- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 November 2018 16:13
- Hits: 8619
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
ถ้าหลุด 1,600 จุด ไปรอ เจอกันใหม่แถว 1,550/1,530 จุด
หุ้นไทยเมื่อวาน ยังคงอ่อนแอ โดยแรงขายหนักๆ กระจุกอยู่ในกลุ่ม ธนาคาร สถาบันการเงิน อสังหาฯ อิเล็กทรอนิกส์ KBANK SCB MTC SAWAD LH QH KCE HANA ตามปัจจัยลบที่เกิดขึนช่วงนี้ เช่น การคุมสินเชื่ออสังหาฯ, ดอกเบี้ยในประเทศไม่ขึ้นจากเศรษฐกิจไทยโตช้า, ตัวเลขส่งออกพลาดเปา รัฐเตรียมปรับเป้าลง
วันนี้คาด แรงขายอีกระลอก จากการล้างสถานะอนุพันธ์, มาร์จิ้น บวกกับแรงขายหุนพลังงาน จะมีผลให้ตลาดหุ้นไทยลงต่อได้อีก ราว 2% ขณะที่ความมั่งคั่งในตลาดโดยรวม ที่ลดลง จากการ Drawdown หุ้นกลาง-เล็กก่อนหน้านี้ จะทำให้หุ้นไทยรายตัวตลอดจนหุ้นที่เราแนะนำ อาจจะยังไม่ได้ฟนตัวเร็ว อย่างที่เคยคาด...
แต่เชื่อว่า กลยุทธ์สะสมหุ้น เฉพาะตัวที่เลือก ตามประเด็นการลงทุนที่เราแนะนำ เช่น NAV Play, Events play (และยังคง เลี่ยงหุ้นในกลุ่มปัจจัยลบ ตลอดจนหุ้นที่ราคาลอยๆอยู่ด้านบน) เป็นกลยุทธ์ ที่เหมาะสมกับภาวะตลาดขาลงตอนนี้ และ สุดท้ายเวลาตลาดฟนกลับ เชื่อว่าหุ้นกลุ่มที่เราแนะนำ จะเป็นหุ้นเปาหมายในการเร่งซื้อ จากการเปลี่ยนตัว เข้ามาเล่นแทน ตัวเก่า ที่ผลตอบแทนติดลบ
กลยุทธ์ แนะ ใช้อนุพันธ์ Short Futures ช่วยในการปองกันความเสี่ยงขาลง ส่วนหุ้นที่แนะซื้อไปก่อนหน้า ยอมรับว่าผิดทาง และ ต้องมีการปรับพอร์ตบ้าง โดยพอร์ต Weekly tactical ถอด PTT SGP DDD และมาถือเงินสดรอ เลือกซื้อหุ้น ในระดับราคาที่ให้ส่วนลดมากกว่านี้
What to watch:
(-) แรงขาย สินทรัพย์สกุลเงินดอลล์สหรัฐฯ เกิดขึ้นตามที่ MS คาด และ ลามมาถึงการขายสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน เพียงแต่เงินที่ได้จากการขายไป ยังอยู่ในรูปเงินสดมากกว่าที่จะรีบ หาที่ลง / ซึ่งหุ้นไทยน่าจะลงตามไปก่อนในช่วงแรก เราแนะ รอดู จังหวะอีกครั้งเมื่อเมื่อราคาหุ้น Discount มากกว่านี้
(0/+) รอดูผลลัพธ์ จากการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตามมาตรการที่ ครม.อนุมัติเมื่อวาน: 1) เงินช่วยค่าน้ำค่าไฟ 2) สนับสนุนค่าใช้จ่ายช่วงปลายปี 500 บาท/คน ในเดือน ธ.ค.61 3) ค่าเดินทางรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 1,000 บาท/คน และ 4. ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน 400 บาท/คน/เดือน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.61-ก.ย.62 / ด้าน รมต.คลัง ให้สัมภาษณ์สือ กำลังศึกษา มาตรการ ช็อปช่วยชาติ รอบใหม่
หุ้นแนะนำ
JASIF พักเงินในหุ้นหลุมหลบภัย
รายงานวันนี้
BCH: Earnings growth leadership, easing valuations prompt rating upgrade
เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ ราคาเปาหมาย 22 บาท โดยมองว่ากำไรจะเติบโตโดดเด่นกว่ากลุ่ม ตั้งแต่ 4Q18 ไปจนถึง 2Q19 เราคาดกำไรปี 2019 จะโตถึง 15% (เทียบกับกลุ่มที่โตเฉลี่ย 9%) นอกจากนี้ World Medical Center ที่ทำกำไรมาแล้วถึง 2 ไตรมาสติดคาดจะสร้างความเชื่อมั่นในการหนุนการเติบโตได้
DDD: Still waiting for a better time and price
ยอดขายในประเทศค่อยๆฟนตัว หลังจากที่มีการปรับตัวลดลงใน 3Q18 จากการปิดตัวของตลาดในดอนเมืองและห้วยขวาง โดยบริษัทได้มีการเปลี่ยนกลยุทธ์เน้นการคุยกับผู้จัดจำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งเราเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยฟนยอดขายแต่ต้องใช้เวลา ในขณะที่ธุรกิจต่างประเทศเน้นไปที่ตลาดฟิลิปปินส์มากขึ้น เนื่องจากมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแรง ในขณะที่ตลาดจีนคงต้องรอผลลัพธ์ของการเปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายในปีหน้า จากภาพรวมยอดขายที่ยังอ่อนแอเรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2018 ลง 9% และ 2019 ลง 20% ปรับราคาเป้าหมายลงจาก 35 บาทเป็น 30 บาทและยังคงคำแนะนำ ถือ
BCPG: Unexciting 2019 outlookตCODs postponed
เรามองว่าโครงการ Solar farm ในญี่ปุน 3 โครงการมีโอกาสที่จะดีเลย์ออกไป เนื่องจากใช้เวลาสำหรับ land-clearing และ transmission line มากกว่าคาด และเรายังมองว่าโครงการอื่นๆ ยังมีโอกาสดีเลย์อีก อีกทั้งโครงการนอินโดนนีเซียมีโอกาสดีเลย์จากขั้นตอนของการผลิตไอน้ำ นอกจากนี้เรายังไม่เห็นการอัพเดทของการเจรจา tariff ใหม่ ทั้งในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เราปรับลดประมารการกำไรปี 2019-20 ลง 25% และปรับราคาเป้าหมายลงจาก 22 บาทเป็น 19.60 บาท เรายังคงคำแนะนำ ถือ
ASAP: Key takeaways from analyst meeting
ผลการดำเนินงาน 3Q18 ที่ลดลงต่ำคาด เป็นผลจาก
(1) การปล่อย Fleet รถเช่าจำนวนมากในระหว่าง ไตรมาส 3 ราว 2,000 คัน ส่งผลให้เกิดการ Miss match ระหว่าง การบันทึกค่าใช้จ่าย และ รายรับ (เช่น ส่งมอบรถให้ลูกค้า ปลายเดือน แต่ดอกเบี้ยจ่ายในการซื้อรถเข้ามาต้องลงบันทึกดอกเบี้ยทันที)
(2) ค่าใช้จ่ายประกันภัย ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด จากรถเช่าเมื่อปีที่แล้ว ต้องเริ่มจ่ายเบี้ยประกันหลังหมดโปรโมชั่นฟรีประกันปีแรก
(3) การปล่อย Fleet รถเช่า จำนวนมากในไตรมาสนี้ ทำให้ดอกเบี้ยจ่าย ตามหลักการบัญชีแบบอนุรักษ์นิยม เพิ่มขึ้น คือดอกเบี้ยจ่ายปีแรก จะส่งสูงกว่าเงินต้น แต่ดอกเบี้ยจ่าย จะค่อยๆ ลดลงในอีก 2-3 ไตรมาส จากนี้ไป
(4) รายได้จากแหล่งอื่นนอกจาก ค่าเช่ารถ เข้ามาช้า ไม่พอชดเชย ดอกเบี้ยจ่ายในระยะสั้น แม้ว่าราคาหุ้นจะลงมาสะท้อนปัจจัยลบไประดับหนึ่ง แต่เรา เห็นว่ากว่าราคาหุ้นจะฟนตัว ยังต้องอาศัยเวลา ในการฟนตัวตามกำไร อีก 2-3 ไตรมาส ข้างหน้า ดังนั้นแนะนำ รอ ซื้อ เมื่อ เห็นสัญญาณของกำไรฟื้นตัว
CBG: Key takeaways from analyst meeting
เรายังคงมุมมอง NEUTRAL หลังจากการประชุม แม้ว่าบริษัทจะตั้งเปายอดขายในประเทศเติบโต 10% ในปี 2019 จากการปรับโครงสร้างทีมขายใหม่ แต่เรามองว่าเป็นไปได้ยากเนื่องจากคู่แข่งยังคงแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดในต่างประเทศคาดจะยังเติบโตจาก CLMV ในขณะที่ตลาด UK และ จีนยังคงไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนลดขาดทุนจาก ICUK โดยการขยายยอดขายไปในประเทศอื่นในยุโรป และปรับลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดจาก Chelsea sponsorship เราเชื่อว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่การเติบโตในอนาคตอาจไม่ดีพอที่จะทำให้เทรดอยู่ในระดับ High Valuation เรายังคงคำแนะนำ ถือ
หุ้นมีข่าว
(*/-) สภาพัฒน์ รายงาน GDP ไทย 3Q +3.3% ต่ำกว่าที่ตลาดคาด +4.2% และลดลงจาก 2Q ที่ +4.6% (y-y) ส่วนตัวเลขปีนี้เชื่อว่าจะจบที่กรอบล่างของคาดการณ์ ที่ +4.2% (จากกรอบ 4.2-4.7%) พร้อมทั้งปรับตัวเลขส่งออกลงเหลือ +7.2% จากเดิมคาด 10% ส่วนปีหน้า 2562 คาดกรอบ 3.5-4.5% โดยส่งออกจะลดเหลือ +4.6% / GDP ต่ำกว่าคาด เป็นผลจาก ตัวเลขส่งออกโดยเฉพาะภาคเกษตรลดลง บวกกับ รายได้ภาคการท่องเที่ยวพลาดเปา / ทีมเศรษฐกิจธนาคารกรุงเทพ คาด แบงก์ชาติ จะยังคงดอกเบี้ยต่อไป ในการประชุม นัดสุดท้ายของปีนี้ ที่ 1.5%
(+) ครม. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติม ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 4 มาตรการ ได้แก่ 1) บรรเทาภาระค่าน้ำ 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน และ ค่าไฟ 230 บาท/ครัวเรือน/เดือน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.61-ก.ย.62 ซึ่งในส่วนนี้เป็นวงเงินที่ถอนไม่ได้ ใช้งบประมาณ 27,060 ล้านบาท 2)สนับสนุนค่าใช้จ่ายช่วงปลายปี 500 บาท/คน ในเดือนธ.ค.61 ใช้งบประมาณ 7,250 ล้านบาท 3) ค่าเดินทางรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 1,000 บาท/คน ใช้งบประมาณ 3,500 ล้านบาท และ 4) ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน 400 บาท/คน/เดือน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.61-ก.ย.62 งบประมาณ 920 ล้านบาท โดยทั้ง 3 ส่วนหลังนี้สามารถเบิกถอนได้ (ที่มา ASPEN)
(+) LPN บอร์ดอนุมัติ โครงการซื้อหุ้นคืน ใช้เงิน 400 ลบ.ซื้อหุ้น 42 ล้านหุ้น เริ่ม 4 ธค. 61- 3 มิย. 62 (ที่มา กลต.)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1612 (-1.49%) มูลค่าการซื้อขาย 3.6 หมื่นล้านบาท
SET Index estimate downside risk
ดัชนีปรับตัวลงแค่ไหนถึงจะดึงดูดให้เม็ดเงินกลับเข้ามาและเหตุการณ์ใดบ้างที่ทำให้ตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง
ความผันผวนของตลาดหุ้นโลกและปัจจัยเสี่ยงภายนอกส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงปิดต่ำคำถาม:ดัชนีจะปรับตัวลงอีกแค่ไหนถึงจะดึงดูดให้เม็ดเงินกลับเข้ามา สัญญาณทางเทคนิคชี้ว่า ดัชนีหลักลดลงอย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็นจุดการปรับตัวไปสู่ระดับ Oversold (RSI <30) เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับลงไปถึงแนวรับหลักระยะยาว จุดที่น่าสนใจคือหากปรับตัวลงแรงแถวบริเวณ 1600 จุด จะส่งผลให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำและเป็นจุดแนวรับสำคัญ นอกจากนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้แนวโน้มตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง หากเกิดสัญญาณดังต่อไปนี้:
1. Indicator บอกถึงภาวะขายมากเกินไปหรือ Oversold ในภาวะที่ตลาดปรับตัวลงเร็ว
2. Blue-chip stock หุ้นขนาดใหญ่เริ่มส่งสัญญาณการฟนตัว ภายหลังจากการปรับตัวลงแรง
3. เม็ดเงินจากกองทุนในประเทศและต่างชาตืเริ่มกลับเข้าซื้อ
4. การแข็งค่าเงินสหรัฐฯอิ่มตัวก่อนที่จะกลับมาเป็นแนวโน้มเชิงลบ(กระตุ้นให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับมาสู่ตลาดหุ้นเอเซีย)
5. ความผันผวนของตลาดหุ้นลดลง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ส่งสัญญาณเชิงบวกในวงกว้าง
สรุป: เราคาดว่า จังหวะการเข้าซื้อขายหุ้นด้วยเครื่องมือเทคนิคจะมีบทบาทสำคัญในช่วงที่ตลาดผันผวน มองทิศทางตลาดหากลงมาที่แนวรับ 1600 จุด มองเป็นจุดน่าสนใจในการเข้าซื้อ
กลยุทธ์การเทรดภาวะตลาดขาลง เราจะเลือกใช้ parameter ที่เหมาะสม ได้แก่ 1. ราคาปรับตัวลงแรงเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป Oversold 2.โครงสร้างบ่งชี้สัญญาณกลับตัวจากกราฟแท่งเทียน เช่น รูปแบบ Hammer หรือ Doji 3.ราคาลงทดสอบแนวรับ Trend support แล้วดีดกลับ 4. ใช้จุด Stop loss เป็นตัวจำกัดความเสี่ยง
Technical screen bull signal:BDMS, TOA, TU (relative strength)
Technical screen bear signal: QH, KBANK, WORK
Port หุ้นคงเหลือ: SCC, BEAUTY, CPALL, GFPT, PTTEP, JMT, PSL, TU
แนวโน้มระยะสั้นมอง SET Index แนวรับ 1,595 แนวต้าน 1,625 / SET100 รับ 2330 ต้าน 2380 BSET100 รับ 10.15 ต้าน 10.35 / BMSCITH รับ 11.95 ต้าน 12.20
ธนรัตน์ อิศรกุล นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical
BDMS
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:29.00
Stop loss <25.00
เหตุผล: หุ้นปรับตัวขึ้นโดดเด่นภายหลังจากราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ย ขณะที่เครื่องมือวัดโมเมนตัม MACD บ่งชี้รูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้น
TOA
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:40.00
Stop loss <35.00
เหตุผล: ราคาปิดทดสอบจุดต้านสำคัญ 36.25 กรณีทะลุผ่านจะส่งผลให้โครงสร้างเปลี่ยนเป็นขาขึ้น หนุนด้วยค่า Bull MACD
TU
แนะนำ:ซื้อ
เป้าหมาย:19.50-20.00
Stop loss <18.00
เหตุผล: ราคาหุ้นพักตัวภายหลังจากทะลุผ่านแนวต้านสำคัญส่งผลให้วอลุ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 1 เดือน