- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 November 2018 15:13
- Hits: 1928
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายเด่น โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงขายเด่นใน BJC และกลุ่มการเงินอย่าง MTC, SAWAD กลุ่ม ICT นำโดย ADVANC, DTAC, TRUE กลุ่มค้าปลีกอย่าง BJC, CPALL, BEAUTY และกลุ่มอสังหานำโดย SIRI, ANAN, ORI, AP ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,638.8 จุด (-13.4 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.4 หมื่นลบ. เทียบเท่ากับวันก่อน
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 ที่ 1,346 ล้านบาท และเปิดสถานะ Short SET50 index future สุทธิ 14,168 สัญญา
Investment theme
ตลาดหุ้นแกว่ง แนะสะสมหุ้น Downside จำกัด : ภายหลังสิ้นสุดการรายงานงบไตรมาสสามพบว่ากำไรสุทธิเติบโต 20%YoY ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ 2.4 แสนล้านบาท และหากนับเฉพาะ 3 กลุ่มใหญ่พบว่ากลุ่มพลังงาน (ใน Coverage 9บริษัท) มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 13.3% YoY และ 1.9% QoQ เป็น 7.4 หมื่นล้านบาท ตามการฟื้นตัวของกลุ่มโรงกลั่น ได้แก่ TOP BCP กลุ่มปิโตรเคมีที่รายงานผลประกอบการหลักทำจุดสูงสุดใหม่ ในขณะที่กลุ่มธนาคารเติบโต 9%YoY, -4%QoQ ที่ 4.8หมื่นล้านบาท (ใน Coverage ไม่นับ TMB กำไรพิเศษ) กลุ่มค้าปลีกเติบโต 13%YoY, 9%QoQ แต่หากเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์พบว่าส่วนมากออกมาต่ำกว่า-ใกล้เคียงคาด โดยเริ่มเห็นการปรับประมาณการกลุ่มอาหาร กลุ่มเกษตร, กลุ่มขนส่ง, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ลง เป็นผลให้ EPS ของ SET ถูกปรับลดลงเล็กน้อยเหลือ 108.2 จาก 109.6x และสำหรับปัจจัยต่างประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับจาก -300 จุดมาบวก 200 จุด 25,289 จุด ภายหลังจีนเริ่มเปิดทางการเจรจาการค้าเบื้องต้นกับสหรัฐ ก่อนกำหนดพบกันระหว่าง 2 ผู้นำในการประชุม G20 ในปลายเดือนนี้ แนะนักลงทุนติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินสถานการณ์
Investment Theme: สัปดาห์นี้ประเมินกรอบ SET 1,650-1,685 จุด คงคำแนะนำถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% พร้อมเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มอสังหา, โรงกลั่น , TV-Digital และทยอยสะสมหุ้น Defensive และ Downside จำกัด นำโดย EGCO และทยอยสะสม BEM
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา กลุ่ม PTT คาดราคาน้ำมันดิบ Dubai ปีหน้าที่ 70-80 เหรียญ/บาร์เรล / สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป เผยยอดขายรถใหม่เดือนต.ค. ลดลง 7.4% หลังอุปสงค์ชะลอตัว / ดร.สมคิดชี้ตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่ง เชื่อสามารถเป็นศูนย์กลางภูมิภาคได้ / อินโดนีเซียขึ้นดอกเบี้ยเป็น 6.0% / รัฐมนตรีอังกฤษหลายคนทยอยลาออกภายหลังไม่พอใจ May กับการจัดการ Brexit
Stock pick : JMT
JMT : เริ่มต้นคำแนะนำซื้อราคาเหมาะสม 15.30 บาท/หุ้น (มี Upside 39%)
ราคาหุ้นปรับตัวลงจากต้นปีมากกว่า 45% บนความกังวล ผลประกอบการและธุรกิจ Secured loan อย่างไรก็ตามผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ประกาศออกมาเติบโตกว่า 40% และจากการศึกษาในรายละเอียดเรากลับมองว่า ทิศทางนี้ถือเป็นโอกาส และความท้าทายครั้งใหม่ในการเติบโตของ JMT
บริษัทดำเนินธุรกิจใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยทุกประเภท เราชอบ Model ธุรกิจและมองว่ามีจุดเด่นคือการประกอบธุรกิจได้ทั้งในสภาวะเศรษฐกิจดี (เก็บหนี้, ขาย Collateral) และเศรษฐกิจซบเซา (ซื้อหนี้ในราคาเหมาะสม) โดยธุรกิจดังกล่าวมีจุดเด่นที่อัตรากำไรสูงในระดับ 60% ส่งผลให้มีกำไรเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีสูงกว่า 30%
คาดพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพจะเติบโตจากปัจจุบันที่ 1.3 แสนล้านบาท อีกราว 20,000 ล้านบาท/ปี ทั้งจาก (1) Non-Secured ซึ่งมี NPL ใหม่เพิ่มเข้าระบบ +5% ต่อปี ผลักดันจากการเติบโตเศรษฐกิจ และการที่หลายๆธนาคารเร่งระบายขาย NPL ออกมาก่อนเกณฑ์ IFRS 9 จะเริ่มใช้ในปี 2563 และ (2) Secured loan ดังกล่าว โดยเราคาดพอร์ตหนี้รวมของ JMT จะแตะ 2 แสนล้านในปี 2564 และคาดกำไรเฉลี่ย 3ปีเติบโตในระดับ 25%
เรามองเห็นโอกาสการเติบโตของ JMT แบบ Snowball ในไตรมาส-ไตรมาส บนหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะที่สินเชื่อยังขยายตัวไม่หยุด และการรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ที่หนุนศักยภาพเติบโตในระยะยาว เราแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมปี 62 ที่ 15.30 บ./หุ้น อิง P/E'62 ที่ 23X ให้เหมาะสมกับที่กำลังอยู่ใน growth stage แบบจับต้องได้ บนกำไรปี 2562 ที่ 590 ลบ. +25%YoY คิดเป็น PEG = 0.9X
Technical View
หลุดแนวรับ Gap 1645 แนวโน้มกลับเป็นขาลง มองแนวรับถัดไป 1620: แรงขายของหุ้นค้าปลีกและสื่อสาร ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับที่ปิด Gap บริเวณ 1645 ส่งผลให้ Downside เปิดมากขึ้น และเนื่องจากขณะนี้แนวโน้มกลับเป็นขาลงประกอบกับเริ่มเกิดสัญญาณลบใน MACD จึงมองว่าดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวลต่อ มองแนวรับถัดไปที่ 1630 และ 1620 ตามลำดับ สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นแนะนำให้ชะลอการลงทุนจนกว่าดัชนีจะเริ่มหยุดลงหรือ Rebound อย่างมีนัยยะ หรือหากยังมีหุ้นจังหวะRebound ระหว่างวันยังมองเป็นโอกาสขายเพื่อลดพอร์ตการลงทุน
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: เนื่องจากดัชนีหลุด 1645 ฉะนั้นต้อง Lock Profit หรือ Stop Loss โดยจังหวะ Rebound ระหว่างวันมองเป็นโอกาสขายเพื่อลดพอร์ต 2) ไม่มีหุ้น: แนะนำรอดูแนวโน้มที่แนวรับถัดๆไปจนกว่าดัชนีจะเริ่มหยุดลงหรือ Rebound อย่างมีนัยยะ
แนวรับ : 1620, 1630 แนวต้าน : 1645, 1650
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: -
ปัจจัยในประเทศ: วันนี้สนช.พิจารณาภาษีที่ดิน
หุ้นเทคนิค:
BCH (B 18.30-18.60, Tp 19.50//20.00, Cut 18.00)
JWD (B 7.60-7.70, Tp 8.20//8.50, Cut 7.50)
ข่าวเด่นเช้านี้
CPF ลั่นเป้าหมาย 5 ปี ยอดขายทะลุ 6 แสนล. โชว์ 9 เดือนกำไรสุทธิพุ่ง 13,855 ล้าน (ข่าวหุ้น)
CPF วางเป้า 5 ปีข้างหน้า ดันยอดขายมากกว่า 6 แสนล้านบาท เดินหน้าธุรกิจในต่างประเทศ หวังเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากกิจการในต่างประเทศพุ่ง 75% จากปัจจุบัน 67% พร้อมโชว์กำไรสุทธิ 9 เดือนแรก 13,855 ล้านบาท โต 7% รับผลราคาสุกรในเวียดนาม-กัมพูชาฟื้น
ความเห็น : เราเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่ CPF จะทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากปีนี้คาดยอดขายเกือบ 5.3 แสนล้านบาท หากยอดขายเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 3% ก็จะทำได้ 6 แสนล้านบาทในปี 2566 ขณะที่กำไรเติบโตดีขึ้นใน 3Q61 และแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท
'สมคิด' เบรกยกเลิก LTF เชื่อดึงคนเข้าสู่การลงทุน (ทันหุ้น)
"สมคิด" ไม่อยากให้ยกเลิก LTF สั่งคลังพิจารณาอย่างรอบคอบ พร้อมให้พิจารณากองทุนใหม่ของ FETCO เป็นกรณีพิเศษ มั่นใจตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่งสะท้อนจากกำไรสุทธิสูงถึง 10% มีเงินปันผลค่อนข้างมาก สั่ง ตลท.เร่งผลักดันตลาดหุ้นไทยเป็นฮับอาเซียน ฟาก ดร.ภากร ตลท.ย้ำเลิก LTF ไม่กระทบดัชนี ขณะที่ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมงาน SET in The City 2018 ไม่ต่ำกว่า 1.2-1.3 แสนราย
ความเห็น : เม็ดเงิน LTF ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพยุงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงสภาวะผันผวน รวมถึงเป็นการออมการลงทุนในระยะกลาง ดังนั้นหากยกเลิก คาดจะกระทบเม็ดเงินการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นหากมีการทบทวน LTF หรือมีกองทุนที่ดีมาชดเชย ก็น่าจะช่วยกระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุนเพิ่มเติมได้
TRUE พลิกกำไรหมื่นล้าน รายได้เพิ่ม-ฐานลูกค้าโต (ข่าวหุ้น)
TRUE โชว์งบไตรมาส 3/61 พลิกมีกำไรสุทธิ 385 ล้านบาท หลังรายได้พุ่ง ฐานลูกค้าธุรกิจมือถือ-ธุรกิจบรอดแบนด์โตแกร่ง มีลูกค้ามือถือพุ่ง 28.8 ล้านราย ครองมาร์เก็ตแชร์ 28.9% หนุน 9 เดือนแรกพลิกมีกำไรสุทธิ 10,035 ล้านบาท
ความเห็น : กำไรจากการดำเนินงานช่วง 3Q61 มีการพลิกกลับมาทำกำไรได้ ซึ่งถือว่า earnings momentum เริ่มดูดียิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ดีสำหรับภาพรวมกลุ่ม ICT ยังคงต้องติดตามการเติบโตในช่วงถัดไป ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตไม่มากนัก ดังนั้นจึงอาจต้องมีการปรับลด cost เพื่อหนุนผลประกอบการในช่วงถัดไป
ชี้น้ำมันทรงตัว 70-80 ดอลล์ จับตาจีน-สหรัฐตัวแปรหลัก (เดลินิวส์)
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวในงานเสวนามุมมองปิโตรเลียมประจำปี 61 ว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบ ในปี 62 คาดว่าจะทรงตัวในระดับ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับปี 61 แต่จะแกว่งตัวแรงขึ้นมากกว่าปีนี้ที่ผันผวน เป็นผลจากสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านที่เริ่มเดือนพ.ย.นี้ ทำให้น้ำมันของอิหร่านหายไปจากระบบ แต่สหรัฐเข้าผลิตทดแทน ขณะที่ปริมาณใช้ทั่วโลกมีปริมาณ 1.1-1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจของทั้งเอเชียและสหรัฐเติบโตต่อเนื่อง
ความเห็น : เรามองกรอบราคาน้ำมันระมัดระวังกว่า PTT โดยประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบในกรอบ 65-75 เหรียญต่อบาร์เรล และเฉลี่ย 70 เหรียญต่อบาร์เรล (+3% YoY) การอ่อนตัวของราคาน้ำมันส่งผลกระทบโดยเฉพาะขาดทุนสต๊อกสำหรับกลุ่มโรงกลั่น อย่างไรก็ตามเรามองเป็นโอกาสทยอยสะสม PTTEP ราคาเป้าหมาย 160 บาท
BANPU ถ่านหินติดลมบนกรอบ 98-108 ดอลล์ต่อตัน (ทันหุ้น)
BANPU ประเมินราคาถ่านหิน 2562 แข็งแกร่งในระดับสูง วางกรอบ 98-108 ดอลลาร์ต่อตัน หลังความต้องการใช้โตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณขายถ่านหินเป็น 46-47 ล้านตัน จากปีนี้ 45 ล้านตัน เล็งซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่มปลายปีถึงปีหน้า ชี้ทุกธุรกิจแนวโน้มเติบโตดี ส่วนรายได้ปีนี้โตตามเป้า 20%
ความเห็น : เรามองราคาถ่านหินในช่วง 1Q62 ยังได้ผลบวกจาก อุปสงค์ตามฤดุกาล อย่างไรก็ตามในระยะกลางเราคาดอุปสงค์ถ่านหินนำเข้าจะเรื่องชะลอตัวลง ขณะที่อุปทานจากผู้ผลิตหลักเพิ่มขึ้น กดดันราคาถ่านหินในช่วงที่เหลือของปี เราแนะนำ Trading Buy ระยะสั้น เป้าหมาย 25 บาท
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000