นไทยยืนได้เหนือ 1,600 จุด แต่จะไม่ได้บวกแรง หรือ ขึ้นเร็ว ส่วนแนวโน้มจากนี้ไป เชื่อว่าหุ้นไทยจะไม่ได้ขึ้น ลง แรงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากนัก สอดคล้องกับที่เรา ได้เขียนไว้ในรายงาน และย้ำเริ่มมาตั้งแต่ 27 สค.เป็นต้นมา (รายงาน Weekly: Tactical strategy) ว่าหุ้นไทย จะ Decoupling จากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เพียงแต่เงินที่ขายออกจาก USD Asset ไม่ได้ไหลกลับเข้าหุ้นไทย เร็วอย่างที่เคยคาด
กลยุทธ์ แนะเพิ่มพอร์ต อย่างระวัง โดยเริ่มจากหุ้นที่เราแนะนำ ตาม NAV play หรือ หุ้นตามประเด็นลงทุน ในรายงาน Weekly ทั้ง 10 ตัวไปก่อน เช่น AOT CENTEL DDD CPALL CPN BEM GFPT CPF TU PTTEP
What to watch:
(+) MS ออกรายงาน Don't trade a bear like a bull มองการลงแรงๆ ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากนี้ไป จะเริ่มน้อยลง ข่าวดีคือ หุ้น Value ในตลาดหุ้นสหรัฐฯเริ่มไม่ลง.จากการปรับกำไรลงสิ้นสุดลงแล้ว แต่ข่าวร้าย หุ้น High growth ยังมี Flows De-rating และ Earnings cut อยู่
คาดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากหุ้นตกรอบนี้ ส่งผลให้ความมั่นใจในการซื้อหุ้นลดลง และ แนะนำ การซื้อหุ้นสหรัฐฯ ยังต้องระวัง ไม่แนะนำ ให้ รีบ Buy on dips เหมือน ปี 2008-09 เพราะรอบนี้ แตกต่างกัน ด้วย สภาพคล่องที่ลดลง ไม่เหมือนช่วง 2008-09 ที่ ธนาคารกลางส่วนใหญ่ ต่างอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน QE, TARP
(-/+) แรงขาย สินทรัพย์สกุลเงินดอลล์สหรัฐฯ เกิดขึ้นตามที่ MS คาด เพียงแต่เงินที่ได้จากการขายไป ยังอยู่ในรูปเงินสดมากกว่าที่จะรีบ หาที่ลง / ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้เรา เชื่อว่าหุ้นไทย ระยะกลางจะ Decoupling ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ (SET จะไม่ขึ้นลง ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ ภูมิภาค)
(+) รองนายกฯสมคิด ให้สัมภาษณ์เมื่อวาน เตรียมเข็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม เช่น ช็อปช่วยชาติ และ ต่ออายุ กม. LTF
(+) พาณิชย์ เผยส่งออก เดือน ตค. พลิกล็อค +8.7% ดีกว่าตลาดคาดที่ 3% y-y 10 เดือนแรก +8.19% / สัญญาณดีขึ้น หลังตัวเลขไตรมาส 3 สร้างความผิดหวัง / สำหรับตัวเลข เดือน พย. จะประกาศอีกครั้งช่วง กลางเดือน ธค. มีหวังดีขึ้นจาก การส่งออกข้าว เพราะราคาข้าวที่ดีขึ้น สะท้อน Demand ที่สูง
(0/+) ค้าปลีก การบริโภคในประเทศ อานิสงส์ มาตรการ อุดหนุนจากภาครัฐฯ 1) เงินช่วยค่าน้ำค่าไฟ 2) สนับสนุนค่าใช้จ่ายช่วงปลายปี 500 บาท/คน ในเดือน ธ.ค.61 3) ค่าเดินทางรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 1,000 บาท/คน และ 4. ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน 400 บาท/คน/เดือน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.61-ก.ย.62
หุ้นแนะนำ
TU เพิ่มเข้า พอร์ต Weekly tactical ถอด SCCC ออก
รายงานวันนี้
THAI: Light at the end of the tunnel
เรามองว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะกลับมาฟืนตัวแรงในช่วงเดือน ธ.ค. หลังจากที่ทางรัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้น อีกทั้งไตรมาส 4-1 ยังเป็นช่วง High season ของการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนจำนวนผู้โดยสารของ THAI ใน 4Q18 ในขณะที่ช่วง High season บริษัทสามารถที่จะปรับค่าโดยสารได้ และ fuel surcharge คาดจะส่งผลกระทบเต็มที่ในเดือน ธ.ค. ในขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงจะลดความกดดันด้านต้นทุน เรามองว่ากำไรใน 4Q18 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเปาหมาย 15.30 บาท
CK: On a downward trend
กลุ่มรับเหมาก่อสร้างกลับมาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนอีกครั้งเพราะภาครัฐพยายามที่จะผลักโครงการขนาดใหญ่ออกประมูลแต่เรามองว่าโอกาสที่จะล่าช้ามีค่อนข้างมาก (เราคาดรถไฟ 3 สนามบินเท่านั้นที่จะไม่ล่าช้า) และกำไรของ CK เองก็น่าจะลดลงในปี 2019 เพราะ backlog ในปัจจุบันที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและงานใหม่ม่าน่าจะเข้ามาทัน นอกจากนี้กำไรจาก BEM น่าจะลดลงในปรีหน้าเช่นกัน (เพราะปีนี้ BEM มีกำไรพิเศษ) เราคงแนะนำ ถือ
GOLD: 4Q18 result missed our estimate, but beat the street
GOLD รายงานกำไร 4Q18 (งวดเดือน ก.ค.-ก.ย.) ที่ 525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY และ 4% QoQ ตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าที่เราคาด 8% แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด 12% บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นที่ 0.46 บาท สำหรับงวดการดำเนินงานปี 2018 หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 5.6% เราคาดว่ากำไรจะเติบโตแข็งแกร่งใน 1Q18 (งวด ต.ค.-ธ.ค.) คาดมีโอกาสทำสถิติใหม่เหมือนกับใน 1Q18 จาก Backlog ททที่มีจำนวนมาก เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเปาหมาย 12 บาท
BANK (กลุ่มธนาคาร): Lending recovered in Oct; more growth ahead
ตัวเลขสินเชื่อในเดือน ต.ค. ของ 9 ธนาคารที่เรา cover รายงานออกมา เพิ่มขึ้น 0.8%MoM โดยกลุ่มบริษัท และรายย่อยเป็นตัวนำการเติบโต โดยลำดับได้แก่ BBL 1.9%MoM KBANK 1.5% KKP 1.2% TCAP 0.8% BAY 0.7% และ KTB 0.4% ในทางตรงข้าท TMB และ TISCO สินเชื่อหดตัวลง ใน 4Q18 เราคาด KKP, KTB, SCB, TISCO, KBANK, และ BAY จะรายงานกำไรที่โต YoY แข็งแกร่ง เราคงแนะ OVERWEIGHT และเลือก BBL และ KKP เป็น top pick
หุ้นมีข่าว
(+) CENTEL AOT ตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ตค. -0.51% y-y เทียบกับ เดือน กย. +3.9% y-y (นักท่องเที่ยวจีน ลดลง -19.8% y-y จาก เดือน กย.-14.9% y-y) เรามองว่า ราคาหุ้นลงสะท้อนตัวเลข นักท่องเที่ยวหดตัวไปมากแล้ว แนะ ไม่ต้องรอดูผลลัพธ์ ว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงนี้ ว่าจะ ส่งผลบวกได้มากน้อยแค่ไหน โดยเราเชื่อว่าตัวเลขเดือน พย.จะสร้างความประหลาดใจเชิงบวกให้กับตลาด แนะนำ ซื้อ ดัก CENTEL AOT ไว้ล่วงหน้า (ที่มา ก.ท่องเที่ยวฯ BLS Research)
(*/-) GPSC GLOW กกพ.รับอุทธรณ์กรณี GPSC จะซื้อหุ้น GLOW คาดพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 30 วัน (ที่มา ASPEN)
(0/+) ECF OCEAN UREKA จะครบระยะเวลา Cash balance ศุกร์นี้ (ที่มา ตลท.)
(*/+) TAPAC ผนึก บ.ย่อย SPALI ตั้ง บ.ย่อย เคอร์เช่ ค้าพัฒนาอสังหาฯ (ที่มา ตลท.)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1617.33 (+0.33%) มูลค่าการซื้อขาย 4.6 หมื่นล้านบาท
Concrete support zone 1600!
ดัชนีมีแรงซื้อกลับที่แนวรับ 1600 จุด อย่างไรก็ตามโมเมนตัมระยะกลางส่งสัญญาณลบ ขณะที่ดอลลาร์ดีดกลับแนวโน้มตลาดจะเป็นอย่างไร?
แนวโน้มตลาด: ดัชนีดีดกลับจากจุดต่ำสุดที่ 1598 ส่งผลให้กราฟแท่งเทียนส่งสัญญาณกลับตัวระยะสั้น Hammer (ดัชนีเปิดต่ำปิดสูง) อย่างไรก็ตามเครื่องมือวัดโมเมนตัมระยะกลาง MACD, Stochastic, DI- ส่งสัญญาณเตือนการอ่อนแรงให้ผลลัพธ์เชิงลบ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ดีดกลับแนวโน้มตลาดจะเคลื่อนไหวอย่างไร? ภาวะตลาดมีแรงซื้อกลับในหุ้นที่ปรับตัวลงลึก สอดคล้องกับกราฟแท่งเทียนบ่งชี้สัญญาณกลับตัว อย่างไรก็ตามแนวโน้มระยะกลางเครื่องมือวัดโมเมนตัม บ่งชี้ความอ่อนแรงด้านราคา ขณะที่โครงสร้างหลักดัชนีปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง 5&25-days อย่างไรก็ตามค่า RSI ปรับตัวลงต่ำ Oversold ส่งผลให้แรงขายพร้อมกับวอลุ่มตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
สรุป: แนวโน้มตลาดรีบาวด์ระยะสั้น อย่างไรก็ตามโครงสร้างตลาดยังคงรูปแบบขาลง ขณะที่กระแสเงินลงทุนยังคงไหลเข้าสู่ดอลลาร์เป็นหลักอาจส่งผลให้ดัชนีตลาดรีบาวด์ขึ้นได้ไม่ไกลเกินแนวต้าน 1650 จุด / แนวรับ 1600 จุด
กลยุทธ์การเทรดตลาดรีบาวด์ระยะสั้น เราจะเลือกใช้ parameter ที่เหมาะสม ได้แก่ 1. ราคาปรับตัวลงแรงเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป Oversold 2.โครงสร้างบ่งชี้สัญญาณกลับตัวจากกราฟแท่งเทียน เช่น รูปแบบ Hammer หรือ Doji 3.ราคาลงทดสอบแนวรับ Trend support แล้วดีดกลับ 4. ใช้จุด Stop loss เป็นตัวจำกัดความเสี่ยง
Technical screen short-term bull:TOP, CENTEL, KBANK
Port หุ้นคงเหลือ: SCC, BEAUTY, CPALL, GFPT, PTTEP, JMT, PSL, TU, BDMS, TOA
แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,600 แนวต้าน 1,630 / SET100 รับ 2350 ต้าน 2380
BSET100 รับ 10.24 ต้าน 10.35 / BMSCITH รับ 12.06 ต้าน 12.20
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
TOP
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:78.00-80.00
Stop loss <73.00
เหตุผล: หุ้นส่งสัญญาณฟืนตัวจากการลงแรงขณะที่จุดรับบริเวณ 70 บ.ตรงกับเส้นแนวโน้มหลัก Major support นอกจากนี้ RSI เคลื่อนที่ลงต่ำในระยะสัปดาห์อยู่ในภาวะขายมากเกินไป Oversold
CENTEL
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:45.00
Stop loss <39.00
เหตุผล: โครงสร้างหลักมีโอกาสเปลี่ยนเป็นทิศทางขาขึ้นจากการสร้างรูปแบบ Higher low ขณะที่เครื่องมือวัดโมเมนตัม Stochastic ส่งสัญญาณบวก
KBANK
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:200.00
Stop loss <192.00
เหตุผล: ราคาหุ้นปรับตัวลง 10% จากจุดยอด ปัจจุบันบ่งชี้สัญญาณฟืนตัวบริเวณแนวรับสำคัญ 190 บ. ซึ่งเคยเป็นช่วงราคาสะสมมากในอดีต